ประชาสัมพันธ์

แนวทางทองคำวันที่ 6-7-58

เเนวรับ 1165 1163 1160 เเนวต้าน 1170 1173 1178

ราคาเปิดกระโดดขึ้นมาเมื่อเช้านี้อีกครั้งจากข่าวเรื่องกรีซ แต่ช่องว่างของการกระโดดมองว่าน้อยแล้ว ตลาดไม่ค่อยรับข่าวเท่าไร ล่าสุดหลังจากปรับตัวสูงขึ้น ราคาค่อยๆไหลลงมา และ ลงมาทดสอบเส้นแนวโน้มขาขึ้น ยังมองว่า ตรงจุดนี้ลุ้นรีบาวน์ได้ หากรีบาวน์จริงจะมีโอกาสขึ้นไปใกล้ระดับจุดสูงสุดที่ทำคือประมาณ $1175 แต่หากราคาขึ้นไม่ไหวแล้วหลุด 1165 ลงมานั้นจะมองว่า ปัจจัยบวกที่ได้รับนั้นเริ่มหมดความได้เปรียบไป และ ราคามีแนวโน้มจะแกว่งตัวในกรอบต่อไป และด้วยปัจจัยบวกข่าวที่น้อยก็คาดว่าจะทำให้ราคาแกว่งตัวในกรอบ

ตลาดหุ้นผันผวนอยู่ในกรอบถึงปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อวันศุกร์เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการที่ปิดบวก แต่บวกเพียงนิดเดียว และวันนี้คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากประเด็นกรีซที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ ล่าสุดราคาเปิดลงมาใกล้แนวรับ และหลุดเส้นแนวโน้มขาขึ้นไปเรียบร้อย หากวันนี้ปิดราคาบริเวณนี้ มองว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะไม่ดีเท่าไร ค่าเงินบาททิศทางยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า แต่ยังมองการแกว่งตัวอยู่ในกรอบ กรอบแนวรับ 32.60 และแนวต้าน 33.90

ทางเลือกหลัก : จากตรงนี้มองการลุ้นรีบาวน์ขึ้นไปใกล้ระดับ 1175

ทางเลือกรอง : หากราคาหลุด 1165 ลงมาจะทำให้ฝั่งขึ้นเสียความได้เปรียบไป

รายละเอียด

- ในวันศุกร์เป็นวันหยุดทำการของอเมริกาทำให้ราคาไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากนัก โดยราคาได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลข Non-farm payroll ในวันพฤหัสที่ออกมาน้อยลง ถึงแม้ตัวเลขอัตราว่างงานจะออกเพิ่มขึ้น และ ด้วยปัจจัยกดดันจากตัวค่าเงินดอลลาร์ทำให้การปรับตัวขึ้นของทองคำช่วงนี้เป็นไปอย่างจำกัด ประกอบกับเป็นวันหยุดของทางอเมริกายิ่งทำให้ราคาไม่เคลื่อนไหว

- วันอาทิตย์ที่ผ่านมามีการทำประชามติของกรีซ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ออกมาโหวต NO ซึ่งไม่ตรงกันตามที่คาดการณ์ ช่วงก่อนหน้า นายซิปลาสเรียกร้องให้ประชาชนโหวต NO หลังจากกรีซต้องเจอกับมาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวดจากฝั่งหน้าหนี้ ทำให้ประชาชนไม่ต้องการที่จะกลับไปลดสวัสดิการตัวเองอีก เสียงส่วนใหญ่เลยออกมาเป็น NO นาย ซิปลาสกล่าวว่า หากโหวต NO อาจจะเป็นการบ่งบอกให้เจ้าหนี้รู้ว่า คนในประเทศรับมาตรการที่เข้มงวดไม่ไหว และอาจจะมีแนวทางที่เบาลงกว่านี้มาให้ ประชาชนส่วนใหญ่ของกรีซยังคงอยากอยู่ในยูโรโซน ซึ่งมองจากตรงนี้พบว่า ยังต้องกลับมาหารือกันอีกรอบหนึ่งเหมือนช่วงที่ผ่านมา และข่าวของกรีซน่าจะสร้างความผันผวนลักษณะนี้อีกสักพักหนึ่ง ในวันนี้รัฐมนตรีเยอรมันและฝรั่งเศสจะหารือกันถึงแนวทางที่จะปฎิบัติต่อกรีซ และกรีซจะมีการประชุมกับกลุ่มยูโรอีกในวันนี้ ข้อเสนอของทางกรีซ คือ ให้ Haircut หนี้ไป 30% หรือไม่ก็ขยายเวลาให้กรีซอีก 20 ปี เพื่อที่จะสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจก่อน ก็ยังคงต้องติดตามกันต่อไป ทั้งนี้ตลาดทองคำไม่ได้รับข่าวตรงนี้เท่าไร ตลาดที่ผันผวนที่สุดคือตลาดหุ้น

- ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแรงกว่า 7% เมื่อเช้านี้สวนทางตลาดหุ้นทั่วโลกเนื่องจาก ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภายในประเทศ หลังจากในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โบรกเกอร์ของจีน 21 แห่ง รวบรวมเงินทุนเพื่อหยุงตลาดหุ้นหลังจากตลาดผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตัวนี้เป็นผลบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นจีนทำให้ปรับตัวขึ้นแรงสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ได้รับอิทธิพลจากกรีซ

-ราคาพันธบัตรของอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆในช่วงที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งราคาน้ำมันดิบกลับปรับตัวลดลงหลังจากได้รับข่าวกรีซ และ เรื่องของอุปทานด้วยตัวของตลาดเอง ส่งผลให้ล่าสุดลงมาซื้อ-ขายระดับ $54/บาร์เรลจากประมาณ $60

แนวทางทองคำวันที่ 2-7-58

เเนวรับ 1165 1163 1160 เเนวต้าน 1170 1173 1178

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเอกชน (ADP non-farm) ออกมาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอเมริกาฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่3ต่อเนื่องกัน หลังจากหดตัวเนื่องในไตรมาสแรกจากภาวะภัยหนาว ซึ่งเป็นตัวกดดันในราคาทองคำลงมา ส่วนสถานการณ์ในกรีซยังพบว่า ECB ยังคงวงเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์ในกรีซ (ELA) ไว้ที่ระดับเดิม และ นากยกรัฐมนตรีกรีซ นาย ซิปราสได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนโหวต NO ในวันที่ 5 กค นี้ ทิศทางทองคำยังมอง ถึงแม้จะลงได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังแล้ว โอกาสกลับตัวจากแนวรับบริเวณนี้มีสูง แต่หากรับไม่ไหวจริงๆ และหลุด 1165 มองราคาปรับตัวลดลงต่อ

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย เป็นวันที่ 3 แต่เล็กน้อย และยังคง Long สุทธิเล็กน้อยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเช่นเดียวกัน ยังมองว่า ตลาดหุ้นเริ่มได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ปัจจัยในประเทศตามที่ ธปท เผิดเผยออกมายังพบว่า เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว โดยได้รับปัจจัยหลักปัจจัยเดียวคือ การท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจกำลัง Bottom-out หรือ กำลังออกจากจุดต่ำสุด ค่าเงินบาทกลับมาแกว่งในกรอบ

