ประชาสัมพันธ์

แนวทางทองคำวันที่ 26-1-58

เเนวรับ 1292 1285 1275 เเนวต้าน 1300 1305 1310

ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวยังคงซื้อขายอยู่ในกรอบ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจัยจะเป้นลบแต่ทองคำก็ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินหลังจากนโยบายของธนาคารกลางแต่ละประเทศเริ่มลดดอกเบี้ยกันมากขึ้น ส่งผลให้มีความกังวลในเรื่องของ Currency war เกิดในช่วงนี้ สำหรับทิศทางมองว่า ราคายังคงแกว่งตัวในกรอบ 1285-1305 ไปสักพักหนึ่ง ทางเลือกคือ หากราคาไม่ยอมลง อาจได้เห็นการขึ้นทำ New-high พร้อมทั้ง Divergent ในภาพ H4 ซึ่งประเมินว่า การขึ้นจะยังไม่แข็งแรงและมองการขึ้นแล้วลง อีกกรณีหนึ่งคือ ราคาลงไปเลยหลุดแนวรับ 1280-1285 มองว่าราคาจะเริ่มลงแล้ว

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยหนักๆเป็นวันแรก 3283 ล้านบาท และยังคง Long สุทธิในฟิวเจอร์ 11,078 สั
ญญา SET ปิดบวกในวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากหุ้น BAY วิ่งชน Ceiling และมี Market cap ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ในตลาดหุ้นไทยส่งผลให้ตัวนี้ตัวเดียวดันดัชนีไปถึง 16 จุด และในวันนี้ก็ปรับตัวสูงขึ้นอีกแต่จากการที่ขึ้นมาเยอะจนเกินไปยังคงมองว่าเริ่มระวังการย่อตัว ภาพรวมดูดีขึ้นสำหรับ SET Index สำหรับค่าเงินบาทแนวโน้มเริ่มแข็งค่าอีกครั้งหนึ่งในระยะสั้นนี้แนวรับอยู่ที่ 32.50 และ 32.20

ทางเลือกหลัก : ราคาหลุดแนวรับ 1280-1285 มองว่า จะเข้าสู่การปรับฐานของราคาทองคำในภาพรวม

ทางเลือกรอง : ราคาขึ้นไปทำ New-high เกินกว่า 1305 อาจจะปรับตัวขึ้นได้อีกรอบหนึ่ง แต่ยังมองว่า ไม่ไกลนัก และคาดว่าจะเกิด Bearish divergent ในภาพ H4 ตามมาหากขึ้นแรงไม่พอ

รายละเอียด

- ผลการประชุม ECB เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาพบว่า ECB เริ่มทำ QE จริงตามที่ตลาดคาดการณ์กัน ขนาดวงเงินจำนวนเกือบ 1.14 ล้านล้านยูโร ซึ่งวงเงินตรงนี้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ประมาณ 5-6 หมื่นล้านยูโร โดยจะแบ่งการเข้าซื้อในแต่ละเดือนจำนวน 6 หมื่นล้านยูโร และจะดำเนินนโยบายไปจนถึงเดือนตุลาคม 2559 โดยสัดส่วนการเข้าซื้อของ ECB จากทั้งหมดนับเป็นเพียงแค่ 20% ที่เหลือจะเป็นการแบ่งให้ธนาคารกลางของแต่ละประเทศเข้าซื้อเอง หลังจากการประกาศข่าวนี้ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องและไปทดสอบระดับ 1.10 ยูโรต่อดอลลาร์ในช่วงเช้าของวันนี้ก่อนที่จะมีแรงรีบาวน์ขึ้นมา ค่าเงินยูโรในระยะยาวคงจะอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงไปอีกสักพักหนึ่งจากนโยบาย QE รอบนี้

- การเลือกตั้งขจองกรีซผลสำรวจล่าสุดคาดว่า พรรคฝ่ายซ้าย Syriza มีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งสูงมาก ผลสำรวจอย่างไม่เป็นทางการล่าสุดก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ต้องมาดูทีท่าว่าจะจัดการยังไงสำหรับปัญหาเรื่องใหม่ของยูโรโซน เพราะ แนวโน้มมีทีท่าจะวุ่นวายจากการที่พรรค Syriza มีแนวคิดไม่นิยมการรัดเข็มขัดและขอเงินช่วยเหลือจากกลุ่มทรอยก้า และอาจจะต้องออกจากยูโรโซนไป ซึ่งทางพรรคได้ออกมาประกาศว่าจะขอเจรจาให้กรีซยังอยู่ในยูโรโซนต่อไป

- ตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกาออกมาค่อนข้างผสม ในวันพฤหัสมีตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมา 307K คาดการณ์ 300K และเดือนก่อนหน้า 317K และในวันศุกร์ได้มีประกาศ Flash PMI ออกมาเท่ากับ 53.7 เท่ากับเดือนก่อนหน้าในขณะที่น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 54 ฝั่งยอดขายบ้านมือสองปรับตัวดีขึ้น 2.5% จากเดือนก่อน –6.3% และดัชนีชี้นำ( Leading index ) ออกมาดีขึ้นที่ระดับ 0.5% สูงกว่าเดือนก่อนหน้าและที่คาดการณ์ที่ 0.4% ข่าวเหล่านี้ไม่ได้มีนัยสำคัญกับราคาทองคำมากเท่าไรนัก

- อัตราส่วนหนี้เสีย (NPLs) ของจีนเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี ส่วนอัตราการตั้งสำรองก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันสำหรับเศรษฐกิจจีน ทางฝั่งราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงอีกเล็กน้อยหลังจากมีข่าวผู้นำซาอุดิอาระเบียเสียชีวิตและคาดว่าผู้นำคนใหม่จะยังไม่ลดกำลังการผลิตเช่นเดิม

- SPDR เพิ่มการถือครองทองคำอีก 0.16% สู่ระดับ 741.65 ตันเป็นไปในทางเดียวกับ Hedge fund

