ประชาสัมพันธ์

แนวทางทองคำวันที่ 26-2-58

เเนวรับ 1205 1203 1190 เเนวต้าน 1211 1220 1225

เมื่อวานนี้หลังจากราคาได้หลุดจากแนวโน้มขาลงมาและกลายเป็นขาขึ้นสั้นๆ(ที่ยังขาดการยืนยัน) เมื่อวานนี้ได้ลงกลับมาทดสอบจากนั้นได้มีแรงรีบาวน์ขึ้นไป ซึ่งวันนี้มองว่าจะไปทดสอบใกล้ 1211 อีกครั้ง หากผ่านและขึ้นไปทำ New-high ได้ จะยืนยันการปรับตัวรูปแบบขาขึ้นในระยะสั้นทันที ตามทฤษฏี DOW ที่จุดต่ำสุดยก จุดสูงสุดยก แต่หากราคาไม่สามารถผ่านไปได้ ก็จะมองการแกว่งตัวอยู่ในกรอบไปอีกสักพักหนึ่ง ปัจจัยต่างๆเริ่มเป็นบวกมากขึ้น เงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่า ตลาดพันธบัตรทีมีแรงซื้อ การชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และน้ำมันดิบที่ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลทำให้ภาพรวมตลาดอื่นนั้นจะมาสนับสนุนทองคำในระยะสั้นนี้ได้

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก มูลค่าถึง 5300 ล้านบาท แต่มี Big lot บางส่วน ในทางฟิวเจอร์ต่างชาติเปิด Short สุทธิ 1,480 สัญญา เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก และมุมมองกลายเป็นลบเพียงแต่ยังไม่หลุดกรอบล่างเท่านั้น คาดว่าในระยะนี้จะลงมาเทสกรอบล่างอีกครั้งหนึ่ง หากหลุดลงไปจะมีช่องว่างที่เปิด GAP ไว้ด้านล่างอีกประมาณ 20 จุด ค่าเงินบาททิศทางแข็งค่าไปยังแนวรับระดับ 32.50 ซึ่งดูเหมือนกำลังจะผ่านลงไป ทิศทางอยู่ในช่วงแข็งค่าจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวขึ้นต่อหลังจากพักตัวลงมาเมื่อวาน และ มองการทำ New-high ที่เกินกว่า 1211

ทางเลือกรอง : หากราคาไม่สามารภทำ New-high ได้ ราคาจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบถึงปรับตัวลดลงเล็กน้อย

รายละเอียด

- ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 481K จากเดือนก่อนหน้า 482K และคาดการณ์ 471K แสดงให้เห็นถึงทิศทางยอดขายบ้านใหม่ที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าจากปัญหาเรื่องพายุหิมะ และ Supply ของบ้านที่มากสุดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นปัจจัยบวกกับทองคำ เมื่อวานนี้มีข่าวตัวเลขเศรษฐกิจประกาศออกมาเพียงตัวเดียว หลังจากนั้นได้มีการแถลงการณ์ของประธาน FED นาง เยลเลน เป็นวันที่ 2 ก็ยังคงมุมมองในทางเดิม คือ การประชุม 2 ครั้งหน้ายังไม่มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนรายละเอียดต่างๆพบว่าคล้ายกับที่แถลงการณ์เมื่อวานนี้

- Bank of America Merrill Lynch ได้ออกมาให้ความเห็นกับทาง CNBC ว่า ทองคำในปัจจุบันไม่ได้ดึงดูดนักลงทุนเท่าไรนัก เพราะ นักลงทุนไม่อยากถือทองคำจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในช่วงหลังของปีนี้ นาย Francisco Blanch นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ BoA กล่าวว่า ในอีก 3 เดือน แนวโน้มราคาทองคำอาจจะลงไปที่ $1,100/Oz. แต่ถ้ามองภาพรวมในระยะ 2-3ปี มองว่าทองจะยังคงกลับมาเป็นที่น่าสนใจได้อีกครั้งหนึ่ง โดยปัจจัยบวกในระยะยาวได้แก่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ติดลบที่ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real return) ที่ติดลบ และ อีกตัวหนึ่งคือ การ Support ของ FED ที่ถึงจุดหนึ่งตลาดจะรับรู้ขีดจำกัดของการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งระยะยาวปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ทองคำปรับตัวสูงขึ้น และมองว่าหากหมดเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว คาดว่าทองคำจะสามารถไปซื้อ-ขายกันที่ระดับ $1,500-1,600/Oz.ได้

- สถานการณ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียล่าสุด ประธานาธิบดียูเครนออกมาเรียกร้องให้รัสเซียนำทหารและอาวุธหนักออกจากเขตยูเครนหลังจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เซ็นสัญญาเจรจาหยุดยิง แต่ล่าสุดกลับไม่ได้ทำอาวุธหนักออกจากชายแดนยูเครนทำให้ประธานาธิบดียูเครนต้องเรียกร้องให้รัสเซียนำออก

- ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบออกมาเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 8.4M บาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า 7.7M บาร์เรล ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู่ระดับ $48.5 ต่อบาร์เรลก่อนที่จะมีแรงซื้อปิดขึ้นมาเหนือกว่าระดับ $50 ต่อบาร์เรล ทิศทางราคาน้ำมันดิบยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบระยะสั้นแต่เริ่มมองทางบวกมากขึ้นหากไม่สร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าบริเวณ $44 ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