ทางเลือกหลัก : มองราคาถึงแม้จะปรับตัวลดลงต่ออีก แต่การปรับตัวลดลงมองว่าน่าจะติดระดับ 1163 แถวนี้ และราคาสามารถกลับตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้จากแนวรับตรงนี้

ทางเลือกรอง : ราคหลุด 1163-1165 ลงไปมองการปรับตัวลดลงต่อ

รายละเอียด

- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สำรวจโดยภาคเอกชน (ADP Non-farm payroll ) ออกมาที่ระดับ 237K จากเดือนก่อนหน้า 203K และคาดการณ์ 219K ส่วนตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 53.5 จากเดือนก่อนหน้า 52.8 และคาดการณ์ 53.2 ดัชนี PMI ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นสามเดือนติดต่อกัน หลังจากได้รับแรงกดดันจากภัยหนาวในไตรมาสแรก ข่าวสองตัวนี้เป็นปัจจัยที่คอยกดดันราคาทองคำเมื่อวานนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมาก และการฟื้นตัวของอเมริกายังคงเป็นไปต่อเนื่อง

- ในวันนี้จะมีการประกาศตัวเลข Non-farm payroll ของจริงที่สำรวจโดยภาครัฐ ซึ่งปกติข่าวนี้จะเป็นข่าวอันดับ 1 ในเรื่องความโหด ความแรง และ ความผันผวน อยากให้ใช้ความระมัดระวัง โดยปกติข่าวนี้จะประกาศทุกวันศุกร์ต้นเดือน แต่วันศุกร์นั้นเป็น Bank holiday ของทางอเมริกาจึงทำให้ประกาศเลื่อนมาเป็นวันนี้ ตัวเลขคาดการณ์คาดว่าจะออกมาน้อยลงและเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำ ซึ่งมองว่า ตัวเลขค่อนข้างแย้งกับตัว ADP ที่ออกมาเพิ่มขึ้น จึงมองว่า ติดตามตัวเลขจริงน่าจะดีกว่า

-สถานการณ์ของกรีซหลังจากผิดนัดชำระหนี้ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ยังไม่มีความคืบหน้าขึ้น นายกรัฐมนตรีเยอรมันยืนยันว่าเจ้าหนี้พร้อมเปิดเจรจากับกรีซแต่กรีซต้องรับหลักการของเจ้าหนี้ด้วย และกล่าวอีกว่า กรีซไม่มีอำนาจมากพอที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของอียู ทางฝั่งนายกกรีซก็ยังส่งแผน / นำเสนอแผนปฎิรูป และ เรียกร้องให้ประชาชนโหวต NO เพื่อจะได้รับเงื่อนไขการช่วยเหลือที่ดีขึ้น ในขณะที่ฝั่งเจ้าหนี้มองว่า พร้อมที่จะตัดกรีซทิ้งได้หากจำเป็น ล่าสุดผลโพลสำรวจพบว่า ประชาชนประมาณ 47% จะโหวด YES ส่วนประมาณ 43% โหวด NO ค่าความคลาดเคลื่อน ประมาณ 3% 

- ECB ยังคงเปิดช่องให้เงินช่วยเหลือธนาคารของกรีซไว้เช่นเดิมผ่านการคงที่ระดับกองทุน ELA ไว้ที่ระกับเดิมบริเวณ 89 ล้านยูโร (98.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งตัวนี้เป็นตัวสำคัญที่นักลงทุนจะตีความว่ากรีซมีโอกาสออกจากยูโรโซนหรือไม่ 

- ทิศทางของตลาดต่างๆหลังจากข่าวกรีซยังพบว่า กลับไปเล่นกับปัจจัยพื้นฐานเดิมๆ ความกังวลเริ่มคลายกังวลน้อยลง ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ทองคำได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจดีของอเมริกา

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Non-farm employment change 231K 280K
Unemployment rates 5.4% 5.5%
Unemployment claims 270K 271K

แนวทางทองคำวันที่ 1-7-58

เเนวรับ 1170 1166 1165 เเนวต้าน 1177 1179 1185

ข่าวกรีซเมื่อวานนี้พบว่า กรีซเป็นประเทศแรกที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ IMF (ประเทศแรกในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว) แต่ก่อนนั้นกรีซยังคงเสนอแผนปฎิรูปใหม่และขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม ถึงแม้จะไม่ทันเวลาแต่ตลาดก็ยังมีความหวังว่า กรีซจะสามารถทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะมีการประชามติวันที่ 5 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ตลาดต่างๆเริ่มไม่รับข่าวกรีซเท่าไรแล้ว เพราะ เป็นอะไรที่เรื้อรังมานาน รวมถึงเริ่มมีการประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมหากกรีซต้องออกจากยูโรโซน (พบว่าความเสียหายไม่เยอะด้วย) ระยะสั้นมองทองคำปรับตัวขึ้นไปใกล้ 1177-1180 ซึ่งเป็นเส้นแนวโน้มขาลงที่คอยกดดันอยู่ หากยังไม่ผ่านราคาจะลงมาแกว่งตัวใหม่ ติดตามข่าว ADP 

วันนี้ตลาดหุ้นไทยปิดเนื่องจากเป็นวันหยุดชดเชยครึ่งปีของธนาคาร เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง แต่ตัวฟิวเจอร์กลับไม่ค่อยปรับตัวลดลงเท่าไรนัก เนื่องจาก ส่วนต่างระหว่าง สัญญาซีรีย์ U และ Spot ห่างกันเกือบ 20 จุด ทำให้ส่วนต่างที่กว้างขนาดนี้คอยหนุนไม่ให้ฟิวเจอร์ลง แต่สปอตลงบค่อนข้างเยอะ และช่องว่างช่วงปิดตลาดปรับตัวลดลงเหลือ 15 จุด ก็ยังเป็นสัดส่วนที่สูงอยู่ ต้องใช้เวลาอิกนิดเนื่องจากเป็นต้นซ๊รีย์ ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่ชัดเจน ค่าเงินบาทก็แกว่งในกรอบ

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวสูงขึ้นไปทดสอบเส้นเหลืองที่เป็นเส้นแนวโน้มขาลง อยากให้ผ่านจะได้มีแนวโน้มชัดเจนขึ้น แต่โอกาสผ่านยังน้อย และมองไปทดสอบแล้วอาจจะแกว่งตัวในกรอบ

ทางเลือกรอง : - 

รายละเอียด

- ราคาทองคำปรับตัวลดลงสู่ระดับ $1165 (-0.6%) ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้เห็นนับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมปีนี้ หรือคิดเป็นประมาณ 3 เดือน ซึ่งข่าวที่มากระทบนั้นอย่างแรกคือ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer confidence) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 101.4 จากระดับเดิมเดือนก่อนหน้าบริเวณ 94.6 และคาดการณ์ 97.1 ซึ่งเป็นการปรับตัวมากขึ้นมากกว่าเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ ระดับปัจจุบันเป็นระดับใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่ 103 เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ

- อีกข่าวหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำที่ค่อนข้างผันผวนคือ ข่าวของกรีซ หลังจากเมื่อวานนี้กรีซไม่สามารถจ่ายหนี้ IMF จำนวน 1.6 พันล้านยูโรได้ ซึ่งถือว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วประเทศแรกที่ผิดนัดชำระหนี้ IMF ในอดีตมีเพียงซิมบับเว คิวบา ประเทศกำลังพัฒนาแล้วเท่านั้นที่ผิดนัดชำระหนี้ IMF ทั้งนี้ตลาดกลับไม่รับข่าวร้ายนี้ หลังจากก่อนครบกำหนด นายกรัฐมนตรีกรีซได้เสนอยื่นแผนปฎิรูปฉบับใหม่ให้กับเจ้าหนี้ ถึงแม้จะไม่ทันเวลาแต่ตลาดก็ยังมีความหวังว่า กรีซจะทำอะไรได้มากกว่านี้ก่อนที่จะมีผลการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะเป็นการให้ประชาชนเลือก YES หรือ NO หลายฝ่ายกังวลว่า NO และ อาจจะทำให้ความน่าจะเป็นที่กรีซจะออกจากยูโรโซนเพิ่มขึ่นเป็น 50% นอกจากนี้นักวิเคราะห์มองว่า หากจะทำให้ราคาทองคำมการปรับตัวขึ้น สัญญาณแรกต้องเห็นการลดกองทุนสำรองฉุกเฉิน (ELA) ที่ ECB ตั้งสำรองไว้ให้กรีซก่อน

- แรงซื้อ Physical ยังค่อนข้างเบาบาง จากทั้งจีนและอินเดีย เป็นผลทำให้ราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่ไม่สดใสนัก เพราะ แรงซื้อของสองประเทศนี้เมื่อก่อนนี้มาช่วยสนับสนุนราคาได้ในระดับหนึ่ง

- ตลาดหุ้นจีน A-share ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 7% เมื่อวานนี้ หลังจากช่วงสองสัปดาห์มานี้ปรับตัวลดลงกว่า 22% ซึ่งนับเป็นความผันผวนแบบสุดโต่งมาก ระดับราคาเหวี่ยงต่อวันค่อนข้างแรงแบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว สาเหตุที่กังวลมาจาก Valuation ที่แพงเป็นหลัก และตลาดหุ้นที่ร้อนแรงนี้ส่งผลกระทบต่อ Physical ทองคำในจีนอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายงานจากนักวิเคราะห์ว่า คนหันไปลงทุนในหุ้นแทนทองกันเยอะในประเทศจีน

- ตัวเลขภาคการผลิตของจีน PMI ออกมาที่ระดับ 50.2 น้อยกว่าคาดการณ์ 50.3 ยังยืนอยู่เหนือ 50

- ธปท รายงานว่า ภาคเศรษฐกิจของไทยยังฟื้นตัวช้า ปัจจัยหลักที่ช่วยคือ การท่องเที่ยวที่ยังช่วยหนุนได้

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.15 USD 

ADP Non-farm employment change 219K 201K

21.00 USD

ISM Manufacturing PMI 53.2 52.8

แนวทางทองคำวันที่ 30-6-58

เเนวรับ 1175 1173 1168 เเนวต้าน 1179 1183 1187

ทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ในกรีซอยู่เพียงแต่ยังขาดแรงซื้อที่เข้ามา ระยะสั้นมองการปรับตัวลงไปเล็กน้อยบริเวณแนวรับ 1175 และ 1170 ยังมองว่า ปัจจัยบวกจากกรีซจะยังช่วยหนุนตลาดทองคำอยู่ หลังจากนายกกรีซได้ออกมากล่าวเมื่อคืนนี้ว่า จะไม่มีการจ่ายชำระหนี้ IMF ที่จะถึงในวันนี้ และจะเป็นประเทศแรกที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ IMF รวมถึง ร้อมทำประชามติ และ พร้อมที่จะสละตำแหน่งด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปและอเมริกาปรับตัวลดลงแรงและเมื่อดู Yield curve ของกรีซพบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น 2-5 ปี ปรับตัวสูงขึ้นแรง ขณะที่ระยะยาวทรงตัวระดับสูง 10% เท่าเดิม ทำให้มองว่า กรีซจะมีปํญหาเศรษฐกิจในประเทศแน่นอน

ต่างชาติขายสุทธิในฟิวเจอร์เป็นวันแรกที่มีการเปิดสถานะ Short หลัก 4000 สัญญา หลังจากช่วงก่อนหน้าเปิด Long ,ค่อนข้างมาก เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงช่วงเปิดตลาดค่อนข้างแรงประมาณ 17 จุดแต่มีแรงกลับรีบาวน์ขึ้นไป เหลือ –1 จุด จากนั้นลงมาปิดตลาดที่ –6 จุด ความผันผวนในตลาดหุ้นมีมากเช่นเดียวกัน สถานการณ์ชองกรีซยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นอย่างไร ยังคงมองว่าต้องใช้ความระมัดระวังสำหรับตลาดหุ้นด้วย เพราะ แรงรีบาวน์ที่ขึ้นมานั้นอาจจะโดนปัจจัยนอกประเทศกดดันอีกได้ 

ทางเลือกหลัก : มองราคาลงมาอีกเล็กน้อยบริเวณแนวรับ 1170-1175 มองว่าระดับแนวรับนี้น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาหากราคาตกลงไป เนื่องจากสถานการณ์ในกรีซมองว่าจะเป็นตัวบวกสำหรับทองคำในระยะสั้น

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- สถานการณ์ในกรีซเริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ หลังจากเมื่อวานช่วงบ่ายอเมริกาได้มีบทบาทเข้ามาเรียกร้องให้เกิดการเจรจาและกล่าวว่าอเมริกาพร้อมให้ความช่วยเหลือ ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปและอเมริการีบาวน์ขึ้นมาแรงเนื่องจากเล่นข่าวตัวนี้ จากนั้นตอนกลางคืนตามเวลาบ้านเรา นายกกรีซ นาย ซิปราส ได้ออกมายืนยันว่า กรีซจะไม่จ่ายหนี้ IMF ที่จะถึงครบกำหนดชำระในวันนี้ และ จะยังรอผลการทำประชามติ รวมถึงพร้อมที่จะสละตำแหน่งด้วย ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงร่วม 2% และตลาดหุ้นเยอรมันปรับตัวลดลงร่วม 4% ฝั่งเยอรมันกระทบมากกว่า เพราะหากกรีซผิดนัดชำระหนี้จริง ประชาชนชาวยุโรปจะต้องเป็นผู้ชำระหนี้ที่เหลือให้แก่กรีซ ในวันนี้จะเป็นเส้นตายวันสุดท้ายที่จะชำระหนี้ IMF หากกรีซไม่สามารถจ่ายได้ (Default) จะเป็นประเทศแรกที่ผิดนัดชำระหนี้ IMF 