แนวทางทองคำวันที่ 22-1-58

เเนวรับ 1285 1280 1270 เเนวต้าน 1300 1305 1310

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1300 ในช่วงเมื่อวานระหว่างการ ซื้อ-ขาย หลังจากนั้นโดนแรงขายสวนลงมา มองว่าระดับนี้ก็ยังเป็นระดับที่มีความเสี่ยงสำหรับฝั่งซื้อ ในขณะที่ฝั่งขายก่อน ควรจะรอราคาหลุดระดับ 1285 ลงมาเพื่อยืนยันการปรับตัวลดลงต่อ ในระยะสั้นก็ยังมองการปรับตัวลงมาทดสอบ 1285 ระดับนี้เป็นแนวรับสำคัญเนื่องจากเป็นเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่คอยสนับสนุนนับตั้งแต่ทองคำขึ้นมาหากหลุดแนวโน้มมักจะบ่งบอกว่าใกล้เปลี่ยน ในระยะสั้นราคาได้ออกจาก Overbought ได้แล้ว ขณะที่ค่าเงินยูโรแนวโน้มยังอ่อนค่าลงอยู่ และตลาดพันธบัตรได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และวันนี้ความผันผวนที่ค่อนข้างมากต้องใช้ความระมัดระวังอย่างหนัก

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรก 813 ล้านบาทหลังจากขายมาตลอด 9 วันทำการส่วนในตลาดฟิวเจอร์ Long สุทธิ 1,284 สัญญา เป็นวันที่ 4 ต่อเนื่องกัน ทิศทางของ SET มองว่า ฝั่งขึ้นเริ่มได้เปรียบแต่ต้องอย่าลืมคืนนี้ว่ามีผลการประชุม ECB และควรจะควบคุมความเสี่ยงจากความผันผวนให้ดี ค่าเงินบาทเมื่อวานแข็งค่ากลับลงมาที่เดิมค่อนข้างผันผวนเช่นเดียวกัน ในวันนี้ต้องติดตามผลการประชุม ECB ให้ดี ว่าจะผันผวนออกมาในลักษณะไหนเงินบาทยังคงแกว่งตัวในแถวบริเวณนี้ไปก่อน

ทางเลือกหลัก : มองราคาเริ่มลงมาทดสอบ 1285 อีกครั้งหากหลุดลงมา จะเปิดทางให้ทองคำไหลลงต่ออีก 

ทางเลือกรอง : ราคาทะลุผ่าน 1300-1305 ขึ้นไปรอบนี้มองว่า น่าจะปรับตัวขึ้นต่อได้อีกรอบหนึ่งแล้ว

รายละเอียด

- ในวันนี้จะมีการประกาศผลการประชุม ECB ในช่วง 20.30 ตามเวลาบ้านเรา และก่อนหน้านั้นในช่วง 19.45 จะมีการประกาศ Minimum Bid Rate หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมองว่า ตรงนี้อาจจะมีความผันผวนเกิดขึ้นก่อน โดยรวมแล้วข่าวนี้มีความผันผวนกับตลาดแน่นอนทั้งค่าเงินและทองคำ สำหรับรายละเอียดนั้น เมื่อวานนี้มีข่าวจาก CNBC ว่าผู้รู้ในวงการ หรืออาจจะอยู่ในที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป ได้ออกมาเปิดเผยว่า ECB เตรียมพร้อมแล้วที่จะวางแผนเข้าซื้อสินทรัพย์วงเงิน 50,000 ล้านยูโรต่อเดือน (58,300 ล้านดอลลาร์) ไปจนถึงปลายปี 2559 ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วคาดว่าจะขยายงบดุลไปอีก 1.1 ล้านล้านยูโรตามแผนของ ECB สาเหตุที่ตลาดคาดการณ์กันถึงวงเงิน 1.1 ล้านล้านยูโรเนื่องจาก ในช่วงวิกฤติยุโรปช่วงปี 2011 ECB ได้ประกาศช่วยเหลือเศรษฐกิจโดยก่อตั้งกองทุน LTRO และงบดุลได้ขยายไปยังระดับ 3 ล้านล้านยูโร หลังจากนั้นธนาคารที่รับเงินไปได้ทยอยคืนเงินกู้คืนทำให้งบดุลของ ECB ลดเหลือระดับประมาณ 2 ล้านล้านยูโร ในตอนนี้จึงมองว่า งบดุลของ ECB น่าจะขยายไปได้อีก 1.1 ล้านล้านยูโรเหมือนกับช่วงปี 2011 อีกครั้ง ซึ่งการทำ QE ของยุโรปรอบนี้มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนรวมถึงเงินเฟ้อระดับต่ำจนกลายเป็นเงินฝืดในปัจจุบัน และคาดว่าเงินยูโรจะอ่อนลงอีกเงินดอลลาร์จะสวนทางแข็งค่าขึ้นและไม่เป็นผลดีกับราคาทองคำแต่เป็นผลดีกับตลาดหุ้น ปัญหาที่ตามมาคือ ตลาดรับรู้ข่าวนี้ไปมากขนาดไหน ? ซึ่งตรงนี้มองว่า ตลาดบางส่วนได้รับข่าวไปแล้ว หาก ECB ไม่มีตัวเลขให้น่าประหลาดใจอย่างเช่น ใช้วงเงินเยอะกว่ากำหนด ต้องใช้ความระมัดระวังให้ดี และข่าวนี้ต้องระมัดระวังความผันผวนอย่างรุนแรงของค่าเงิน

- ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ พบว่า ยังไม่มีนโยบายอะไรเพิ่มเติม แต่ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อลง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

- ทองคำปรับตัวขึ้นสู่ระดับ $ 1300 เมื่อวานนี้เป็นการปรับตัวขึ้นแรงในรอบ 5 เดือน (9%) นับตั้งแต่เปิดปีใหม่มานี้ จากนั้นเจอแรงขายจากการทำกำไรของคนที่มีทุนระดับต่ำ และล่าสุด SPDR หลังจากเพิ่มสถานะการซื้อมา 2 วันเมื่อวานนี้ได้ขายออก 0.24% สู่ระดับ 740.45 ตัน

- ผู้นำจีนกล่าวว่าจีนจะไม่เจอกับ Hard landing โดยจีนจะมุ่งเน้นการเติบโตของจีนในระยะยาว

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.45 EUR

Minimum Bid Rate 0.05% 0.05%

20.30 EUR 

ECB Press conference 

USD

Unemployment claims 301K 316K

แนวทางทองคำวันที่ 21-1-58

เเนวรับ 1290 1280 1266 เเนวต้าน 1300 1305 1310

ราคาทองคำยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่ออีกเมื่อวานนี้ ท่ามกลางภาวะ Divergent ในภาพ H1 อีกรอบหนึ่ง ซ้ำสองรอบ และเป็นสัญญาณเตือนที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ H4 อยู่ในภาวะ Overbought ซึ่งการอยู่ตรงนี้บ่งบอกได้ว่า เทรนขาขึ้นนั้นค่อนข้างแรง และในอดีต ตามสถิติแล้วการอยู่ในภาวะ Overbought หลังจากนั้นจะปรับตัวลดลงเกินกว่า 80% มีเพียงบางครั้งที่แนวโน้มแข็งแกร่งจริงๆจะลาก Overbought ไปเรื่อยๆ ประกอบกับราคาตอนนี้อยู่ห่างจากค่าเฉลี่ย 21 วันมาค่อนข้างเยอะ จึงมองว่า ฝั่งซื้อเริ่มหมดความได้เปรียบไปพอสมควร และหากจะรอซื้อควรรอให้ราคาพักตัวลงมาหน่อยไม่ควรไล่ราคาตรงจุดนี้ วันนี้มีผลการประชุม BOJ แต่ยังไม่กำหนดช่วงเวลาแน่นอน