20.30 USD 

CPI -0.6% -0.4%
Core CPI 0.1% 0.0%
Durable goods orders 1.7% -3.3%
Core durable goods orders 0.6% -0.8%
Unemployment claims 288K 283K

แนวทางทองคำวันที่ 25-2-58

เเนวรับ 1204 1200 1190 เเนวต้าน 1210 1220 1225

ราคาทองคำผันผวนค่อนข้างหนักเมื่อวานนี้ เป็นการผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆ ขึ้น ลง สลับกันไปอย่างรวดเร็ว แต่โดยรวมแล้วราคาได้ปิดสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มเริ่มดูดีขึ้น และจะดูดีขึ้นอีกหากในวันนี้สามารถปิดบวกเยอะๆได้ ในช่วงนี้มองว่าราคาจะเริ่มรีบาวน์ในภาพรวม หลังจากระยะสั้นสามารถผ่านแนวต้าน 1205 ออกมาได้แล้ว ทำให้แนวโน้มในทางบวกเริ่มมีมากขึ้น ในขณะที่ระยะสั้นให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากมุมมองในตลาดยังค่อนข้างเป็นลบเมื่อขึ้นคนที่มีต้นทุนต่ำหรือดักซื้อมาอาจจะมีการปล่อยของออกมาก่อน หากแรงขายนั้นมีไม่มากพอ ก็จะได้เห็นการปรับตัวขึ้นอีกครั้ง แนวรับที่น่าสนใจจะอยู่บริเวณ 1205 ในวันนี้

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย แต่ยังคง Long สุทธิในฟิวเจอร์ทั้งนี้ปริมาณการซื้อ-ขายทั้งสองตลาดยังคงเป็นจำนวนน้อยไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไรนัก เมื่อวาน SET ยังไม่ยอมหลุดกรอบและปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ภาพรวมยังคงเป็นการแกว่งตัว แต่ได้รับปัจจัยบวกจาก FE D ที่ยังส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระยะสั้นนี้มา แต่โดยรวมก็ยังขาดปัจจัยสนับสนุน ค่าเงินบาทมีแนวรับบริเวณ 32.50 ซึ่งมองว่าแนวโน้มอาจจะอยู่ในช่วงแข็งค่าหลังจากเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่ามาในช่วงนี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นต่อไปอีก แต่ในระยะสั้นอาจจะมีการย่อตัวลงบ้างเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคาขึ้นมาเยอะ แต่คาดว่าจะยังปรับตัวสูงขึ้นต่อไปอีกไปยังแนวต้านถัดไปบริเวณ 1220

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ทองคำปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 0.8% เมื่อวานนี้หลังจากระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายได้มีความผันผวนอยู่ตลอดและได้ปรับตัวไปยังแนวรับ $1190/Oz. ก่อนที่จะมีแรงซื้อคืนเข้ามา จากเนื้อหาการแถลงการณ์ของนาง เยลเลน ที่ส่งสัญญาณมีความยืดหยุ่นในการปรับนโยบายทางการเงินมากขึ้น โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในภาพรวม แต่ตลาดแรงงานและค่าจ้างแรงงานยังฟื้นตัวไม่ได้อย่างที่หวังไว้ และจะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนนโยบายแทนคำว่า “Patient” และยังกล่าวเป็นนัยว่า ในการประชุม 2-3ครั้งข้างหน้าก็น่าจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงจะดูแนวโน้มเป็นครั้งๆไปในแต่ละการประชุม “Meeting-by-meeting basis” พร้อมทั้งคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาวเช่นเดิม และในสัญญาฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ย Fed fund rate พบว่า ความน่าจะเป็นที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายนได้ปรับลดลงมาเหลือ 50% จากวันก่อนหน้าที่ความน่าจะเป็นอยู่ที่ระดับ 54% แสดงให้เห็นถึงโทน Dovish ที่ประธาน FED ส่งสัญญาณออกมา

- ตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกาเมื่อวานนี้มีหลายตัวออกมา เริ่มจาก ดัชนีราคาบ้าน S&P Composite ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และ Flash PMI ออกมาที่ระดับ 57 จุดสูงกว่าที่คาดการณ์และเดือนก่อนหน้า รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาลดลงเหลือ 96.4 จุดน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์

- สถานการณ์ในกรีซมีความคืบหน้ามากขึ้น หลัง รมว. คลังได้รับแผนการปฏิรูปของกรีซ และแนวโน้มดูว่าจะเป็นบวกทำให้กรีซสามารถยืดอายุออกไปได้อีก 4 เดือนที่จะเป็นการพิสูจน์ตัวเองให้ EU เห็นว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ในขณะที่กรีซจะยังคงไม่ได้รับการช่วยเหลือต่อไปหากยังไม่ได้รับการตรวจสอบ นอกจากนี้ในเดือนหน้าจะมีการหารือเกี่ยวกับการวางแผนหาสภาพคล่องให้แก่กรีซ ซึ่งอาจจะเป็นการออกพันธบัตรระยะสั้นแทน ทั้งนี้ในช่วงนี้สถานการณ์ได้เบาบางลงแต่ยังคงต้องติดตามปัญหาเหล่านี้อยู่

- ภาคการผลิตของจีนฟื้นตัวแรง ตัวเลข PMI ออกมาที่ระดับ 50.1 จากเดือนก่อนหน้า 49.7 และคาดการณ์ 49.5 และการฟื้นตัวนี้ทำให้ดัชนี PMI สามารถยืนเหนือ50 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน

- ตำรวจอินเดียได้สามรถจับกุมการนำเข้าทองคำโดยเลี่ยงภาษีได้เป็นจำนวนมากถึง 60 กิโลกรัม โดยสามารถจับกุมได้ที่สนามบินของอินเดียเป็นผู้ลักลอบนำเข้าทั้งหมด 6 คน

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

22.00 USD 

New-home sales 471K 481K
Fed Chair Yellen testifies

แนวทางทองคำวันที่ 23-2-58

เเนวรับ 1200 1195 1190 เเนวต้าน 1210 1220 1225

ทองคำในช่วงสัปดาห์ก่อนรวมๆแล้วปรับตัวลดลงประมาณ 30 เหรียญจากความกังวลเรื่องกรีซที่เบาบางลงถึงแม้ผลการประชุม FOMC พบว่า ไม่ได้มีการรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด ระดับ 1200 นี้เป็นแนวรับที่ค่อนข้างแข็งแรงมาก และเป็นที่อยู่ของ แนวรับ Uptrend ในรอบนี้ที่ไม่ควรหลุด ในวันนี้ระยะสั้นมองการปรับตัวขึ้นไป เพียงแต่จะให้ดีต้องเกิดการยืนยันรูปแบบ Double bottom ให้ได้ โดยการผ่าน 1220 ขึ้นไปจะได้เป้าหมายที่ 1245-1250 ในทางกลับกันหากราคาปรับตัวลดลงหลุดเกินกว่า 1197-1200 มองว่า ราคาจะเริ่มลงอีกครั้งหนึ่งและ แนวโน้มจะดูไม่ดีหากกลับมายืน 1200 ไม่ได้ ค่าเงินดอลลาร์ยังอยู่ในแนวโน้มการอ่อนค่าลงต้องติดตามตัวนี้ 

ต่างชาติขายสุทธิในคลาดหุ้นไทย 591 ล้านบาทเป็นวันที่ 6 ต่อเนื่องกัน แต่หันมา long สุทธิในฟิวเจอร์เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,884 สัญญา ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 วันที่ผ่านมาพบว่า ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบสั้นๆ เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นในโซนเอเชียหลายประเทศได้หยุดทำการเนื่องในวันตรุษจีนทำให้ทิศทางในตลาดหุ้นไทยยังคงชะลอตัว ทิศทางค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่ามาทดสอบแนวรับ 32.50 และยังไม่สามรถผ่านไปได้ซึ่งระดับนี้มองว่าเป็นแนวรับที่สำคัญมากสำหรับค่าเงินบาท

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไปในลักษณะรีบาวน์หลังจากลงแล้วไม่หลุดจุดต่ำสุดเดิม การรีบาวน์หากจะให้ดีนั้น ควรจะเกิน 1220 ขึ้นไปยิ่งมากยิ่งดี

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1197-1200 ลงมาจะมองการปรับตัวลดลงต่อในภาพรวม

รายละเอียด

- ในวันพฤหัสบดีมีตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 283K ในขณะที่คาดการณ์ 290K และสัปดาห์ก่อนหน้า 304K ส่วนตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิตออกมาที่ระดับ 53.8 จุด จากเดือนก่อนหน้า 53.7 จุด มาจากปริมาณการผลิตที่สูงที่สุดในรอบ 4 เดือน ข่าวกลุ่มนี้เป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ และประกอบกับข่าวอื่นทำให้ทองคำปรับตัวลดลงมาระดับ $1200/Oz. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ประกอบกับวันหยุดช่วงตรุษจีนของประเทศจีนทำให้แรงซื้อ Physical ที่ค่อยมาสนับสนุนราคาตอนตกได้หายไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

- สถานการณ์ในกรีซได้ข้อสรุปแล้วพบว่า กรีซได้รับเงินช่วยเหลือ และได้ข้อสรุปที่จะขยายระยะเวลาแผนการช่วยเหลือให้แก่กรีซเป็นเวลา 4 เดือน ถึงแม้กรีซจะยื่นข้อเสนอไว้ที่ 6 เดือนก็ตาม และกรีซจะต้องเสนอแผนปฎิรูปและมาตรการต่างๆให้อียูพิจารณาและคอยติดตามผลที่กรีซจะเสนอในวันที่ 23 ก.พ. ข่าวนี้ก็เป็นปัจจัยลบกับทองคำเนื่องจากทองคำในช่วงก่อนหน้านั้นได้รับปัจจัยบวกจากความคลุมเครือในกรีซแต่เมื่อทุกอย่างได้ข้อสรุปก็กลับเป็นปกติ

- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ความกังวลในกรีซที่ผ่อนคลายลงโดยเฉพาะ อเมริกาและญี่ปุ่นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ ดัชนีนิเคอิทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 5 ปีเรียบร้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนตลาดพันธบัตรปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องมองว่าเงินในช่วงนี้ไม่ได้ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตลาดพันธบัตรและทองคำเท่าไรนัก นักลงทุนเข้าสู่โหมด Risk-on หรือโหมดที่เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากจำนวนแท่นขุดเจาะที่ลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์กันในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งแนวโน้มโดยรวมของราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบหลังจากลงมาแรงในช่วงก่อนหน้า และปัจจัยบวกก็เริ่มมีเข้ามามากขึ้นในตลาดน้ำมันดิบ