- Yield curve ของกรีซ ระยะสั้นปรับตัวขึ้นแรงมากสู่ระดับกว่า 30% โดยฉพาะพันธบัตรระยะ 2-3 ปี แต่พันธบัตรระยะยาวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปยังอยู่ในโซนของประมาณ 10% ตัวนี้บ่งบอกว่า กรีซน่าจะ Default สูง และลักษณะของ Yield curve ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นขึ้นสูงกว่าระยะยาว แสดงให้เห็นถึง เศรษฐกิจที่มีปัญหา และอ่อนแอมากๆ ซึ่งตัวนี้สะท้อนได้ดีผ่านต้นทุนดอกเบี้ยระยะต่างๆได้ดี โดยปกติแล้วประเทศที่มีการขยายตัวที่ดีมักจะมี Yield curve ชันขวา คือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นจะต้องต่ำกว่าระยะยาว เนื่องจากระยะยาวจะรวมต้นทุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อเข้าไปด้วย แต่หากระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว มองว่า ระยะสั้นมีปัญหา ทำให้ระยะยาวต้องลดดอกเบี้ยลง

- สถานการณ์ของกรีซนั้นทำให้ข่าวการขึ้นดอกเบี้ยจางไปจากตลาด ทองคำยังได้รับแรงกดดันจากตัวนี้อยู่ เพียงแต่ระยะสั้นทองคำมีฐานะเป็น Safe-haven bid อยู่ แต่ตลาดบางส่วนเริ่มมองว่าหากกรีซผิดนัดชำระหนี้จะทำให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อน ข่าวนี้ก็ต้องติดตามเช่นกัน และช่วงนี้ดัชนีวัดความผันผวน VIX index ของตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวขึ้นแรงบ่งบอกถึงความผันผวนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

- ยอดบ้านรอปิดการขาย ของอเมริกา (Pending home sales) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี เป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ เศรษฐกิจอเมริกายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

แนวทางทองคำวันที่ 29-6-58

เเนวรับ 1178 1175 1168 เเนวต้าน 1187 1192 1200

ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากข่าวเรื่องกรีซเช้านี้ เปิดกระโดดขึ้นสู่ระดับ $1185 จากราคาปิดในวันศุกร์ที่ $1175 ตรงช่องว่าง $10 นี้มองว่า ลักษณะ Gap ที่เล่นข่าวแบบนี้ราคาต้องลงมาปิด เพียงแต่จะขึ้นไปก่อนแล้วค่อยลงมาปิดหรือจะลงมาปิดเลยเท่านั้นเอง ซึ่งการเล่นแบบนี้ทางที่ดีคือรอ หากระยะสั้นราคาขึ้นไปเหนือ 1185 ได้สามารถ Follow buy ได้บางส่วน แต่ยังเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นเป้าหมายบริเวณ 1190 + - แต่หากราคาลงมาก่อนจุดที่น่าพิจารณาจะอยู่ตรง 1175 หากราคาไม่สามารถผ่านลงมาได้ ก็น่าจะเป็นจุดซื้อที่ดี การเล่น Gap แบบนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างมาก และเล่นค่อนข้างยากเนื่องจากเป็น Gap เล่นข่าวแบบนี้จะปิดเมื่อไหรก็ได้ 

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงในช่วงเช้าของวันจันทร์มองว่าตลาดหุ้นไทยกระทบแน่นอน (เปิดตลาดมาปรับตัวลดลงกว่า 20 จุด) ทั้งนี้ตลาดทุกตลาดทั่วโลกต่างเปิด Gap ทิ้งไว้ทั้งหมดแต่ไม่หลุด Low เดิม มองว่า Gap แบบนี้มีโอกาสปิดได้สูง จึงต้องติดตามในช่วงบ่ายถึงความคืบหน้าสถานการณ์ในกรีซด้วย วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของฟิวเจอร์สิ้นสัญญาซีรี่เดือนมิถุนายนนี้ติดตามความเคลื่อนไหวให้ดี ส่วนค่าเงินบาทได้รับปัจจัยจากกรีซเช่นกันปรับตัวอ่อนค่าแรงแนวต้าน 34.00 

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นต่อได้ แต่ระมัดระวัง Gap ตรงบริเวณ 1175 ราคามีแนวโน้มจะลงมาปิดแน่นอน เพียงแต่ขะขึ้นก่อน หรือจะลงมาปิดเลยแค่นั้น

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- สถานการณ์ของกรีซล่าสุดในวันหนุดที่ผ่านมา ได้มีความคืบหน้าบ้าง (ในทางลบ) นายกรัฐมนตรีกรีซ นาย ซิปราส จะจัดทำผลประชามติ (Referendum) ในวันที่ 5 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะเป็นการสำรวจความเห็นคนในประเทศว่าจะยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดขึ้นหรือไม่ สาเหตุที่ต้องทำเพราะ การหาเสียงของนายกรัฐมนตรีชุดปัจจุบันได้ชูนโยบายไม่รัดเข็มขัดตามเจ้าหนี้ ซึ่งนโยบายนี้ทำให้นายซิปราสได้เข้ามาเป็นนายกของกรีซแต่เหตุการณ์ปัจจุบันหากไม่ยอมรัดเข็มขัดเพิ่มเติมจะทำให้กรีซอาจจะต้องออกจากยูโรโซนแต่หากยอมรับเงื่อนไขก็จะทำให้เสียเครดิตที่หาเสียงตอนเลือกตั้งและอาจจะทำให้คะแนนเสียงหาย จึงเป็นที่มาของการทำประชามติ ซึ่งหากผลโหวตว่าอยากอยู่ก็จะยอมรับนโยบายรัดเข็มขัด โดยรวมแล้วก็จะถือว่าแก้ปัญฆาได้ไม่น่าเกลียดเท่าไรนัก ทั้งนี้ IMF ออกมายืนยันว่า จะไม่มีการผ่อนปรนให้และต้องชำระหนี้เท่านั้น ไม่มีการเลื่อนอีกแล้ว ซึ่งหนี้ที่จะถึงกำหนดครบชำระในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ล่าสุด ECB ยังคงเงินช่วยเหลือกองทุนฉุกเฉิน (ELA) ไว้ที่ระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากกรีซไม่สามารถชำระหนี้ได้คาดว่าอาจจะต้องใช้เงินก้อนนี้ ทั้งนี้ในเช้าวันจันทร์ตามเวลาบ้านเรา กรีซได้ออกมาตรการ Capital control เพื่อบรรเทาเงินไหลออกแล้ว และธนาคารพาณิชย์ก็จะเริ่มปิดทำการไปจนถึงต้นเดือนหน้า สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายสำหรับกรีซ

- หลังจากข่าวออก ค่าเงินยูโรเปิด Gap ลงมาด้านล่าง แต่ยังไม่หลุด Low เดิม ซึ่งมองจากค่าเงินยูโรแล้วคาดว่า สถานการณ์จะยังไม่รุนแรงเท่าไร ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรปและอเมริกาปรับตัวลดลงโดยเฉพาะตลาดหุ้นเยอรมัน (DAX) เปิดตลาดฟิวเจอร์เช้านี้ปรับตัวลดลงกว่า 4% ทั้งนี้การรับข่าวเรื่องกรีซนั้นพบว่า ไม่แรงมากเมื่อเทียบกับวิกฤติอื่นๆเนื่องจากหนี้ส่วนใหญ่ถูกโอนไปยัง IMF ทีมี่หน้าตักหนา นักวิเคราะห์ประเมินว่า หากกรีซเกิด Default จริงจะไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเหมือนวิกฤติปี 2008

- ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค(ตรวจทาน)ของอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 96.1 จากเดือนก่อนหน้า 94.6 เป็นการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภค 

- จีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.85% ในวันเสาร์เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

- ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง ส่วนตัวเลขค้าปลีกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ภาพผสมกัน

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

- สถานการณ์ของกรีซไปจนถึงวันพรุ่งนี้

แนวทางทองคำวันที่ 26-6-58

เเนวรับ 1175 1168 1165 เเนวต้าน 1180 1182 1188

ยังมองการปรับตัวของทองคำสูงขึ้นอยู่ถึงระดับ 1178 และ 1180 ภาพรวมราคา Breakout เส้นแนวโน้มขาลงออกมาได้ มองว่าเริ่มเป็นสัญญาณในทางบวก โดยมีจุดเปลี่ยนแนวโน้มอยู่บริเวณ 1170 ข่าวที่เข้ามายังไม่มีนัยสำคัญเท่าไรนัก ทำให้มองว่าทองคำจะยังคงแกว่งตัวในกรอบไปอีกสักพักหนึ่งถ้าดูเพียงปัจจัยข่าว แต่ต้องระมัดระวังวันศุกร์และเป็นวันศุกร์ใกล้จะปิดสัญญา ปิดไตรมาสและปิดครึ่งปี ใน 2 วันนี้อาจจะมีการปรับตัวที่ผิดจากปกติได้ถึงแม้จะไม่มีข่าว แต่การปรับตัวยังคิดว่าไม่รุนแรงเท่าไรนัก ผันผวนอยู่ในกรอบแต่อาจจะเป็นกรอบที่เพิ่มความผันผวนให้มีความมากขึ้น ทั้งนี้หากราคาลงผ่าน 1170 จะมองแนวรับอีกทีบริเวณ 1160 + - บริเวณนั้น 

ช่วงนี้จะเป็นช่วงใกล้สิ้นเดือนและปิดครึ่งปีอาจจะมีการทำ Window dressing หรือปิดงบประจำไตรมาสและครึ่งปีของสถาบัน เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเมสูงขึ้นต่อเนื่องอีกเล็กน้อย ช่วงนี้ก็ยังให้น้ำหนักในทางบวกอยู่ แต่อาจจะเห็นการย่อตัวลงมาก่อนเล็กน้อย ต่างชาติหันกลับมาขายสุทธิเล็กน้อย 373 ล้านบาท แต่ยังคงการ Long สุทธิในฟิวเจอร์อีก 7306 สัญญา ซึ่งต่างชาติเร่งการปิดสถานะ Short อย่างต่อเนื่อง ค่าเงินบาททิศทางยังมองการอ่อนค่า แต่ยังให้น้ำหนักการเคลื่อนไหวที่ไม่มากนัก

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวขึ้นต่อถึงบริเวณ 1178-1180

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1170 ลงมามองว่า จะเริ่มปรับตัวลดลงต่อ

รายละเอียด

- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 271K เท่ากับคาดการณ์ ในขณะที่สัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 268K เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ภาพรวมของคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ยังคงทรงตัวอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี โซน 260-270K ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้ตลาดกลับไม่ให้น้ำหนักไปทางแย่เท่าไร เป็นแค่ความผันผวนระหว่างสัปดาห์ของภาพใหญ่ที้ยังคงปรับตัวลดลง เราจึงไม่เห็นทองคำปรับตัวรับข่าวบวกจากตัวนี้มากนัก

- ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (Core PCE) ที่เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อของ FED ที่สำคัญมากกว่า CPI ทรงตัวระดับ 0.1% เท่ากับคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า ข่าวนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทิศทางทองคำโดยตรงเพียงแต่เป็นตัววัดแนวโน้มของเศรษฐกิจโดยรวม พบว่าเงินเฟ้อยังทรงตัวไม่ปรับลดลงและไม่ปรับเพิ่มขึ้น 

- ตัวเลขการใช้จ่ายรายบุคคล (Personal spending) ออกมาที่ระดับ 0.9% มากกว่าเดือนก่อนหน้า 0.1% และคาดการณ์ 0.7% ส่วนรายได้รายบุคคลทรงตัวที่ระดับ 0.5% ขณะที่คาดาการณ์ 0.6% ทั้งนี้เมื่อดูข่าวกลุ่มนี้ถึงแม้ไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญกับราคาทองคำแต่ได้บ่งบอกว่า ผู้บริโภคของอเมริกาได้เริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งการบริโภคของคนในประเทศนั้นคิดเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับ GDP ซึ่งอเมริกาเป็นประเทศแห่งการบริโภค การบริโภคของประชาชนสำคัญพอๆกับภาคส่งออกของบ้านเรา

- สถานการณ์ในกรีซล่าสุดเพบว่า เจ้าหนี้ได้ยื่นข้อเสนอใหม่ให้กับกรีซ ส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงข้อเสนอที่กรีซยื่นให้มาในรอบก่อนเกี่ยวกับ บำเหน็จบำนาญ ซึ่งหากกรีซยังไม่ยอมรับข้อเสนอที่เจ้าหนี้ส่งมาให้แก้ก็อาจจะต้องมีแผนปฎิรูปฉับบใหม่อีก ทั้งนี้ IMF ยืนยันว่าจะไม่ให้กรีซเลื่อนการชำระหนี้ที่จะถึงในเดือนนี้ออกไปแล้วทางฝั่งเยอรมันมองว่า การเจรจาจะไม่สำเร็จซึ่งตรงข้ามกับฝรั่งเศสที่มองว่า ขะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ในวันนี้จะมีการประชุมเพิ่มเติมอีกเกี่ยวบกับสถานการณ์ของกรีซ ข่าวนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ล่าสุดตลาดหุ้นจีน A-share ปรับตัวลดลง 4%

- การใช้จ่ายของผู้บริโถคญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.8% จากคาดการณ์เพียง 3.4% เป็นการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปีหลังจากมีดำเนินนโยบายขึ้นภาษี