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 819 ล้านบาท แต่กลับไป Long สุทธิในฟิวเจอร์อย่างหนักถึง 8671 สัญญา SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบรอรับข่าวพรุ่งนี้อยู่ แต่การขึ้นมานี้ต้องประเมินว่าสะท้อนข่าวหรือยัง ค่าเงินบาทมองจากราคาที่ปิดเกินกว่า 32.70 ยังพอมีแนวโน้มไปในทางอ่อนค่ามากกว่าแล้ว หลังจากพยายามมาทดสอบแล้วก็ยังยืนอยู่ได้ ต้องขอดูวันนี้อีกวันว่าจะสามารถยืนได้หรือไม่บริเวณ 32.70 นี้ ขณะที่หากยืนไม่ได้นั้นค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่ากลับไปยังระดับ 32.20 ในภาพรวม

ทางเลือกหลัก : มองว่าราคาในระดับสูงนี้ยังไม่น่าเปิดสถานะฝั่งซื้อเท่าไร มองว่าเริ่มหมดแรง และ ถึงแม้จะขึ้นต่อดูไม่ไกลนัก ราคาสมควรที่จะพักลงมาบ้างแล้ว 

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ราคาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนซึ่งจะเกิดในสัปดาห์นี้ทั้งผลการประชุม ECB ที่คาดว่าจะมีการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหรือ QE และ การเลือกตั้งของกรีซ ปัญหาที่ตามมาคือ ณ ระดับราคาแบบนี้กลัวว่าราคาจะได้สะท้อนข่าวไปแล้วระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถบ่งบอกแน่ชัดได้ว่าระดับไหน และต้องมาดูความผันผวนระหว่างที่ข่าวออกซึ่งคาดว่าน่าจะมีสูง นอกจากนี้ทองยังได้รับปัจจัยบวกจากความไม่แน่นอนของการเติบโตเศรษฐกิจโลก ล่าสุด IMF ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ระดับ 3.5% จากการประมาณการณ์ครั้งก่อน 3.8% จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงที่ถึงแม้จะเป็นบวกกับเศรษฐกิจโลกแต่จะไปทำให้อัตราเงินฝืดของยุโรปและเอเชียเพิ่มขึ้น รวมถึง ความต้องการบริโภคภายในประเทศของแต่ละประเทศยังหดตัวอยู่ระดับต่ำทั้งเอเชีย และ ยุโรป ตอนนี้มีเพียงอเมริกาที่ดูดีที่สุดสำหรับการเติบโต

- ราคาน้ำมันดิบช่วงเช้าวันนี้ฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากปรับตัวลดลงร่วม 4% เมื่อคืนที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจากการปรับลดประมาณการณ์ของ IMF ตามข่าวด้านบน การส่งออกน้ำมันของเวเนซูเอลาปรับตัวลดลงสู่ 2.33 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2014 จาก 2.43 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีก่อนหน้า บ่งบอกถึงดีมานด์ในตลาดโลกที่ลดลงพอสมควรในปีที่ผ่านมา และคาดว่าสต๊อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ก่อนจะยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกไปในทิศทางเดียวกันกับสต๊อกน้ำมันดิบหน้าโรงกลั่น

- Yield พันธบัตรระยะยาวทั้ง 10 ปี และ 30ปี ของอเมริกายังปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้หลังจากมีแรงซื้อเข้ามาในตลาดพันธบัตรสาเหตุจากการต้องการรับดอกเบี้ยที่สูงก่อนที่ ECB จะดำเนินการ QE พรุ่งนี้ ตลาดยังคงติดตามข่าวนี้ทุกตลาดและติดตามว่าจะมีอะไรให้น่าผิดหวังออกมาหรือไม่

- ข่าวที่น่าสนใจในวันนี้จะไปอยู่ที่ BOJ หรือธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งจะมีผลการประชุมออกมาตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะมีการตัดลดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อลงจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงและอาจจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการขยายเงินกู้เป้าหมายในการปล่อยกู้ให้แก่ภาคเอกชนมากขึ้น

- SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำอีก 1.55% สู่ระดับ 742.24 ตัน ในช่วงนี้จะเห็นว่ากองทุน SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงมุมมองในทางบวกที่เริ่มมีในตลาดทองคำ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

8.30 USD 

Building permits 1.06M 1.05M
Housing starts 1.04M 1.03M

All JPY 

BOJ press conference

แนวทางทองคำวันที่ 20-1-58

เเนวรับ 1270 1266 1260 เเนวต้าน 1280 1283 1290

ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวเมื่อวานนี้ท่ามกลางปริมาณการซื้อ-ขายที่เบาบาง ในวันนี้ก้ยังมองมุมเดิมคือ ราคามีแนวโน้มจะลงมาก่อน แต่ในเบื้องต้นมองว่า Divergent ที่เคยทำไว้ไม่ได้ส่งผลทางลบมากนัก และราคาน่าจะยังทรงตัวอยู่ระดับแถวนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง แต่ก็ยังมองว่า หากราคาดีดขึ้นไปก็ยังไม่ใช่จังหวะซื้อที่ดี จังหวะซื้อที่ดีจะอยู่แถวบริเวณ 1270-1260 หรือต่ำกว่านั้น ควรรอราคพักตัวลงมาก่อนจะดีกว่า เงินยูโรเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังจากปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้ ส่วนตลาดพันธบัตรหลังจากที่มองทดสอบแนวต้าน ก้ทดสอบแล้วและแรงขายเมื่อวานก็กลับไม่ได้มากเท่าไรนัก จึงยังมองว่า ในตลาดพันธบัตรยังคงเป็นบวกกับทองคำอยู่

