ประชาสัมพันธ์

แนวทางทองคำวันที่ 21-7-58

เเนวรับ 1100 1090 1080 เเนวต้าน 1107 1111 1120

ทองคำได้รับแรงกดดันทั้งทางพื้นฐาน และ Sentiment หรือมุมมองนักลงทุน นักวิเคราะห์ต่างประเทศแนะนำให้ Short เมื่อราคาขึ้นไป จึงทำให้จุดนี้คาดว่าจะเห็นคนซื้อน้อย ต้องลุ้นฝั่งซื้อว่าจะมีแรงกระชากขึ้นไปให้ฝั่งขายถูกบังคับปิดสถานะได้หรือไม่ ในระยะสั้นมองการรีบาวน์อีกรอบหนึ่งที่ 1107-1111 หากผ่านไม่ได้มองว่า แนวโน้มจะลงมาซื้อ-ขายกันที่ระดับ 1080-1090 ในวันถัดๆมา ถึงแม้จะเข้าสู่ภาวะ Oversold ไปแล้ว แต่สามารถแช่ได้นานในช่วงนี้ ข่าวเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยกลับมากดดันหนัก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกาปรับตัวขึ้นเรื่อยๆสินค้าคอมโมดิตี้ปรับตัวลดลงแรงทุกตัว และ หุ้นเหมืองทองปรับตัวลดลงแรงเช่นเดียวกัน

ตลาดหุ้นไทยหลังจากรีบาวน์ในช่วงแรกนั้น กลับปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและหลุด Low เดิม เป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ถึงแม้ตลาดต่างประเทศจะเป็นบวกเข้ามาในระยะสั้นนี้ แต่ไม่สามารถพยุงหุ้นไทยได้เลย ตกลงมาต่อเนื่องตามทองลงไปด้านล่าง ยอดซื้อ-ขายล่าสุดเมื่อวานนี้ต่างชาติ Short สุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย อีกร่วม 4000 สัญญา ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงต่อเนื่อง ระยะสั้นมองว่าเริ่มเห็นสัญญาณ Bearish divergent ในภาพวันแล้ว บ่งบอกว่า เทรนอ่อนค่าเริ่มอ่อนแรงลง ติดตามตัวนี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1107 และ 1111 ก่อน หากไม่ผ่านมองว่า จะปรับตัวลดลงมาอีก

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1100 ลงไปเลย โอกาสที่จะลงไปเล่นในโซน 1080-1090 มีสูง

รายละเอียด

- เมื่อวานนี้ช่วงตลาดจีนซึ่งเป็นช่วงเช้าตามเวลาบ้านเรา จากสภาพคล่องที่ค่อนข้างเบาบาง ทำให้เกิดแรงขายอย่างรุนแรงออกมา เพียงแค่ไม่กี่นาที ราคาปรับตัวลดลงแรงกว่า $50 หรือ 4% และส่งผลให้เป็นตัวกดดันมุมมองของนักลงทุนไปเลย โดยความเห็นส่วนใหญ่ที่นักวิเคราะห์มองไว้คือ คนจะรอดักขายเมื่อราคาปรับตัวขั้นมา เนื่องจากมองว่า ทองคำเป็นขาลงเต็มตัว ตรงจุดนี้คาดว่าจะทำให้มุมมองของคนที่รอเล่นฝั่งขึ้นไม่กล้าซื้อ จะรอดักขายอย่างเดียว ทำให้ราคาอาจจะยังปรับตัวขึ้นไม่สูงนัก กรณีกลับกันหากเป็นการสร้างราคา อาจจะได้เห็นแรงซื้อไม้ใหญ่ๆเข้ามาและทำให้แรงขายเหล่านั้นต้องซื้อคืนก็ได้ ทั้งนี้ทางเลือกหลังเป็นมุมมองส่วนตัวที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ต้องรอตลาดเฉลยว่า พฤติกรรมการทุบราคา $50 ใน 1 นาทีนั้นมีจุดประสงค์อะไร และทำไมต้องมาทำที่ตลาดจีน และการทุบรูปแบบนั้นทำให้ทองคำที่ปรับตัวขึ้นมากว่าทศวรรษได้กลับลงไปที่เดิม