แนวทางทองคำวันที่ 25-6-58

เเนวรับ 1175 1168 1165 เเนวต้าน 1180 1182 1188

ราคาทองคำปรับตัวลดลงมายังระดับ 1170 จากตัวเลข GDP ที่ออกมาหดตัวน้อยลงจากประมาณการณ์ครั้งก่อน ทั้งนี้การลงมานั้นได้เกิดภาวะ Bullish divergent ซ้อนกันถึงสองลูกขณะที่ลง มองว่า ให้น้ำหนักทางฝั่งขึ้นเริ่มกลับมา และอาจเห็นการรีบาวน์ไปยังระดับ 1180 มีความเห็นว่า ถึงแม้จะขึ้นแต่การขึ้นรอบนี้ยังมองเป็นการสร้างฐานในภาพรวม ยังคงแกว่งตัวไปมาในกรอบกว้างระหว่างบริเวณ 1170-1195 ปัจจัยข่าวยังมองว่า เข้ามากระทบทั้งทางบวกและลบยังไม่มีนัยบสำคัญกับราคาทองคำเท่าไร วันนี้ติดตามผลการประชุมระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร รวมถึงติดตามตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ แต่ระยะสั้นวันนี้มองว่า การขึ้นนั้นน่าจะเริ่มหมดแรงและพักลงมาเล็กน้อย ดูการพักตัวเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากยังให้น้ำหนักของช่วงรีบาวน์และ ได้ผ่านแนวต้าน Downtrend ออกมาแล้ว ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1027 ล้นาบาท และหันกลับไป Long สุทธิในฟิวเจอร์ต่อเนื่อง 16690 สัญญา เป็นการ Long สุทธิหนักๆวันที่ 3 ติดต่อกัน และส่งผลให้สถานะ S สุทธิในฟิวเจอร์ของต่างชาติปรับตัวลดลง ค่าเงินบาทยังให้น้ำหนักทางฝั่งอ่อนค่า

ทางเลือกหลัก : มองราคาเริ่มสร้างฐานบริเวณนี้ถึงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปยังระดับใกล้ 1180 ทั้งนี้ยังมองการขึ้นรอบนี้เป็นการพักตัวเท่านั้น ยังไม่มีแนวโน้มชัดเจน

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1170 ลงมาอีกรอบมองว่าจะเริ่มลงอีกครั้ง

รายละเอียด

- ตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของอเมริกาแบบตรวจทานรอบสุดท้ายออกมาที่ระดับ –0.2% ตรงตามคาดการณ์ หดตัวน้อยกว่าประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ –0.7% ตีความได้ว่า เศรษฐกิจอเมริกาในการตรวจทานรอบนี้นั้นขยายตัวดีขึ้นจากรอบก่อน แต่ยังคงหดตัวอยู่ และเป็นปกติที่เศรษฐกิจอเมริกาจะหดตัวในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งทุกปีจะมีเรื่องของภาวะภัยหนาวเข้ามากดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ ข่าวนี้เป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำเพียงเล็กน้อย แต่น้ำหนักจะค่อนไปทางลบมากกว่า เพราะ มองว่า GDP หดตัวน้อยลง

- ผลการประชุมระหว่างกรีซและเจ้าหนี้เมื่อคืนนี้พบว่า เจ้าหนี้ไม่ยอมรับแผนปฎิรูปใหม่ของกรีซ เนื่องจาก IMF อยากให้กรีซลดรายจ่ายทางการคลังลงอีก หลังจาก 5 ปีที่ผ่านมาแผนเก็บภาษีของกรีซไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก จึงทำให้ IMF ไม่เชื่อถือในแผนการนี้ ซึ่งหากการประชุมยังตกลงไม่ได้ จะทำให้กรีซอาจจะไม่ได้รับวงเงินช่วยเหลือก้อนสุดท้าย 7.2 พันล้านยูโร ทั้งนี้ในวันนี้จะมีการประชุมกันใหม่อีกรอบหนึ่ง หลังจากเมื่อวานนี้ข่าวออก กลับพบว่า ตลาดหุ้นกรีซปรับตัวลดลง 3% แต่ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปอื่นๆปรับตัวลดลงไม่แรงมากนัก จึงยังมองว่าอาจจะมีปัจจัยในทางบวกเข้ามาในวันนี้ได้

- กระแสเรื่องความเสมอภาคระหว่างเงินยูโรและเงินดอลลาร์ (Euro-dollar parity) กลับมาอีกครั้งหนึ่งหลังจากความแตกต่างระหว่างสองธนาคารกลาง (FED VS ECB) เริ่มชัดเจนมากขึ้น FED กำลังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วน ECB ยังเริ่มต้นผ่อนคลาย และ เมื่อมาดูมูลค่าที่ควรจะเป็นของค่าเงินจากปัจจัยต่างๆนั้น นักวิเคราะห์มองว่า เงินยูโรควรจะอ่อนค่าลงกว่านี้อีก ส่งผลให้กระแสความเสมอภาคออกมาอีกครั้ง ความเสมอภาคที่ว่านี้ คือ อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินยูโรและเงินดอลลาร์เป็น 1 เหรียญต่อ 1 ยูโร ซึ่งตัวเนื้อข่าวนี้ถึงแม้จะไม่ส่งผลกระทบกับทองคำเท่าไร แต่เมื่อมาดูเบื้องหลังพบว่า เงินดอลลาร์จะต้องแข็งค่ากว่านี้อีก ทำให้เป็นปัจจัยทางอ้อมที่ค่อยกดดันราคาทองคำ

- รายงานทางฝั่งการซื้อทองคำของธนาคารกลางพบว่า รัสเซีย และ คาซัคสถาน เพิ่มการถือครองทองคำอีกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนแรงซื้อ Physical ทางจีนและอินเดียยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

- จีนยกเลิกการปล่อยสินเชื่อที่ 75% ของเงินฝากส่งผลให้ตลาดหุ้น A-Share ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Unemployment claims 271K 267K
Core PCE Price index 0.1% 0.1%

แนวทางทองคำวันที่ 24-6-58

เเนวรับ 1175 1170 1165 เเนวต้าน 1179 1182 1188

ทองคำปรับตัวลดลงจากการคลายความกังวลถึงสถานการณ์ในกรีซ ประกอบกับ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่โดยรวมแล้วออกมาดี (รวมหมวดยานพาหนะ) รวมถึง ยอดข้ายบ้านใหม่ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ความกังวลเรื่อง FED ขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้กลับมาอีกครั้ง (อีกแล้ว และเหมือนเดิม) ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และเห็นแรงขายออกมาจากตลาดพันธบัตร ทำให้ทองคำปรับตัวลดลงต่อ แนวโน้มทองคำทางเทคนิคหลุดเส้น Uptrend ลงมาและพยายามไปยืนแต่ยืนไม่ไหว มองการปรับตัวลดลงต่อไปยังระดับ 1170 ซึ่งบริเวณนั้นมองว่า เป็นแนวรับสำคัญจึงไม่ควรถือ Short ต่อแล้ว กรณีผิดทางราคาวกกลับขึ้นไปยืน 1179 ให้ปิด S เนื่องจากขาลงจะเริ่มเสียความได้เปรียบ

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 611 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ หันกลับมา Long สุทธิในฟิวเจอร์มากถึง 10,386 สัญญาเป็นวันที่ 2 หลังจาก Long สุทธิในวันก่อนหน้าน้อยกว่านี้เล็กน้อย ตลาดหุ้นยังค่อนข้างทรงตัวเมื่อวานนี้ หลังจากเกิดแท่งเทียนพุ่งออกจากแนวรับ 1480 ยังให้น้ำหนักในทางบวกอยู่และมองว่า ยังจะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อตามน้ำหนักของตลาดหุ่นทั่วโลกด้วยเช่นกัน ค่าเงินบาททิศทางเริ่มกลับไปอ่อนค่าอีกครั้งหนึ่งโดยมีแนวต้านบริเวณ 33.85 แนวโน้มใหญ่อาจจะแตะ 34.00