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1000 ล้านบาท ขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันในขณะที่ Lomg สุทธิในฟิวเจอร์ 1,517 สัญญา จากที่มองไว้ว่า SET ขาดปัจจัยในทางบวกและอาจจะปรับตัวลดลง แต่ตอนนี้กลับบวกสวนขึ้นมายังมองว่า การปิด GAP ด้านล่างอาจจะต้องชะลอไปก่อน และต้องติดตามข่าววันที่ 22 มค นี้ให้ดีว่าจะมีผลกระทบอย่างไร ค่าเงินบาทหลังจากแข็งค่าก็กลับอ่อนมาทดสอบแนวต้าน 32.70 มองว่า หากไม่สามารถผ่านตรงนี้ไปได้ เงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าอีกครั้งหนึ่ง

ทางเลือกหลัก : มองราคาลงไปด้านล่างบริเวณ 1266-1270 ก่อน และยังมองว่าเป็นจุดซื้อที่ดีในระดับที่ต่ำ หากราคาดีดขึ้นก่อน ยังไม่แนะนำให้ซื้อตาม

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ข่าวตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆค่อนข้างน้อย ในวันนี้จะมาดูภาพรวมแนวโน้มราคาทองคำในระยะนี้กันครับ โดยปัจจัยเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงนี้ที่น่าจะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดทองคำมีอยู่ด้วยกัน 2 วันคือ วันที่ 22 มีผลการประชุม ECB ที่คาดว่าจะมีการทำนโยบาย QE และวันอาทิตย์ที่ 25 จะมีการลงคะแนนเลือกตั้งในกรีซซึ่งตลาดคาดาการณ์ว่าพรรคฝ่ายซ้ายจะได้รับเลือกเข้ามา ซึ่งสองข่าวนี้ต้องติดตามให้ดี ส่วนแนวโน้มนั้นเมื่อวัดจากจุดต่ำสุดที่ 1130 และจุดสูงสุดแถวบริเวณ 1170 จะได้ระดับการพักตัวของทองคำในแนวโน้มขาขึ้นหากระดับราคาไม่หลุดฟิโบที่ 61.8% หรือ 1210 ก็ยังมองการลงแต่ละรอบนั้นเป็นเพียงการพักตัว โดยมีแนวรับแต่ละฟิโบที่ระดับ 1260 1240 และ 1228 ตามลำดับ ซึ่งยังมองว่า หากราคาจะขึ้นต่อนั้นแนวรับแต่ละแนวจะมีหน้าที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแนวโน้มยิ่งพักตัวลงมาลึกเท่าไร แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอมากเท่านั้น 

- เศรษฐกิจจีนเติบโตที่ระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปีในปีที่ผ่านมา ขยายตัวที่ 7.4% จากระดับ 7.7% ในปี 2013 ตามเป้าหมายของการเติบโตของรัฐบาลนั้นมองไว้ที่ระดับ 7.5% ซึ่งการเติบโตของจีนในอดีตนับตั้งแต่ปี 1990 ไม่เคยต่ำกว่า 7.6% ซึ่งในปีนั้นเป็นเหตุการณ์ที่จตุรัสเทียนอันเหมินและส่งผลให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 3.8% ส่วน GDP เฉพาะไตรมาสที่ 4 ขยายตัว 7.3% มากกว่าที่คาดการณ์ 7.2% จากตัวเลขที่ออกมานั้นมีนักวิเคราะห์ออกมาให้ความเห็นค่อนข้างเยอะว่า ถึงแม้เศรษฐกิจจีนจะยังไม่ขยายตัวเยอะแต่เราก็จะไม่ได้เห็นเศรษฐกิจจีนหดตัวแรงเช่นเดียวกัน และ ดัชนีชี้นำในส่วนของภาคการผลิตยังคง Stable อยู่มา 2 ปีแล้ว และคาดว่าในปีนี้จะมีการควบคุมที่มากยิ่งขึ้นให้เศรษฐกิจจีนโตไปในทิศทางที่มีคุณภาพกว่าเดิม

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมาซื้อ-ขายกันที่ระดับ $47 ต่อบาร์เรล หลังจากตัวเลขการเติบโตของจีนออกมาลดน้อยลง ในขณะที่ตลาดหุ้นจีนและเอเชียกลับกลายเป็นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

- ตลาดคาดการณ์กันว่า ECB จะใช้วงเงินจำนวน 5 แสนล้านยูโรในการประชุมรอบนี้ แต่รายละเอียดในการเข้าซื้อยังคงไม่ชัดเจนนัก อาจจะเป็นลักษณะของการเข้าซื้อแบบ Hybrid ซึ่งธนาคารกลาง ECB จะซื้อเป็นจำนวนวงเงินหนึ่งขณะที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศก็จะแยกกันซื้ออีกส่วนหนึ่ง

แนวทางทองคำวันที่ 16-1-58

เเนวรับ 1250 1245 1240 เเนวต้าน 1264 1270 1280

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างรุนแรงเมื่อวานนี้ ท่ามกลางข่าวสวิสเซอร์แลนด์ยกเลิกการตรึงค่าเงินไว้กับสกุลเงินยูโร และตามมาด้วยข่าวตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 300K เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน รวมถึงข่าวตัวเลขเงินเฟ้อ PPI ที่ออกมาน้อย และการผลิตที่ยังเป็นภาพผสมกัน ในระยะสั้นระดับราคานี้ถือว่าขึ้นมาหยุดตรงแนวต้านสำคัญพอดี และคาดว่าจะเจอแรงขายลงมาเล็กน้อย ถึงแม้ราคาจะขึ้นต่อแต่ก็ยังไม่แนะนำให้ซื้อตาม แนะนำว่าควรรอราคาลงมาด้านล่างพักตัวก่อนและค่อยดูหาจังหวะซื้อประเมินแนวรับหากแนวโน้มแข็งแกร่งไว้ไม่เกิน 1250 เป้าหมายการขึ้นใกล้ 1300 หากแนวโน้มอ่อนตัวจะมีแนวรับ 1240-1245

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,131 ล้านบาท ขณะที่ Short สุทธิในฟิวเจอร์อีก 2,573 สัญญา และเริ่มขายสุทธิในตราสารหนี้เป้นวันแรก 3612 ล้านบาท กระแสเงินทุนถึงแม้จะออกจากตลาดหุ้นแต่ค่าเงินบาทยังแข็งค่าลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับสาเหตุหนึ่งมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และช่วงที่ผ่านมาเงินได้ไหลเข้าตลาดพันธบัตรพอสมควร แนวรับ 32.70 ผ่านมาได้แล้ว มองแข็งค่าต่อลงอีกไปยังระดับ 32.50 เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลา ภาพรวม SET ยังคงมองทิศทางฝั่งลงได้เปรียบกว่า