- อีกข่าวหนึ่งที่ทำหน้าที่กดดันราคาทองคำ คือ เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางอเมริกา หลังจากประธาน FED นาง เยลเลน ได้ออกมาให้ความเห็นว่า คณะกรรมการมีความเห็นว่า อาจจะเตรียมขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้แน่นอนแต่จะเป็นลักษณะการขึ้นทีละน้อย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งระยะสั้นและระยะยาวปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแรง และ พันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิถุนายน ส่วนพันธบัตรระยะยาวก็กดดอกเบี้ยไม่ลงแล้ว อายุ 10 ปี ขึ้นไปซื้อ-ขายที่ระดับสูงกว่า 2% บ่งบอกว่า นักลงทุนแต่ละคนมีความพร้อมแล้วที่จะอยู่ในสภาวะที่ดอกเบี้ยสูง

-จากราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงมาแรงในวันจันทร์ที่ผ่านมาส่งผลลบต่อสินค้าคอมโมดิตีทุกประเภท ดัชนี Bloomberg commodities index ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปี ต่ำกว่าเมื่อครั้งเกิดวิกฤติปี 2008และ วิกฤติยุโรป 2012 โดยการปรับตัวลดลงนั้นทั้ง Soft commodity พวกสินค้าเกษตร น้ำตาล ข้าวโพดก็ลงหมด รวมถึง หุ้นเหมืองทองก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นเดียวกัน ล่าสุดราคาหุ้นเหมืองทองรายใหญ่ของโลก Barrick gold ปรับตัวลดลงสามวันติดต่อกัน และล่าสุดปรับตัวลดลงต่ออีก 10% ในช่วงของตลาดหุ้นอเมริกาเป็นการปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1989

- กรีซสามารถจ่ายเงินชำระหนี้ IMF และ ECB ได้แล้ว ในขณะที่ธนาคารกลับมาเปิดทำการปกติ

แนวทางทองคำวันที่ 20-7-58

เเนวรับ 1100 1090 1080 เเนวต้าน 1115 1120 1140

ราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงล่าสุดไปแตะระดับ $1080 ที่เป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 สาเหตุหนึ่งมาจาก กระแสดารขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกาหลังจากเงินเฟ้อปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันหลายเดือน อีกฝั่งหนึ่งคือ จีนได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขทองคำสำรองพบว่าถึงแม้จะเพิ่มขึ้นกว่า 50% นับจากปี 2009 แต่การเพิ่มขึ้นนั้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ ทางฝั่งกองทุน Hedge fund ลดสถานะ Bullish bet ในทองคำลงอีกและเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการประกาศยอดซื้อ-ขาย ส่วนแนวโน้มระยะสั้นมองการรีบาวน์ขึ้นไป—สร้างฐานบริเวณนี้ และมองว่าราคาตกมาเกินเฉลี่ยค่อนข้างมาก ให้ระมัดระวังการปรับสมดุลของราคาทางฝั่งขึ้น

ยอดซื้อ-ขายสุทธิของต่างชาติ ยังค่อนข้างทรงตัว ยอดซื้อ-ขาย ยังคงเบาบาง แต่มุมมองของตลาดหุ้นทั่วโลกดูดีขึ้น หลังจากสถานการณ์ กรีซคลี่คลายลง ตลาดหุ้นยังคงแกว่งตัวระยะสั้น ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ โดยมีปัจจัยจากตลาดโลกอย่างค่าเงินดอลลาร์เข้ามาด้วย ล่าสุดดดอลลาร์แข็งค่าเข้าใกล้ระดับ 100 อีกรอบหนึ่งแล้ว เป็นผลทำให้สกุลเงินคู่ค้าปรับตัวอ่อนค่าลงเกือบทั้งหมดด้วย

รายละเอียด

- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 281K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 296K และคาดการณ์ 284K ในขณะที่ตัวเลขภาคการผลิต Philly FED ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.7 จากเดือนก่อนหน้า 15.2 และคาดการณ์ 11.9 กลุ่มนี้เป็นข่าวในช่วงวันพฤหัสที่ผ่านมา

- วันศุกร์มีตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคหมวดไม่รวมสินค้าประเภทพลังงานและอาหารสด (Core CPI) ออกมาขยายตัว 0.2% เท่ากับคาดการณ์ ในขณะที่เดือนก่อนหน้าออกมาที่ระดับ 0.1% ในขณะที่ CPI แบบปกติออกมาที่ระดับ 0.3% เท่ากับคาดการณ์เช่นเดียวกัน แต่เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 0.4% นอกจากนี้ตัวเลข Housing start ยังออกมาเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นปัจจัยลบกับทองคำ และตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ทำให้กระแสคาดการณ์เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยมีมากขึ้น เพราะ เงินเฟ้อเริม่ขยายตัวหลายเดือนติดต่อกัน เป็นผลทำให้ทองคำได้ซึมซับปัจจัยลบเข้าไปในตัวนี้ด้วยถึงแม้จะเป็นข่าวที่รับรู้กันแล้วก็ตาม