- Moody’s ปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือรัสเซียลงสู่ระดับ Ba1 เป็นระดับสูงสุดของ Junk bond พร้อมทั้งคงแนวโน้มเป็นลบจากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศและราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง

- Hedge fund ลดสถานะฝั่งขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนกองทุน SPDR ซื้อเพิ่ม 0.23%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

22.00 USD 

Existing home sales 5.03M 5.04M

แนวทางทองคำวันที่ 17-2-58

เเนวรับ 1227 1219 1215 เเนวต้าน 1235 1240 1245

ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวเมื่อวานนี้ แต่ระหว่างวันไม่สามารถปิดเหนือกว่าระดับ 1232 ได้ ทำให้รูปแบบ Falling three method (เมื่อวานนี้เขียนผิดว่า Rising) มีนัยสำคัญมากขึ้น เพียงแต่ปัจจัยรอบด้านยังไม่สนับสนุนทางฝั่งลงเท่าไรนัก ค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่า และ ตลาดหุ้นที่เริ่มปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องกรีซ ประกอบกับเทศกาลตรุษจีน จึงมองว่า ภาพระหว่างพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคไม่ตรงกัน และมองว่าราคาน่าจะแกว่งตัวอยู่ในโซนนี้ไปอีกพักหนึ่ง เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ ATR ที่เริ่มชะลอความผันผวนลง สำหรับวันหยุดยาวนั้นมองว่าราคาจะผันผวนในกรอบ 1215-1235 หากผ่านทางไหนมองทางนั้น และยังเก็งกำไรตามกรอบได้ 

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1511 ล้านบาท แต่ยังคง Long สุทธิในฟิวเจอร์อีก 1560 สัญญา ทิศทางยังคงไม่ชัดเจนสำหรับตลาดหุ้น เพราะ ยังคงแกว่งอยู่ในกรอบ เมื่อวานนี้ก็ยังปรับตัวลดลงท้ายตลาด โดยรวมแล้วยังก่อตัวเป็นรูปแบบ triple top อยู่ หากราคาหลุดข้างล่างลงมามองว่า อาจจะได้เห็นการจบรอบของดัชนีไปก็ได้ ในขณะที่หากผ่านขึ้นด้านบนมองว่า ก็เป็นเรื่องดีสำหรับการขึ้นต่อ ทิศทางค่าเงินบาทมองแนวโน้มแข็งค่าลงมาที่ระดับ 32.50 ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญ และ ระยะหลังนี้ไม่เคยหลุดไป

ทางเลือกหลัก : ภาพรวมของราคาทองคำยังแกว่งตัวระหว่าง 1215-1235 การผ่านทางไหนออกมาจะมีแนวโน้มไปในทางนั้น ช่วงวันหยุดยาวต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ผลการประชุมของกรีซเมื่อวานนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปแนวทางการเจรจาเกี่ยวกับการลดหนี้ แนวโน้มจะเลื่อนต่อไปอีก 6 เดือน เพื่อให้กรีซและเจ้าหนี้ในกลุ่มยูโรโซนได้มีการเตรียมตัวและหารือกันได้มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นในโซนของยุโรปและอเมริกาปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ตลาดหุ้นกรีซปรับตัวลดลงค่อนข้างหนักร่วม 4% ทั้งนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับไม่ได้ตอบรับข่าวทางลบที่กรีซจะต้องออกจากยูโรโซนเท่าไรนัก แต่ข่าวนี้มีน้ำหนักในทางบวกให้แก่ทองคำโดยมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนของเสถียรภาพในระบบการเงินและเศรษฐกิจโลก แต่จะช่วยเหลือได้ขนาดไหนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

- ในสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดเทศกาลตรุษจีน (Lunar new year ) นักวิเคราะห์มองว่า อาจจะมีแรงซื้อ Physical เข้ามาในตลาดทองคำได้ ข่าวนี้มีออกมาหลายมุมมอง มุมมองแรกคือ แรงซื้อ Physical น่าจะสนับสนุนตลาดทองคำในระยะสั้นได้ส่วนแนวที่สอง มองว่า แรงซื้อทองแท่งจากจีนอย่างเดียวนั้นไม่พอ และไม่สามารถพยุงราคาได้หากมีปัจจัยเรื่องอื่นเปลี่ยนแปลงไป และตามสถิติช่วงหลัง 2-3 ปีมานี้ เทศกาลตรุษจีนกลับไม่ได้ทำให้ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเท่าไรนัก บางปีกลับปรับตัวลดลงแทนด้วย

- ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวอยู่ในระดับบริเวณ $51-53 ต่อบาร์เรล ทำให้ภาพรวมเป็นการแกว่งตัวในกรอบรอการ Break-out มุมมองของคนในตลาดเริ่มเป็นบวกมากขึ้นจากแท่นขุดเจาะที่เริ่มปิดตัวลง และ สัญญาฟิวเจอร์ในระยะยาวยังอยู่ในระดับที่ยาวกว่าระยะสั้นจึงมองว่า ความเสี่ยงในทางลงของราคาน้ำมันนั้นเริ่มจำกัดแล้ว และหลายคนคาดว่า ราคาน้ำมันได้หาจุดต่ำสุดเจอไปแล้วที่บริเวณ $44 ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ในตลาดการเงินความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอต้องติดตามเช่นเดียวกัน

- กลุ่มประเทศ EU เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเกี่ยวกับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับบุคคลรวมถึง รมว.กลาโหมรัสเซีย ท่ามกลางรัสเซียที่ลงสัญญาหยุดยิงกับยูเครนเรียบร้อยแล้ว