ทางเลือกหลัก : มองราคาอาจจะขึ้นต่อก็ได้ แต่มองการพักตัวลงมาด้านล่างและหาจุดซื้อจะดีกว่า 

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ชุดตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกาที่ออกมานั้นยังมองว่าค่อนข้างเป็นไปในลักษณะผสมกันมีทั้งบวกและลบ เริ่มจากตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน กันยายนปีที่แล้ว หรือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน อยู่ที่ระดับ 316K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 297K และคาดการณ์ 299K เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเช่นกันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 300K เป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำ ส่วนตัวเลขภาคการผลิตอย่าง Philly fed ปรับตัวลดลง 6.3 จากเดือนก่อนหน้า 24.5 และคาดการณ์ 20.3 ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันถึงแม้จะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าที้ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม ในขณะที่ภาคการผลิตของ Empire state พบว่าออกมาขยายตัว 10.0 จากเดือนก่อนหน้า –3.6 และคาดการณ์ 5.3 ตัวเลขภารการผลิตนั้นออกมาตัวหนึ่งดีตัวหนึ่งไม่ดี และตัวเลขเงินเฟ้อ PPI ปรับตัวลดลง –0.3% ตามคาดการณ์จากเดือนก่อนหน้า –0.2% แสดงให้เห็นถึงภาวะเงินฝืดที่เริ่มเกิดในอเมริกาเช่นเดียวกัน แต่ยังเป็นในฝั่งของผู้ผลิตและคาดว่าจะสะท้อนผ่านไปยัง CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภคได้

- ประเด็นหลักเมื่อวานที่เกิดขึ้นและสร้างความผันผวนให้กับตลาด Forex คือ ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกการตรึงค่าเงิน (Peg) ไว้กับสกุลเงินยูโร และส่งผลให้ระดับ CAP ที่ 1.20 ฟรังต่อยูโรได้ผ่านออกมาได้และเงินสวิสแข็งค่าขึ้นอย่งารุนแรงเมื่อวานนี้ โดยสาเหตุที่สวิสยกเลิกการผูกเงินเนื่องจาก เงินยูโรอ่อนค่าลงมากทำให้เงินสวิสที่ควรจะแข็งกว่านี้แต่กลับดันไปผูกเวินไว้กลับยูโร และปัจจุบันวิกฤติหนี้ยูโรก็เบาบางลง ประกอบกับ นโยบายทางการเงินของยูโรโซนที่จะผ่อนคลายลงอีกในอนาคต ทำให้ธนาคารกลางตัดสินใจยกเลิกการผูกค่าเงินและลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเป็น –0.75% จาก –0.25% และกำหนดกรอบอัตราดอกเบี้ย LIBOR 3 เดือนที่ระดับ –1.25% ไปจนถึง 0.25% จากเดิม –0.75% จนถึง 0.25%

- IMF ได้ออกมาประเมินทิศ?งของเศรษฐกิจโลกว่า ยังมีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจจะเติบโตในระดับต่ำ และประเมินเศรษฐกิจอเมริกาในทางที่ดีขึ้น และน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไรนัก

- เศรษฐกิจเยอรมันเติบโตที่ระดับ 1.5% ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

- SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำอีก 1.35% สู่ระดับ 717.15 ตัน 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

20.30 USD

CPI -0.3% -0.3%
Core CPI 0.1% 0.1%

21.55 USD 

Prelim consumer sentiment 94.2 93.6

แนวทางทองคำวันที่ 15-1-58

เเนวรับ 1228 1225 1215 เเนวต้าน 1240 1243 1250

ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขค้าปลีกที่ออกมาหดตัวค่อนข้างแรง ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายได้ขึ้นไปทดสอบระดับ 1240 จากนั้นเกิดแรงขายลงมาไม่สามารถยืนอยู่เหนือแนวต้านนี้ได้ และเกิดเป็น Inside bar ในลักษณะของหางยื่นขึ้นด้านบน เป็นสัญญาณที่ไม่ดี แสดงให้เห็นถึง แรงขายมีน้ำหนักมากกว่า และเป็นสัญญาณเตือนให้ระมัดระวัง ในขณะที่ทางฝั่งของการปรับตัวลดลงมองแนวรับ 1225-1228 ยังค่อนข้างแข็งแกร่งจากรูปแบบ Invert head and shoulder แต่หากปรับตัวลดลงเกินกว่า 1228 มองแนวรับไว้ที่ 1215 ยังมีลุ้นให้ราคาดีดกลับขึ้นไปหลังจากปรับตัวลดลงมาในรอบนี้ตามแนวโน้มในภาพใหญ่ที่เป็นบวกอยู่ เพียงแต่ระยะสั้นอาจมีจังหวะซื้อ

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยน้อยลงเหลือเพียงระดับ 37 ล้านบาท และยัง Short สุทธิในฟิวเจอร์ 2,474 สัญญา มุมมองต่อ SET Index ยังมองว่า มีโอกาสปรับตัวลดลงอยู่ และช่องว่างที่ระดับ ต่ำกว่า 1500 ยังรอให้ลงไปปิดอยู่ โดยประเมินไว้ว่าน่าจะลงไปปิดก่อนวันที่ 22 มค.นี้ เพราะ มุมมองในวันที่ 22 คาดการณ์ถึงการอัดฉีด QE ของยูโรโซน ถึงแม้จะรับข่าวไปแล้ว แต่คาดว่าหุ้นจะขึ้นได้อยู่ หลังจากการปรับตัวลดลง ค่าเงินบาททิศทางยังคงแข็งค่าลงมาทดสอบ 32.70 ที่เป็นแนวรับสำคัญในระยะสั้นนี้

ทางเลือกหลัก : มองว่าสัญญาณเตือนทางฝั่งลงเริ่มมีแล้ว แต่ก็ยังมองทางฝั่งลงนั้นยังเป็นไปอย่างจำกัด มองแนวรับ 1225-1228 ยังคงเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง และหากหลุดมามองแนวรับ 1215 เป็นจุดซื้อ และลุ้นราคากลับไปยืน 1225 ได้ใหม่ในอนาคตหากหลุดลงมาด้านล่าง

ทางเลือกรอง : 