- ช่วงเช้าราคาทองคำปรับตัวลดลงกว่า $50 ไปทดสอบระดับ $1080 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 โดยมีข่าวที่มาเสริมเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยคือ ปริมาณสำรองทองคำของจีนที่เปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 พบว่า จีนซื้อทองคำเพิ่มทั้งหมด 604 ตัน นับจากปี 2009 นับเป็นประเทศที่มีสำรองทองคำมากสุดเป็นอันดับ 4 มากกว่ารัสเซียเล็กน้อย ปัจจุบันจีนมีทองคำสำรองทั้งหมด 1,658 ตัน ถึงแม้จีนจะซื้อทองคำเพิ่ม แต่การเพิ่มของทองคำสำรองของจีนคิดเป็นสัดส่วนทั้งหมดเมื่อเทียบกับทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนที่ประมาณไม่ถึง 10% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นระดับที่น้อย และทองคำสำรองของจีนหลังจากที่ไม่ได้เปิดเผยมาตลอด คาดว่าจะมีเยอะกว่านี้ประมาณ 3 เท่า ปรากฎว่าตัวเลขออกมาน่าผิดหวัง และจีนได้ออกมากล่าวว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเฉพาะตัว แต่จีนยังซื้อได้ไม่มากเนื่องจากปริมาณตลาดที่ยังไม่ใหญ่เมื่อเทียบกับ ตลาดค่าเงิน ทำให้เมื่อจียจะซื้อในปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวของราคาที่เพี้ยนได้

- กองทุน Hedge fund ลดสถานะการถือครองทองคำฝั่ง Long ลงอีก เป็นสัปดาห์ที่ สามติดต่อกัน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการประกาศยอดซื้อ-ขายสุทธิในฟิวเจอร์และออพชัน ข้อมูลจาก CFCT เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง ความต้องการทองคำที่น้อยลงทั้งฝั่งธนาคารกลางและเก็งกำไร

แนวทางทองคำวันที่ 16-7-58

เเนวรับ 1145 1142 1140 เเนวต้าน 1149 1154 1160

ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากตัวเลขข่าวเศรษฐกิจของอเมริกาที่ออกมาดีขึ้น , สถานการณ์ในกรีซที่ผ่านแผนปฎิรูปแล้ว และ ตัวการสำคัญ ถ้อยแถลงของนาง เจเนต เยลเลน ไปในแนวโน้มว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปีนี้ ทั้งนี้หลังจากข่าวออก ค่าเงินดอลลาร์วิ่งไปทดสอบใกล้ระดับ High เดิม แต่ไม่มี New-high ประกอบกับทองคำปรับตัวลดลงมาใกล้ระดับแนวรับสำคัญ จึงมองว่า วันนี้ลุ้นรีบาวน์ขึ้นไป โดยกรอบแนวต้านที่มองไว้บริเวณ 1160 ซึ่งเป็นเส้นแนวโน้มขาลงที่กดดันราคาทองคำมาตลอดทาง คาดว่าลาดรับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว ส่วนกรณีผิดทางนั้น ราคาจะปรับตัวลดลงเกินกว่าระดับ 1140-1143 ลงมาด้านล่าง จะเปิดทางให้ลงมาอีก $5-10

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่การซื้อเป็นเพียงระดับเล็กน้อย ส่วนในตลาดฟิวเจอร์ยังคงเพิ่มสถานะ Long สุทธิอีกครั้ง 2253 สัญญา ช่วงนี้ตลาดค่อนข้างนิ่ง ถึงปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริ่มคลายความกังวลเรื่องกรีซ เริ่มมองในทางบวกเล็กน้อยสำหรับตลาดหุ้น แต่ยังโดนกดดันจากแนวโน้มขาลงในทางเทคนิคอยู่ ค่าเงินบาทเมื่อคืนนี้อ่อนค่าแตะระดับ 34.20 มองว่า การอ่อนค่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงอยากให้ระมัดระวังฝั่งแข็งค่าเล็กน้อยในระยะสั้นนี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาเริ่มปรับตัวลดลงจำกัดและมองการรีบาวน์ขึ้นไปใกล้ระดับ 1160 อีกครั้งหนึ่ง

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1140-1143 ลงมามองว่า จะเริ่มลงอีกครั้ง