- GDP ของไทยออกมาดีกว่าคาดที่ 2.3% แต่ยังค่อนข้างอยู่ในระดับไม่สูงนัก นำโดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การฟื้นตัวและการลงทุนที่ขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนักตามทิศทางภูมิภาค และคาดว่าในปีนี้การขยายตัวน่าจะอยู่ประมาณ 4%

แนวทางทองคำวันที่ 16-2-58

เเนวรับ 1227 1219 1215 เเนวต้าน 1235 1240 1245

ในวันศุกร์ราคาได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย และราคาปิที่ยังไม่สามารถยืนเหนือแท่งเทียนของสามวันก่อนที่ลงมาแรง ทำให้ยังเกิดเป็นแท่งเทียนรูปแบบ Rising three method ซึ่งโดยปกติแล้ว หากยังไม่สามารถยืนเหนือ 1232 (ราคาเปิดของแท่งเทียนที่ตกลงมาแรง) ทำให้แนวโน้มยังมองการปรับตัวลดลงต่อและคาดว่าอาจจะมี New-low ระยะสั้นที่เกินกว่า 1215 ได้ แต่ก็ยังมองการปรับตัวลดลงไม่มากเท่าไรในภาพรวม หากราคายืนเหนือ 1232 ยิ่งมากยิ่งดี ในระยะสั้นมองว่าระดับแนวต้าน 1232 นั้นราคาจะผ่านไปได้และมองผ่านไปยัง 1240 ซึ่งเมื่อนำมารวมกันในวันนี้พบว่า หากราคาขึ้นรอบนี้เกินกว่า 1232 และลงมาปิดต่ำกว่า 1232 ในระยะวันให้ระวังการปรับตัวลดลงต่อ

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 132 ล้านบาท และ Long สุทธิในฟิวเจอร์อีก 1,859 สัญญา ทิศทางของ SET กำลังแกว่งตัวรอสะสมพลังทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งอยู่ หลายวันมานี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบค่อนข้างแคบ เป็นลักษณะของแนวโน้ม Sideways ที่ชัดเจน ต้องมาติดตามการ Break-out จากกลุ่มตรงนี้ว่าจะเป็น Sideways เพื่อขึ้นต่อ หรือเป็นการรอปล่อยของ ในช่วงเช้าของวันนี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP ของไทยออกมา คาดการณ์เติบโต 0.8% ในปี 2557 ค่าเงินบาททิศทางแข็งค่าไปยังแนวรับ 32.50

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวขึ้นต่อไประดับใกล่ 1240 แต่ต้องระมัดระวังกลุ่มของแท่งเทียนที่ยังบ่งชี้ว่าอยู่ในแนวโน้มที่ยังไม่สวยนัก หากราคาไม่สามรถยืนเหนือ 1232 ได้ในวันนี้

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.26% ในวันศุกร์ เป็นครั้งแรกที่ขึ้นผ่านระดับ 18000 ขึ้นไป และเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ครั้งแรกในรอบปีนี้ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนี S&P 500 ขณะที่ปีที่แล้วดัชนี S&P500 ทำจุดสูงสุดใหม่ภายในปีทั้งหมด 53 ครั้ง โดยได้รับปัจจัยบวกมาจากกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ $52.9 ต่อบาร์เรล ท่ามกลางแท่นขุดเจาะ(Oil rig)ที่ยกเลิกการผลิตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแท่นขุดเจาะไม่ได้ดำเนินการขุดเจาะเพิ่มอีก 98 หลุม ทำให้คงเหลือแท่นขุดเจาะที่ยังทำงานอยู่ 1, 358 แท่น เมื่อนับการลดลงของการขุดเจาะพบว่านับจากเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมามีจำนวนลดลงถึง 30% และการปรับตัวลดลงของน้ำมันดิบในรอบนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของบริษัทน้ำมันถึง 100,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบหลาย 10 ปี

- ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (US) เดือนกุมภาพันธ์ออกมาที่ระดับ 93.6 จุด ขณะที่เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 98.1 จุด และคาดการณ์ 98.5 จุด เป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำ

- วันนี้เป็นวันที่ถึงกำหนดการประชุมระหว่างกรีซกับยูโรโซนอีกรอบหนึ่ง หากยังไม่สามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการหาทางออกการจ่ายหนี้ของกรีซได้ในระยะยาวอาจจะทำให้กรีซต้องออกจากยูโรโซน แต่ตลาดในตอนนี้กลับไม่ค่อยกังวลปัญหานี้เท่าไร และคาดว่าน่าจะหาข้อสรุปได้ เพราะ ค่าเงินต่างๆรวมถึงตลาดหุ้นไม่ได้สะท้อนการที่กรีซจะออกจากยูโรโซนเท่าไร

- ตัวเลข Flash GDP ของยูโรโซนออกมาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 0.3% มากกว่าที่คาดการณ์และไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.2% ส่วน GDP ของเยอรมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% จาก 0.1% ในไตรมาสก่อนหน้า และคาดการณ์ที่ 0.3
% ตัวเลข GDP ของยูโรโซนโดยรวมแล้วออกมาดีขึ้น

- ทางฝั่ง GDP ของญี่ปุ่นออกมาขยายตัว 2.2% ขณะที่คาดการณ์ 3.7% ในขณะที่ไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ –0.5% ตัวเลขนี้ทำให้ญี่ปุ่นออกจากภาวะถดถอยเรียบร้อยแล้ว ตลาดหุ้นนิเคอิรับข่าวบวกและปรับตัวขึ้นทำระดับ New-high ที่ระดับ 18000 จุดเช่นเดียวกัน