รายละเอียด

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแรงถึง 5% เมื่อวานนี้ นับเป็นการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในวันเดียวที่ดีที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ถึงแม้สต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาจะออกมามากกว่าที่คาดการณ์ก็ตาม สาเหตุมาจากการทำ Short-covering ในออพชันและฟิวเจอร์ที่กำลังจะหมดอายุ ทำให้เกิดแรงซื้อคืนกลับมาค่อนข้างมาก ปัจจุบันมาซื้อ-ขายกันอยู่ที่ระดับ $48 ต่อบาร์เรล มุมมองในตลาดตอนนี้คือ ราคาน้ำมันดิบที่รีบาวน์ขึ้นมานั้นจะเป็นลักษณะของ Short-live คือรีบาวน์แปปเดียวแล้วลงต่อ เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงเกิดภาวะ Oversupply ในตลาดน้ำมันดิบ

- ตัวเลขค้าปลีกหดตัว –0.9% จากเดือนก่อนหน้า 0.2% และคาดการณ์ 0.4% ในขณะที่ตัวเลขค้าปลีกแบบไม่รวมหมวดยานพาหนะ (Core retail sales) หดตัวเช่นเดียวกันที่ระดับ –0.1% จากเดือนก่อนหน้า 0.1%และคาดการณ์ 0.1% แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงและทำให้ผู้บริโภคประหยัดเงินจากค่าน้ำมันมากขึ้น แต่กลับไม่ได้ช่วยทำให้คนใช้จ่ายมากขึ้นเลย

- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงร่วม 200 จุด (VIX Index ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นแสดงให้เห็นถึงความกังวลที่อยู่ในตลาดหุ้น) จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และทีท่าของเยอรมันในวันก่อนในเรื่องของการทำ QE แต่หลังจากนั้นได้มีแรงรีบาวน์ขึ้นมาท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว และ สัญญาณในทางที่ดีขึ้นของเยอรมันทั้งนี้เรื่อง QE ของยุโรปหลายคนนั้นมองว่า ระดับราคาเหล่านี้ได้สะท้อนเรื่องการทำ QE ไปบางส่วนเรียบร้อยแล้ว

- Beige book ที่เป็นหนังสือรายงานสภาพเศรษฐกิจที่ FED จัดทำไว้และจะเปิดเผยปีละ 8 ครั้งเกี่ยวกับมุมมองของ FED ในทิศทางเศรษฐกิจเปิดเผยว่า เศรษฐกิจอเมริกายังคงเติบโตอยู่ในระดับปานกลางจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น และ ให้มุมองเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงว่าเป็นส่วนหนึ่งของความกังวลถึงเศรษฐกิจที่จะได้รับปัจจัยลบบ้าง เนื่องจาก อุตสาหกรรมน้ำมันนั้นเริ่มมีปัญหาและอาจจะต้องปลดคนงานลงบางส่วนเพื่อเป็นการลดต้นทุน

- ธนาคารกลางจีนได้ออกมาเปิดเผยว่า ในอนาคตจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

20.30 USD 

PPI -0.3% -0.2%
Core PPI 0.2% 0.0%
Unemployment claims 299K 294K

22.00 USD

Philly FED Manufacturing index 20.3 24.5

แนวทางทองคำวันที่ 14-1-58

เเนวรับ 1228 1225 1220 เเนวต้าน 1234 1243 1250

ทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้หลังจากขึ้นไปสู่ระดับแนวต้าน 1240 ซึ่งมองว่า การทดสอบแนวต้านรอบนี้ สมควรที่จะย่อก่อน ขณะที่ย่อนั้นมองลงมาที่ระดับ 1228 ที่เป็นแนวรับของรูปแบบ Invert head and shoulder หากราคาไม่สามารถขึ้นมายืน 1228 ได้ในวันนี้ก็มองมุมมองบวกเริ่มเสียไป ในวันนี้มองว่า ราคาอาจจะปรับตัวลดลงไปอีกเล็กน้อยแต่ไม่มากแล้ว และหากยืนยันรูปแบบนี้จริง จุดแถวบริเวณ 1225-1228 นั้นจะเป็นจุดเข้าซื้อที่ดี โดยมีเป้าหมายของรูปแบบนี้ที่ระดับใกล้ 1300 ถึงแม้มุมมองในทางบวกจะเข้ามา แต่ในระยะสั้นหากราคหลุดลง 1225 ลงไปและปิดต่ำกว่านั้นก็ทยอยลดสถานะฝั่งซื้อลงบางส่วนเอาชัวร์ไว้ก่อน เงินดอลลาร์ยังอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2082 ล้านบาท ในขณะที่ Short สุทธิในฟิวเจอร์อีก 3302 สัญญา ทางฝั่งสถาบัน Long ฟิวเจอร์อยู่ยังค่อนข้างมาก ตลาดหุ้นยังคงไม่ปรับตัวลดลงไปมากนัก หลังจากเมื่อวานนี้เปิดตลาดปรับตัวลดลงแรง จากนั้นได้มีแรงซื้อรีบาวน์กลับขึ้นมา ยังมองมุมที่ว่าฝั่งลงยังคงได้เปรียบกว่าเล็กน้อย แต่ต้องมาดูว่า จะยังขึ้นต่อไปอีกไหม ปัจจัยต่างๆยังไม่ค่อยมีในตลาดหุ้นเท่าไรนักในช่วงนี้ ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.80-33.00 โดยมีแนวรับถัดไปที่ 32.70 เป็นแนวสำคัญ

ทางเลือกหลัก : มองราคาลงมาอีกนิดหน่อย จากนั้นยังให้น้ำหนักว่าราคาดีดขึ้นต่อตามรูปแบบ Invert head and shoulder

ทางเลือกรอง : ราคาปิดต่ำกว่า 1225 มองว่าเริ่มเป็นกลาง

รายละเอียด

- เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแรง ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขาย ขึ้นไปร่วม 300 จุด จากนั้นได้เกิดแรงขายลงมาจนทำให้ดัชนีปิดลบ สื่อต่างประเทศมองว่า ตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวนรุนแรงมากในช่วงนี้ สาเหตุคาดว่าน่าจะมาจาก การขายทำกำไรเป็นอันดับแรกในหุ้นกลุ่ม Blue ship รวมถึง หมวดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับพลังงานปรับตัวลดลง และ ราคาคอมโมดิตีที่ลดลงคาดว่า น่าจะทำให้เกิดเงินฝืดขึ้น และ ราคาที่ลงมาได้สะท้อนภาวะเงินฝืดเข้ามา และจากการที่นักลงทุนเริ่มหลีกหนีความเสี่ยงออกจากตลาดหุ้น รวมไปถึงความกังวลว่า การทำ QE ของยูโรโซนอาจจะไม่ได้รับการร่วมมือจากเยอรมันเท่าที่ควร จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นผันผวนเมื่อคืนนี้