รายละเอียด

- ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 0.4% จากเดือนก่อนหน้า 0.5% และคาดการณ์ 0.2% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานที่ไม่รวมพลังงานและอาหารสดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 0.3% จากคาดการณ์และเดือนก่อนหน้าที่ 0.1% แสดงให้เห็นถึง หากตัดผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ต่ำลงแรงนั้น เงินเฟ้อเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ข่าวนี้เป็นลบกับทองคำเล็กน้อยแต่ไม่มีผลมากนัก เพราะ เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้ อาจจะทำให้เข้าเป้าเงินเฟ้อFED ที่ 2% มากขึ้น

- ตัวเลข Empire state manufacturing index ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 3.9 จากคาดการณ์ 3.4 และคาดการณ์ –2.0 เป็นการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า ส่วนตัวเลขอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 78.4% จากเดือนก่อนหน้า 78.2% และคาดการณ์ 78.1%แนวโน้มของอัตราการใช้กำลังการผลิตช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากเรื่องภาวะอากาศหนาว และมาเริ่มดีขึ้นในเดือนนี้ ทางฝั่งผลผลิตอุตสาหกรรม ( Industrial production) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน บ่งบอกให้เห็นว่า ในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจอเมริกามีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่โดนกดดันจากเรื่องภาวะภัยหนาวและการประท้วงที่ท่าเรือฝั่งตะวันตก

- รายงาน Beige book เมื่อวานนี้ พบว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจอเมริกาเติบโตปานกลางและดีขึ้นเล็กน้อย มีเพียง 2 เขตใน 10 เขตเท่านั้นที่ดีขึ้น ยอดขายรถยนต์และการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึง ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน แต่อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักสุด (แย่สุด) คือ อุตสาหกรรมพลังงาน หลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแรงเกินกว่า 50%

- ถ้อยแลถงของนาง Janet Yellen ประธาน FED ยังยืนยันว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นในปีนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจที่มองไว้ออกมาดี และตัวเลขที่ออกมาจริงก็ค่อนข้างพอใจ แต่ยังกังวลเรื่องตลาดแรงงานและภาวะเงินเฟ้อเล็กน้อย และยืนยันว่าช่วงเวลาของการขึ้นดอกเบี้ยนั้นไม่สำคัญฌท่ากับช่วงและจังหวะของการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากข่าวออก ทองคำปรับตัวลดลง ขณะที่เงินดอลลาร์วิ่งเข้าใกล้ระดับสูงสุด แต่ไม่ทำนิวไฮ

- รัฐสภากรีซผ่านกฎหมายปฏิรูปแล้วด้วยเสียง 229 จาก 300 และ ECB จะดำเนินการวางแผนช่วยเหลือ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD

Unemployment claims 284K 297K

EUR 

ECB Press Conference 

21.00 USD 

Fed Chair Yellen testifies 
Philly FED Manufacturing index 11.9 15.2

แนวทางทองคำวันที่ 15-7-58

เเนวรับ 1152 1150 1147 เเนวต้าน 1157 1160 1165

เมื่อวานนี้ราคาค่อนข้างทรงตัว เพียงแต่มีตัวเลขค้าปลีกเข้ามาสร้างความผันผวนให้มากขึ้น ตัวเลขค้าปลีกออกมาหดตัวแรงเดือนที่ผ่านมาและเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปเล็กน้อยก่อนที่จะวกกลับลงมา มองว่า วันนี้มีแนวโน้มจะถอยกลับลงไปบริเวณ 1150 อีกครั้งหนึ่ง ให้ใช้ความระมัดระวังเช่นเดิม หากยังไม่หลุด ราคาก็จะกลับขึ้นมาแกว่งใหม่บริเวณ 1153-1157 อีกรอบหนึ่ง สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้มีค่อนข้างมาก แต่นัยสำคัญน้อย เริ่มจาก 19.30 มีประกาศตัวเลข PPI และ ดัชนีภาตอุสาหกรรม ฟิลาเดเฟีย ช่วง 20.15 มีประกาศ อัตราการใช้กำลังการผลิต และ ช่วงตี 1 มีรายงาน เบจบุ๊ค (Beige book) ของ FED 