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวลดลงต่อไปยังแนวรับ 1170

ทางเลือกรอง : ราคาขึ้นไปยืนเหนือ 1179 ได้ มองว่าควรจะ Stop ออกมา เพราะ ฝั่งลงจะเสียความได้เปรียบไป

รายละเอียด

- ตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable goods orders) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ –1.8% จากเดือนก่อนหน้า 0.6% และคาดการณ์ -0.2% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหมวดไม่รวมสินค้าประเภทยานหาพนะ (Core durable goods) ตั้งแต่รถยนต์จนถึงเครื่องบินรบ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 0.5% จากเดือนก่อนหน้า –0.2% และคาดการณ์ 0.6% ตีความได้ว่า การปรับตัวสูงขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนส่วนใหญ่แล้วมาจากกำลังซื้อทางฝั่งพวกหมวดยานพาหนะเป็นหลัก สอดคล้องกับตัวเลขยอดขายรถยนต์ของอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา โดยรวมแล้วตลาดให้น้ำหนักกับตัวเลข Core durable goods orders มากกว่า จึงทำให้ทองคำปรับตัวลดลงพอสมควรเมื่อวานนี้

- ทองคำได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ในกรีซที่ออกมาดูเหมือนจะแก้ปัญหาเรื่องหนี้ในระยะสั้นนี้ได้ ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาดในกลุ่มยุโรป รวมถึง ตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ภาพรวมดีขึ้นทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปอีก กดดันราคาทองคำให้ร่วงสู่ระดับ $1175/Oz. ทั้งนี้ตลาดเริ่มกลับมาเล่นเรื่อง FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกแล้ว มองว่าจะขึ้นภายในปีนี้จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี ตลาดอื่นๆก็รับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยเช่นกันสังเกตุจากตัว Yield ของพันธบัตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกแล้ว ทั้งนี้อีกฝั่งหนึ่งมองว่า การเพิ่มของ Yield พันธบัตรใกล้สุดแล้ว และค่าเงินดอลลาร์จะไม่แข็งค่ากว่านี้ไปอีกมากเท่าไรนัก รวมถึง ราคาทองคำ ณ ปัจจุบันเมื่อเทียบเฉพาะข่าวกรีซถือว่า Oversold แล้ว เพราะ ถึงแม้กรีซจะส่งแผนปฎิรูปได้สำเร็จ แต่ความเสี่ยงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ยังมีอยู่ การปรับตัวลดลงเริ่มจะจำกัด เสียงก็ยังคงแยกออกเป็นสองฝ่ายเช่นเดิม ใช้เหตุผลของแต่ละฝ่ายเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

- Physical gold demand ปรับตัวลดลงจากความต้องการใช้ทองในอินเดียลดลง และตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นแรงมากในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนจีนส่วนใหญ่หันไปลงทุนในหุ้นและชะลอการลงทุนในทองคำเป็นหลัก ล่าสุดดัชนีหุ้น A-share ปรับตัวจากต้นปีมาแล้วประมาณ 40% ถึงแม้สัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการตกลงมามากกว่า 10% ก็ตาม เรียกว่า ปีที่แล้วและนี้เป็นปีทองของตลาดหุ้นจีน

- วันนี้จะมีการประชุมถึงสถานการณ์ในกรีซอีก ครั้งนี้จะรวมถึงความเห็นชอบของเยอรมันด้วย

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Final GDP -0.2% -0.7%

แนวทางทองคำวันที่ 23-6-58

เเนวรับ 1180 1175 1170 เเนวต้าน 1190 1195 1202

ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบระดับ 1200 อีกรอบหนึ่ง แล้วยังไม่ผ่าน ซึ่งการขึ้นไปทดสอบแต่ละรอบนั้นพบว่า โซน 1200 เป็นโซนที่มีแรงขายหนักมาก ราคาไปยืนแต่ละทีไม่สามารถคงอยู่ได้ และการเล่นเก็งกำไรแบบใช้กราฟเทคนิค โดยเฉพาะ Trend following ในช่วงนี้มีช่องว่างให้เก็งกำไรน้อยมาก ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง หรือ ต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆเข้ามาช่วยนอกเหนือจากการเก็งกำไรแบบปกติ เพราะ การเคลื่อนไหวช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน และ แนวโน้มแกว่งตัวเป็นวงกว้าง ไม่มีแนวโน้มชัดเจน ระยะสั้นมองว่า ราคาหลุด 1190 ลงมาทำให้ภาพรวมของขาขึ้นเสียไป เพียงแต่หากวันนี้กลับขึ้นไปยืนได้ ก็จะดีขึ้น แต่หากขึ้นไปแล้วกลับลงมา ระวังการปรับตัวลดลงต่อ

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย แต่หันกลับไป Long สุทธิในฟิวเจอร์ค่อนข้างมากถึง 6000 สัญญา เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นมาจากระดับ 1480 ที่ลงไปวันก่อนหน้า และรีบาวน์แรง ขึ้นกลับมาจนเกิดเป็นแท่งเทียนกลับตัว ให้มุมมองว่า น่าจะดีขึ้น สำหรับฝั่งขึ้น ราคากำลังจะ Breakout แนวต้านระยะสั้นภายในระยะชั่วโมงออกไปได้ แต่ต้องอาศัยการปรับตัวขึ้นกว่านี้อีกเล็กน้อย ค่าเงินบาททิศทางเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกรอบหนึ่งหลังจากได้รับปัจจัยเรื่องเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อคืนนี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวสูงขึ้นก่อน ใกล้ระดับแนวต้าน 1190 หากยืนได้มองว่า ยังมีโอกาสขึ้นไปต่อ

ทางเลือกรอง : หากราคาขึ้นไปทดสอบแล้วยืนไม่ได้ หรือปรับตัวลดลงเลยเกินกว่า 1180 มองว่าราคาจะเริ่มลงอีกรอบไปยังแนวรับ 1170-1175

รายละเอียด

- ทองคำได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ในกรีซ หลังจากเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีกรีซ นาย ซิปาส ได้เสนอแผนปฎิรูปชุดใหม่ให้กับเจ้าหนี้ EU โดยรายละเอียดเกี่ยวกับ การเพิ่มการจัดเก็บภาษีสำหรับผู้มีรายได้สูง และ ปรับเปลี่ยนทางเลือกของการเกษียณก่อนกำหนด รวมถึงจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับบริษัทเอกชนเพิ่มอีกหากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด นอกจากนี้ ECB ยังเพิ่มวงเงินกองทุนฉุกเฉินให้แก่กรีซอีกในสัปดาห์ที่เป็นรอบที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้เจ้าหนี้ได้ยอมรับแผนการปฎิรูปชุดใหม่ของกรีซ แต่สถานการณ์ก็ยังต้องรอว่าจะเป็นยังไงต่อ เพราะ กระบวนการชำระหนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อย แต่ตลาดหุ้นกรีซก็ปรับตัวขึ้นไปถึง 9% และทำให้ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 3-4% ทั้งนี้ทองคำกลับได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ในกรีซที่ออกมาลักษณะคลายความกังวล เช่นเดียวกับค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลงแรง (ซึ่งโดยปกติแล้วควรจะแข็งค่าขึ้น) 