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้ ในลักษณะ Technical rebound และ ราคาที่ลงมาระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีนั้นทำให้มีการทำ Short-covering บางส่วน และส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ระดับแนวรับี่ $45/บาร์เรลมองว่า เป็นแนวรับค่อนข้างสำคัญเพราะเป็นจุดเชื่อมแนวโน้มขาขึ้นนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาในภาพระยะสัปดาห์และเดือน ระดับนี้จึงมองว่าน่าจะเกิดรีบาวน์ขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง ท่ามกลางการออกมาให้ความเห็นของซาอุดิอาระเบียว่า ราคาน้ำมันดิบจะไม่เห็นระดับ $100/บาร์เรลอีกแล้ว มุมมองในทางลบไหลเข้าตลาดน้ำมันค่อนข้างมาก และข่าวต่างๆเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำมันดิบ จึงมองว่า ตลาดได้รับข่าวร้ายเข้าไปในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้อิหร่านได้ออกมาประเมินว่า ซาอุดิอาระเบียจะได้รับผลกระทบพอสมควรจากการทรงตัวราคาน้ำมันดิบในระดับที่ต่ำและกระทบมากกว่าอิหร่านเพราะปัจจุบันอิหร่านไม่ได้พึ่งพาการส่งออกพลังงานทั้งหมดเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตร

- World bank ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงคาดว่าในปี 2558 จะเติบโต 3% จากการประมาณการณ์ครั้งก่อน 3.4% ทั้งนี้ปรับการขยายตัวของอเมริกาเพิ่มเป็น 3.2% จากเดิม 3.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตน้อยลง แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่อง ภาวะชะลอตัวอย่างยาวนาน ของญี่ปุ่น และ ยูโรโซน รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศ และความผันผวนทางด้านการเงิน

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

20.30 USD

Retail sales 0.2% 0.7%
Core Retails sales 0.1% 0.5%

2.00 USD

Beige book

แนวทางทองคำวันที่ 13-1-58

เเนวรับ 1232 1228 1225 เเนวต้าน 1240 1250 1260

ราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องล่าสุดมาหยุดอยู่ใต้แนวต้าน 1240 มองว่า ระดับนี้อาจจะมีชะลอตัวนิดหน่อย เพราะถือว่าเป็นแนวต้านสำคัญหนึ่ง แต่จากข้อมูลในอดีต จุดราคานี้ราคาเคยมาหยุดเพียงแค่ครั้งเดียว ก็อาจจะไม่เหนียวมากเท่าไรนัก และจากนั้นยังมองขึ้นต่อ โดยเป้าในใจเมื่อเทียบกับตลาดพันธบัตรแล้วมองว่า อย่างต่ำต้องขึ้นไปถึงระดับ 1260 และในวันนี้ราคาได้ยืนยันการกลับตัวรูปแบบของ Head and shoulder แบบกลับหัว ซึ่งปกติเป้าหมายจะเท่ากับที่ช่วงหัว และจะได้เป้าหมายไปหยุดอยู่ที่ 1290-1300 ในระยะกลาง ซึ่งมองว่า ข่าวที่ทองคพจะฟื้นตัวต่อเนื่องนั้นมีค่อนข้างสนับสนุน ในขณะที่จุดตัดขาดทุนจะอยู่ที่ระดับ 1228 ที่เป็นแนวต้านของรูปแบบหัวและไหล่

ต่างชาติขายสุทธิในหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานขายเพิ่มอีก 2,280 ล้านบาท แต่ไป Short สุทธิเหลือลงเล็กน้อย 331 สัญญา ทิศทางตลาดหุ้นเริ่มมองการพักฐาน ถึงแม้เมื่อวานนี้จะสามารถปิดบวกได้ แต่ท้ายตลาดเกิดแรงขายตามลงมา (ล่าสุดเปิดตลาดมา –10) ยังพอมีช่องว่างให้ลงไปถึงระดับที่ต่ำกว่า 1500 ได้สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ตามหุ้นทั่วโลกที่ยังส่งมาทางลบ ทิศทางค่าเงินบาทหลังจากแข็งค่าลงมาแตะระดับ 32.80 ล่าสุดยังไม่สามารถผ่านไปได้ ยังคงเป็นการแกว่งตัวในกรอบ (32.70)32.80-33.00

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวขึ้นต่อไปยังระดับที่สูงกว่า 1240 แต่ในระยะสั้นราคามาหยุดที่แนวต้านแล้ว อาจจะมีการพักตัวลงมาบ้าง แต่ยังมองการพักตัวไม่แรงเท่าไรนัก

ทางเลือกรอง : ราคาพักตัวหลุด 1228 จะทำให้แนวโน้มเริ่มเป็นกลางต้องรอดูแนวโน้มอีกครั้ง

รายละเอียด

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก ล่าสุดราคาอยู่ที่ระดับ $45 ต่อบาร์เรล จากข่าว โกลแมนด์ แซกส์ ออกมาปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในไตรมาสแรกของปีนี้ที่ระดับ $ 40/บาร์เรล และสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะมีเยอะเกินและทำให้เกิดOversupply โดยมีสาเหตุหลักมาจากการผลิตน้ำมันได้มากขึ้นเยอะจากเทคโนโลยี Shale oil และมองว่ากลุ่มประเทศ OPEC ยังมีโอกาสที่จะลดกำลังการผลิตค่อนข้างน้อย และจาก Sentiment ในทางลบนี้เองทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 2 วันติดต่อกัน

- ตลาดพันธบัตรยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Yield อายุ 10 ปี ยังซื้อ-ขายอยู่ที่ระดับ 1.9% จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตเศรษฐกิจโลกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงและข่าวล่าสุดจากทาง CNBC ออกมาเปิดเผยว่า ECB มีแผนที่จะทำ QE แล้ว แต่วิธีการอาจจะยังไม่แน่นอน บางแหล่งข่าวอย่าง Reuters ได้เปิดเผยว่า ECB อาจจะใช้วิธีการแบบ Hybrid คือ ECB จะเป็นผู้ซื้อพันธบัตรของยูโรโซนทั้งหมดเป็นส่วนแรก จากนั้นจะให้ธนาคารแต่ละประเทศเข้าซื้ออีกส่วน