- ตลาดพันธบัตรระยะยาวอย่างอายุ 10 ปีของอเมริกาได้เกิดแรงขายออกมาค่อนข้างมากในช่วงนี้

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

ALL 

USD Bank holiday

แนวทางทองคำวันที่ 13-2-58

เเนวรับ 1220 1216 1210 เเนวต้าน 1232 1235 1240

ราคาทองคำได้รับแรงบวกจากตัวเลขยอดค้าปลีกที่ออกมาแย่ลง รวมถึง ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ออกมามากขึ้นและพุ่งขึ้นสู่ระดับ 300K และ การผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางประทเศต่างๆ แต่ยังมีปัจจัยลบในเรื่องการลงนามสัญญาหยุดยิงของประธานาธิบดีปูตินเมื่อวานนี้ ทำให้ภาพรวมนั้นทิศทางยังคงไม่ชัดเจน ไม่ขึ้นไม่ลงแรง เพราะข่าวที่เข้ามาค่อนข้างผสมกัน สำหรับในวันนี้มองรีบาวน์ต่อขึ้นไปที่ 1232 อีกครั้งหนึ่ง หากผ่านไปได้ก็จะทำให้มีมุมมองทางบวกมากขึ้น แต่หากผ่านไปไม่ได้หรือผ่านแล้วยืนไม่ได้มองว่าโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับไปทดสอบระดับต่ำสุดเดิมที่บริเวณ 1215 นั้นยังมีโอกาสเกิดอยู่

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,800 ล้านบาท แต่ยังคง Short สุทธิในฟิวเจอร์เล็กน้อยอีก 248 สัญญา เมื่อวานนี้เกิดอาการแบบเดิมคือ ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขาย ดัชนีได้ปรับตัวลดลงจากนั้นช่วงก่อนปิดตลาดได้มีแรงซื้อเข้ามาและดันตลาดจนปิดบวกแรงได้ เป็นอย่างนี้มาสองวัน ภาพรวมก็ยังคงเห็น SET แกว่งตัวอยู่ในระดับนี้ ในวันจันทร์ที่ 16 จะมีการประกาศตัวเลข GDP ของไทยออกมาคาดว่าจะขยายตัวจากไตรมาสที่แล้ว 2.4% และคาดว่าปี 57 ทั้งปีจะเติบโตที่ 0.7% เงินบาททิศทางกลับมาอยู่ในกรอบ

ทางเลือกหลัก : มองราคารีบาวน์ต่อไป 1232 หรือเกินกว่านั้น

ทางเลือกรอง : หากราคายืน 1232 ไม่ได้มองว่า จะเริ่มกลับลงมาในกรอบใหม่ และ ยังมีโอกาสได้เห็น Low เดิม
 

รายละเอียด

- ปัญหาเรื่องการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางแต่ละประเทศเริ่มมีมากขึ้น ล่าสุดธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกสู่ระดับ –0.1% จาก 0.0% รวมถึง ธนาคารกลางสวีเดนที่ประกาศลดดอกเบี้ยเช่นกันจาก 0% เหลือ –0.1% เหมือนกับสวิส รวมถึงสวีเดนได้ประกาศการเข้าซื้อพันธบัตรหรือการทำ QE ส่งผลให้เงินโครนอสของสวีเดนปรับตัวอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีเมื่อร่วมกันดอลลาร์ถือว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งในกลุ่มยุโรปที่เข้าร่วมสงคราม Currency war หรือแข่งกันลดค่าเงิน

- ทางธนาคารกลางญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ก็มีการส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการออก QE เพิ่มอีกชุดหนึ่งแต่ยังไม่ยืนยัน และ ทีท่าข่าวนี้ก็ดูจะไมมี่น้ำหนักเท่าไรนัก ช่วงกลางวันหลังจากมีคอมเมนท์จากวงในว่า อาจจะมีการอัดฉีดเพิ่มทำให้เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลง จากนั้นได้มีแรงขายทำให้แข็งค่าลงจากข่าวที่ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้ในเนื้อข่าวให้ความเห็นว่า ญี่ปุ่นยังต้องการการอัดฉีดเงินเพิ่มอีก

- ข่าวในทางกลับกันธนาคารกลางอังกฤษหรือ Bank of England (BOE) ได้ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารกลางน่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปี 2016 ในปีนี้คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับนี้ก่อน และปรับการคาดการณ์ใน 3 ปีข้างหน้าว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณเหนือกว่า 1% เล็กน้อย สาเหตุที่ยังชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนั้นเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษปรับตัวลดลงสู่ระดับ –0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14ปี และมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำจากราคาน้ำมันดิบนั้นเป้นปัจจัยบวกให้กับการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน

- ประธานาธิบดี วลาดิเมีย ปูตินได้ทำสัญญาหยุดยิงระหว่างยูเครนและรัสเซีย ทำให้สหภาพยุโรปที่จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มมีทีท่าผ่อนคลานยลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นรัสเซียปรับตัวขึ้นแรง 5% กว่า จากข่าวดีเรื่องการยกเลิกการคว่ำบาตร