- พฤติกรรมการเหวี่ยงของราคาทองคำช่วงนี้ค่อนข้างผันผวนสูง แนว 1200 + - บริเวณนี้เป็นจุดที่ราคาเหวี่ยงกลับไปกลับมาในกรอบค่อนข้างแรง แนวโน้มการเก็งกำไรแบบ Trend following เริ่มมีช่องว่างในการทำกำไรลดลงเรื่อยๆจากพฤติกรรมผันผวนในกรอบแต่เพิ่มสเกลเป็นวงกว้างขึ้นเช่นนี้ การเก็งกำไรในทองคำช่วงนี้ต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างมาก

- ตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sales) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.35M จากเดือนก่อนหน้า 5.09M และคาดการณ์ 5.27M เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ เป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ และเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้

- กองทุน SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำเป็นวันแรกนับตั้งแต่ 26 พฤษภาคมปีนี้ ซื้อเพิ่ม 0.51% สู่ระดับ 705.48 ตัน แต่มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนยังคงอยู่ระดับต่ำใกล้เคียงกับปี 2008

- ตัวเลขภาคการผลิตของจีน China HSBC PMI ออกมาที่ระดับ 49.6 มากกว่าคาดการณ์ที่ 49.4 และเดือนก่อนหน้า 49.2 ทั้งนี้ถึงแม้ภาคการผลิตจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในโซนของการหดตัวเพราะ ตัวเลขออกมาที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งบอกถึงภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ล่าสุด PBOC ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา และ ยังมีช่องว่างให้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายอีก 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Core durable goods orders 0.6% -0.2%
Durable goods orders -0.6% -1.0%

21.00 USD 

New home sales 524K 517K

แนวทางทองคำวันที่ 22-6-58

เเนวรับ 1196 1190 1185 เเนวต้าน 1202 1205 1210

ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับประโยชน์จากการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหรือ FED ซึ่งยังให้ความเห็นออกมาในโทน Dovish ประกอบกับสัปดาห์ก่อนหน้าได้เกิดความกังวลต่อสถานการณ์ในกรีซที่เป็นตัวสนับสนุนให้นักลงทุนหันเข้ามายังสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ทำให้ทองคำปรับตัวสูงขึ้น ส่วนในสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีข่าวสำคัญนัก เพียงแต่ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายกกรีซได้เสนอแผนปฎิรูปใหม่ที่เจ้าหนี้เห็นแล้วคลายความกังวลเรื่อง Grexit ได้บ้าง ทำให้ทองคำถูกเทขายออกมา ในปัจจุบันสำหรับแนวโน้มยังมองรีบาวน์ได้ คิดว่าการพักตัวในช่วงนี้จะเป็นการพักเพื่อขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1190-1195 และแนวต้าน 1205 

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลงแรง หลุดระดับ 1500 หลังจากมีทิศทางรีบาวน์ในช่วงก่อนหน้า ตลาดปรับตัวยังไม่หลุด Low เดิมยังพอมีความหวังสำหรับฝั่งขึ้น ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1422 ล้านบาท และยังคงขายสุทธิในฟิวเจอร์ต่อเนื่อง หลังจากวันศุกร์ตลาดได้รับแรงกดดันจากข่าวเรื่องกรีซและไวรัส MERS ทำให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงพยาบาลปรับตัวลดลงแรง และ ธปท ปรับลดคาดการณ์ GDP ทั้งนี้ในช่วงเช้าตลาดหุ้นเริ่มรีบาวน์และปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าเล็กน้อย 

ทางเลือกหลัก : มองกาปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อ กรอบแนวรับ 1195 และแนวต้าน 1205

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1190 ลงมามองว่าราคาจะเริ่มแกว่งกลับไปในกรอบอีกรอบหนึ่ง

รายละเอียด

- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ประมาณใกล้เคียง $1205/Oz. จากการคาดการณ์ถึงทิศทางของอัตราดอกเบี้ยที่จะขึ้นช้ากว่ากำหนด หลังจากในวันพุธได้มีผลการประชุม FOMC พบว่า ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำที่เดิม 0.25% และยังไม่มีทีท่าถึงการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ ยังเน้นการขยายตัวของเงินเฟ้อและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลักก่อน ทำให้เงินดอลลาร์ค่อยๆอ่อนค่าลงมา พร้อมทั้งเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา

- สถานการณ์ในกรีซล่าสดเริ่มดูดีขึ้นหลังจากการเจรจาอย่างต่อเนื่อง นายก รัฐมนตรีกรีซ นาย ซิปาส ได้เสนอแผนปฎิรูปแผนใหม่ที่จะเสนอให้แก่เจ้าหนี้ เป็นการส่งสัญญาณคลายความกังวลหลังจากมีกระแส Grexit ในช่วงที่ผ่านมาหากกรีซไม่สามารถผ่านแผนปฎิรูปไปได้ จากข่าวกรีซนี้ทำให้ทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้มีเงินไหลเข้าทองคำจากความกังวลเรื่องของความวุ่นวายทางการเงินหากกรีซออกจากยูโรโซน นอกจากนี้ ECB ยังเพิ่มวงเงินกองทุนสำรองฉุกเฉินให้แก่กรีซอีกสู่ระดับ 1.8 พันล้านยูโรหลังจากในวันศุกร์มีการทยอยถอนเงินออกจากธนาคารพาณิชย์ของประชาชนในกรีซเป็นอย่างมาก

- Hedge fund และกองทุนต่างๆ ต่างปรับลดการถือครองสถานะ Long ในซิลเวอร์และทองคำลงอีก โดยปรับลดซิลเวอร์ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน นอกจากนี้ยังปรับลดการถือครองทองคำลงอีก ข้อมูลจาก CFCT เปิดเผยใน CNBC เมื่อสิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

- ธนาคารกลางรัสเซียออกมาเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ซิ้อสะสมทองคำเพิ่มอีก ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 40.2 ล้านทรอยออนซ์ ในวันที่ 1 มิถุนายน จากเดือนก่อนหน้า 40.1 ล้านทรอยออนซ์

- ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลงอีก จากเดิม 3.8% สู่ระดับ 3% จากปัจจัยหลักเรื่องการส่งออกที่น่าจะหดตัวเพิ่มขึ้นหลังจากประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นเท่าไรนัก รวมถึงปัญหาเรื่องโครงสร้างและการแข่งขัน นอกจากนี้ยังปรับลดการบริโภคภาคเอกชนลงอีก โดยให้น้ำหนักที่จะดึงเศรษฐกิจไทยขึ้นมานั้นคาดว่าจะมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐ

- ตลาดหุ้นจีน A-share ปรับตัวลดลงแรงกว่า 6% จากเหตุผลด้านลบที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD

Existing home sales 5.27M 5.04M