- ผลสำรวจคร่าวๆของกรีซพบว่า น่าเป็นห่วง เนื่องจาก ผลโพลออกมาคาดว่า พรรคไซลิซ่า (Syriza) มีแนวโน้มที่จะได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ส่งผลให้ความกังวลเริ่มกลับมาอีกครั้ง เพราะ หาก Syriza เข้ามาจริงอาจทำให้การเมืองในกรีซมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการขอรับเงินช่วยเหลือ และต้องไปติดตามกันวันที่ 25 มกราคมที่จะถึงนี้ หากฝ่ายซ้ายได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจริงคงจะวุ่นวายกว่านี้ แต่ล่าสุดก็เริ่มมีข่าวดีมาบ้างว่า พรรคฝ่ายค้านหากได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็จะดำเนินการชำระหนี้จนหมดและจะให้กรีซใช้สกุลเงินยูโรต่อไป ส่งผลให้คะแนนความนิยมของพรรคนี้เพิ่มขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าที่จะครองเสียงข้างมากในสภา

- การนำเข้าทองคำของประเทศตุรกีปรับตัวลดลงแรงในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 11.8 ตัน จาก 31.6 ตันในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ข้อมูลเปิดเผยจาก Bourse Istanbul 

- การส่งออกของจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 9.9% หลังจากคาดการณ์ว่าจะออกมา 6.8% และ เดือนก่อนหน้าการส่งออกขยายตัว 4.7% ส่วนการนำเข้าปรับตัวลดลง –2.3% ทำให้ตลาดมีความหวังถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มากขึ้น ทั้งนี้การส่งออกถือว่าค่อนข้างมีความสำคัญต่อ GDP ของจีนพอสมควร

แนวทางทองคำวันที่ 12-1-58

เเนวรับ 1220 1218 1210 เเนวต้าน 1230 1238 1240

ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีในด้านปริมาณแต่ไม่ดีทางด้านคุณภาพ ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และทองคำได้รับปัจจัยบวกจากเงินทุนที่ไหลเข้า Safe asset อย่างพันธบัตรและทองคำ ในช่วงนี้มองว่า ปัจจัยบวกยังเข้ามาในตลาดอยู่ รวมถึง Physical ที่ปรับตัวดีขึ้น สังเกตุจากค่าพรีเมียมใน เซี่ยงไฮ้ Gold exchange ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ $5-6 จากเดิมที่อยู่กันแถว $2-3 โดยมีเป้าหมายอยู่บริเวณ 1260 เป็นลำดับแรก หากสถานการณ์ยังดูไม่ดี ก็ยังอาจจะเข้าใกล่ 1300 ได้ในระยะกลาง โดยมีข้อแม้ว่า ปัจจัยอื่นๆไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างเช่น FED ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนดที่ตลาดคาดการณ์กัน

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นอีก 7 จุด ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 870 ล้านบาท และยัง Short สุทธิในฟิวเจอร์เป็นวันแรกอีก 1988 สัญญา หลังจาก Long ต่อเนื่องมาสามวันติด ซึ่งมองว่า สถานะ Short ขนาดนี้ไม่มีนัยสำคัญเท่าไรนัก สำหรับทิศทางตลาดหุ้นมองว่า น่าจะปรับตัวลดลงพักตัวลงมาแล้ว หลังจากตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปส่งมาทางลบ ประกอบกับการขาดปัจจัยใหม่ๆในประเทศ และดัชนีเปิด GAP ไว้บริเวณต่ำกว่า 1500 จึงมองโอกาสลงไปปิด GAP มีสูง เงินบาททิศทางแข็งค่าแนวรับ 32.70-32.80

ทางเลือกหลัก : มองราคาลงมาก่อนเล็กน้อยถึงบริเวณ 121X ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้าน 1238

ทางเลือกรอง : ราคาขึ้นต่อเลยก็จะเจอแนวต้าน 1238 ซึ่งโอกาสขึ้นต่อเลยยังมีสูง

รายละเอียด

- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ออกมาที่ระดับ 252K จากเดือนก่อนหน้า 353K และคาดการณ์ 241K เป็นการลดลงจากเดือนก่อนหน้าค่อนข้างมาก ในขณะที่คาดการณ์นั้นต่ำกว่าตัวเลขจริง ซึ่งปกติชุดข่าวตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรนั้นทองคำจะเคลื่อนไหวตามตัวนี้เป็นหลัก ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ $1223 ในช่วงตลาดปิดวันศุกร์ ทางฝั่งอัตราว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.6% จากเดือนก่อนหน้า 5.8% และคาดการณ์ 5.7% นับเป็นการปรับตัวลดลงแรงของอัตราว่างงาน ลดลงถึง 0.2% ภายใน 1 เดือน ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงหดตัว –0.2% จากเดือนก่อนหน้า 0.2% แสดงให้เห็นถึง ถึงแม้การจ้างงานจะออกมาดี แต่คุณภาพของการจ้างงานยังไม่ค่อยดี จากตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงที่ปรับตัวลดลง

- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลงกว่า 1% ท่ามกลางตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาไม่ค่อยดี รวมถึง ราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องล่าสุดมาซื้อ-ขายกันที่ระดับประมาณ $47 ต่อบาร์เรล ทำให้พันธบัตรอายุ 10 ปีมีแรงซื้อเข้ามาและ Yield ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.9% ซึ่งคนที่อยู่ในตลาดพันธบัตรนั้นมองว่า Spread ระหว่างพันธบัตรนั้นแคบมาก จากความกังวลเรื่อง ECB จะทำ QE ด้วย และ Spread ที่แคบนั้นส่งผลให้ตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวลดลงต่อในช่วงนี้ ทางฝั่งเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย เป็นการอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี

- ประธาน FED สาขา Atlanta มีมุมมองต่อดอกเบี้ยว่า ยังไม่น่าจะขึ้นเร็วๆนี้ น่าจะขึ้นอย่างน้อยหลังจากกลางปีเป็นต้นไป หลังจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาถึงแม้จะออกมาแข็งแกร่งแต่ยังขาดคุณภาพข้างในอยู่ซึ่งเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งของ FED และการดูสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้าตามที่ CME ได้เปิดเผยไว้ว่า แนวโน้มคนมองว่าดอกเบี้ยจะขึ้นลดลงสู่ระดับ 52% ขณะที่ก่อนตัวเลขการจ้างงานจะออกมาอยู่ที่ระดับ 60%

- ทางฝั่ง Physical พบว่าดีขึ้น แรงซื้อจากจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางเทศฏาลตรุษจีนที่จะถึงในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ โดยทางสื่อต่างประเทศให้เหตุผลว่า เป็นการซื้อเป็นของขวัญในช่วงตรุษจีน ค่าพรีเมียมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ $5-6 แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ค่อนข้างเยอะ

- Fitch rating ลดเครดิตรัสซัยลงสู่ระดับ BBB- เป็นการลดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552