- IMF ได้ให้เงินช่วยเหลือแก่ประเทศยูเครนเพื่อเป็นการไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้หลังจากเกิดความขัดแย้งและปัญหาต่างๆระหว่างยูเครนและรัสเซียช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้กรีซยังได้รับเงินช่วยเหลือจาก ECB เพื่อต่ออายุหนี้ไปอีกหลายเดือน เป็นข่าวที่ค่อนข้างดีกับตลาดหุ้น

- ตัวเลขค้าปลีกของอเมริกาออกมาแย่ลง รวมถึง คนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น

แนวทางทองคำวันที่ 12-2-58

เเนวรับ 1220 1215 1210 เเนวต้าน 1226 1230 1235

ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อหลังจากรีบาวน์ได้เพียงแต่ใกล้1240 และได้เกิดแรงขายตามลงมาค่อนข้างมาก ในระยะสั้นยังมองมุมเดิมคือ ระดับใกล้ 1200 –1210 นี้มองว่า ให้ระมัดระวังสำหรับฝั่งขายแล้วเนื่องจากเป็นระดับแนวรับที่ค่อนข้างสำคัญประกอบกับข่าวลบที่ได้สะท้อนไปแล้ว ในระยะสั้นวันนี้มองการรีบาวน์ขึ้นไปเล็กน้อยถึงบริเวณ 1226 หากราคาไม่สามารถรีบาวน์แรงกว่านั้นและยืนได้ ก็มองลงหลังจากรีบาวน์ขึ้นไปโดยมีแนวรับอยู่บริเวณ 1216 ภาพรวมตลาดต่างๆยังได้รับปัจจัยลบอยู่จากตลาดพันธบัตรที่ยังคงปรับตัวลดลง และเงินดอลลาร์ที่ยังคงแข็งค่าสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศที่ยังไม่มี 

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 559 ล้านบาท และยัง Short สุทธิในฟิวเจอร์ 1,108 สัญญา เมื่อวานนี้ตลอดทั้งวันดัชนีได้ปรับตัวลดลงแรงพอสมควรจากนั้นช่วงท้ายตลาดได้มีแรงดึงกลับขึ้นมาและสามารถปิดบวกได้ ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 1600 ไปมา ก็ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังอยู่ เพราะ ระดับตัวนี้ได้สะท้อนการเติบโตไปแล้วเละการเติบโตในอนาคตกับความไม่แน่นอนทางการเมืองยังทำให้น้ำหนักปัจจัยหุ้นไทยยังไม่เหมาะกับระดับสูงเท่าไร เงินบาทหลุด 32.65 ออกมาได้ มองอ่อนค่า

ทางเลือกหลัก : มองราคารีบาวน์ขึ้นไป 1226 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงต่อ แต่หากราคายืนอยู่เหนือ 1226 นี้ได้มองว่า เริ่มชะลอการลงในช่วงนี้ได้

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1215 ลงมา ยังมองลงต่อได้อีกชุดหนึ่ง 

รายละเอียด

- ทองคำได้รับปัจจัยลบจากข่าวเรื่องกรีซที่ยังไม่มีความแน่นอน การเจรจาระหว่างกรีซกับกลุ่มของเจ้าหนี้ดูจะยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ยังไม่มีการเจรจาถึงเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังของประเทศต่างๆยังยืนยันที่จะพร้อมให้การช่วยเหลือกับกรีซ และกรีซก็ยังเดินหน้าตามแผนปฎิรูปต่อไป การประชุมครั้งนี้ไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจน จึงต้องติดตามการประชุมครั้งต่อไปในช่วงวันที่ 16 กพ. 58 นี้

- จากความกังวลเรื่องกรีซทำให้ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว และทำให้เงินดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ สถานการณ์ในกรีซตอนนี้ส่งผลกับทองคำได้สองรูปแบบทั้งในรูปแบบของการเคลื่อนไหวตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์และการเคลื่อนไหวตามแบบ Safe-haven เลยมองว่าข่าวเรื่องกรีซนั้นจะยังน่าจะเป็นตัวสร้างความผันผวนให้กับตลาด แต่ไม่ได้ส่งผลต่อทิศทางตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนตลาดพันธบัตรก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน (Yield เพิ่ม) แสดงให้เห็นว่า ตลาดให้ความสำคัญกับเงินดอลลาร์มากกว่าและหากยังเป็นตามนี้จากข่าวกรีซน่าจะเป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำมากกว่าบวก แต่หากมุมมองตลาดเปลี่ยนจะต้องสังเกตุจากตลาดพันธบัตรที่จะปรับตัวสูงขึ้น

- จอร์จ โซรอส ได้ออกมาให้ความเห็นว่า ยุโรปจำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจยูเครนอย่างเร่งด่วน เพราะ ตอนนี้ยูเครนโดนคุกคามอย่างหนักจากทางรัสเซีย และ เศรษฐกิจยูเครนมีความสำคัญมากกว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองของกรีซในตอนนี้

- สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบล่าสุดปรับตัวลดลงลงสู่ระดับ $49 ต่อบาร์เรล จากสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาที่ยังออกมาระดับสูงก่อนที่จะมีแรงซื้อดันราคาให้รีบาวน์ขึ้นไปเล็กน้อย นักวิเคราะห์ต่างๆให้ความเห็นไว้ว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ตลาดน้ำมันสูญเสียสมดุล (balance) จากการผลิต Shale ของอเมริกา และต้องใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าตลาดจะปรับตัวเข้าสู่สมดุล(Rebalance) และคาดว่าปัจจัยที่จะทำให้ราคาผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปนั้นน่าจะเป็นการปรับลด CAPEX หรือค่าใช้จ่ายด้านการผลิตอย่างเช่น ลดการขุดเจาะหลุมที่ไม่คุ้มลงในอนาคตนอกจากนี้ในปัจจุบันกลุ่มประเทศอิรักลดราคาขายน้ำมันดิบให้กับกลุ่มประเทศในเอเชียลงอีก และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2546

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

20.30 USD

Retail sales -0.4% -0.9%
Core retail sales -0.4% -1.0%
Unemployment claims 282K 278K

แนวทางทองคำวันที่ 11-2-58

เเนวรับ 1233 1230 1225 เเนวต้าน 1245 1249 1255

ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปยังระดับแนวรับ 1230 และยังไม่สามารถหลุดลงมาเห็น 122X ได้จากนั้นได้มีแรงส่งขึ้นมา มองว่า ระยะสั้นนี้ราคาจะเริ่มปรับตัวขึ้นอีกรอบหนึ่ง เพียงแต่จะแรงพอที่จะลากขึ้นไปในระยะสั้นได้หรือไม่ ประเมินแนวต้านไว้ที่ระดับ 1245–1250 และยังเป็นมุมมองของการรีบาวน์เช่นเดิม แต่เป็นการรีบาวน์ทีมี่น้ำหนักมากขึ้น และหลังจากขึ้นแล้วก็ยังมองว่ามีโอกาสลงต่อไปทดสอบแถว 122X อีกรอบ เพียงแต่การลงอีกรอบนั้นส่วนตัวยังมองว่า ไม่ควรจะมีสถานะ ขาย เหลืออยู่แล้ว เพราะระดับใกล้ 1200 เป็นจุดที่น่าจับตามองมาก ไม่ควรจะหลุด สำหรับปัจจัยลบในช่วงนี้ก็มีมากขึ้นจากเงินดอลลาร์ และก็มีปัจจัยบวกบางส่วนจากข่าวกรีซ

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย 145 ล้านบาท และ ยัง Long สุทธิในฟิวเจอร์อีก 2,763 สัญญา ภาพรวม SET ยังคงอยู่ในช่วงปรับฐานแกว่งตัว และระดับปัจจุบันที่เหนือ 1600 ก็พบว่า ตลาดหุ้นอยู่ในโซนที่น่าระวังแล้ว จากระดับที่ไม่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตที่ยังดูไม่มีปัจจัยบวก ทำให้ระดับนี้ต้องเน้นการเลือกหุ้นแทน ส่วนทิศทางค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวในกรอบระยะสั้นบริเวณแนวรับ 32.50 และแนวต้าน 32.65 ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนจนกว่าจะออกทางหนึ่ง

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวขึ้นไประดับ 1245-1250 

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1230 ลงไปเลย มองว่าจะปรับตัวลดลงต่อ

รายละเอียด

- สถานการณ์ล่าสุดของกรีซก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากกรีซเสนอแผนประนีประนอมเจ้าหนี้ ก่อนที่จะมีการประชุมในวันที่ 11 กพ นี้ และให้เหตุผลว่า กรีซไม่ได้ไม่ต้องการรับความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อยากให้กระทบกับงบประมาณมากนัก ทั้งนี้เมื่อวานนี้มีข่าวลือที่ว่ากรีซได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีแหล่งข่าวที่อ้างอิงชัดเจนถึงเรื่องการได้รับเงินช่วยเหลือนี้ ภาพรวมสถานการณ์ในกรีซถึงแม้จะดูดีขึ้นแต่ก็ยังสร้างความคลุมเคลื่อให้แก่ตลาดต่างๆได้ และ ความกังวลเหล่านี้เองจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำในระยะสั้น แต่ทองคำกลับปรับตัวขึ้นได้ไม่มากในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกันกับ Yield ของพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ทองคำไม่ได้รับความสนใจเท่าไรนัก

- ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งหนึ่ง กลับมาอยู่ที่ระดับประมาณ $50 ต่อบาร์เรล จากการคาดการณ์ถึงสต๊อกน้ำมันดิบในคืนนี้ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 70 ปี และ Moody’s ได้ออกมาให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบในระดับต่ำนี้เป็นเพียงแค่ตัวพยุงเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถเป็นตัวเพิ่มการเติบโตให้กับเศรษฐกิจได้ และ ประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกระดับต่ำ ส่วนราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบ WTI ที่มูดี้ส์คาดว่าในปีนี้จะมีราคาเฉลี่ยประมาณ $55 รวมถึงการประชุม G-20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังมีความกังวลถึงเรื่องเศรษฐกิจที่เติบโตน้อยลงอยู่ถึงแม้ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำแล้วก็ตาม

- Jeffrey Lacker ประธาน FED สาขา Richmond และ John Williams ประธาน FED สาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาให้ความเห็นว่า FED น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนมิถุนายนเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและคาดการณ์เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายได้ในอนาคต

- กองทุน Hedge fund เริ่มมีสถานะ Short ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากช่วงก่อนหน้าตลาดได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายของชินโซ อาเบะ และปรับตัวขึ้นมากว่า 60% ทั้งนี้สถานะ Short ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลายคนมองว่าเป็นการเล่นที่เสียเปรียบ เพราะ กองทุนบำเหน็จบำนาญรวมถึง BOJ ที่ค่อยสนับสนุนตลาดหุ้น