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย แต่มีเพียงเล็กน้อย ขณะที่หันกลับมา Short สุทธิในฟิวเจอร์ต่อเนื่องกัน ร่วม 2584 สัญญา ตลาดหุ้นยังเริ่มรีบาวน์อย่างต่อเนื่อง และใกล้จะทดสอบระดับ 1500 จุด ช่วงที่ผ่านมา สถาบันกลายเป็นผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ต่างชาติยังขายต่อเนื่อง เป็นเกมส์ระหว่างสองผู้เล่นรายใหญ่ชัดเจน แต่ช่วงหลังที่ผ่านมา สถาบันมักจะเป็นผู้ Lead ตลาดมากกว่า สำหรับค่าเงินบาททรงตัวอยู่แถวระดับ 34 มองว่า อยากให้แกว่งตัวเออกข้างอีกสักพักเพื่อชะลอการอ่อนค่าลงช่วงนี้

ทางเลือกหลัก : ยังมองราคาปรับตัวลดลงมาใกล้ 1150 อีกรอบหนึ่งเช่นเดิม

ทางเลือกรอง : ราคาหลุดไปยืนบน 1157 มองว่า จะเริ่มแกว่งตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

รายละเอียด

- ตัวเลขค้าปลีก (Retail sales) ของอเมริกา ปรับตัวลดลงแบบแรงกว่าคาดการณ์ (Unexpected drop) และเริ่มลงมาสู่ระดับติดลบเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน ที่ระดับ –0.3% จากเดือนก่อนหน้า 1% และคาดการณ์ 0.2% ส่วนตัวเลขค้าปลีกแบบไม่รวมหมวดยานพาหนะปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันสู่ระดับ –0.1% จากเดือนก่อนหน้า 0.8% และคาดการณ์ 0.7% แนวโน้มของตัวเลขค้าปลีกนั้นช่วงสามเดือนก่อนหน้าอยู่ในแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องพอมาเดือนนี้กลับปรับตัวลดลงแรงสวนทางกัน ต้องใช้ข้อมูลเดือนหน้ามายืนยันว่า จะเริ่มปรับตัวลดลงหรือไม่ หรือ ว่าเป็นแค่ปัจจัยชั่วคราว สาเหตุที่ตัวเลขลดลงนั้นมาจาก การบริโภคที่ชะลอตัวลงในภาพรวม รวมถึงยอดขายรถยนต์ที่ยังคงปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน ข่าวตัวเลขค้าปลีกโดยปกตินั้นไม่ส่งผลที่มีนัยสำคัญต่อแนวโน้มราคาทองคำ แต่จะสร้างความผันผวนในกรอบที่กว้าง (ขึ้น-ลงวงกว้าง) แต่จะกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาโดยรวม เนื่องจากสัดส่วนหลักของ GDP อเมริกานั้นมาจากการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งการบริโภคภายในประเทศนั้นมีสัดส่วนหลักมาจากการค้าปลีกด้วย

-ในคืนนี้จะมีรายงานตัวเลข Beige book ซึ่งตลาดจับตามองการขยายตัวของเศรษฐกิจอเมริกาหรือไม่ และ จะส่งผลให้มีการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นปีหน้าหรือไม่ หลังจาก ตัวเลขค้าปลีกออกมาน้อย ทั้งนี้ Beige book อาจจะเป็นข้อมูลที่ยังไม่เป็นปัจจุบันมากนัก

- IMF ประเมินสถานการณ์ในกรีซว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 30 ปีในการชำระหนี้ IMF จนหมด และ อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่ประเทศจะกลับมาแข็งแกร่งอีกรอบ ส่วนแผนปฎิรูปที่จะส่งให้รัฐสภาพิจารณานั้นกำหนดไว้วันที่ 15 ก.ค. ซึ่งคือวันนี้ ว่าจะมีความคืบหน้าตรงรัฐสภาอย่างไร เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแผนปฎิรูป รวมถึงพรรคฝ่ายค้านก็เห็นด้วย เนื่องจาก ยังอยากให้กรีซอยู่ในยูโรโซนต่อไป ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยนั้นคือประชาชนที่ทนมาตรการรัดเข็มขัดอันเข้มงวดมาเป็นระยะเวลา 5 ปีแล้ว

- ตัวเลข GDP ของจีนออกมาเท่ากับเดือนก่อนหน้า 7% ขณะที่คาดการณ์ 6.9% หลายคนคาดว่าตัวเลขการขยายตัวของจีนจะชะลอตัวลง แต่ตัวเลขก็ไม่เท่าไรนัก ยังคงทรงตัวที่ระดับใกล้เดิม แต่ตลาดหุ้นก็ไม่รับข่าวเท่าไร ยังคงทรงตัวถึงปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพราะ การเติบโตไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

PPI 0.2% 0.5%
Core PPI 0.1% 0.1%
Empire state manufacturing index 3.4 -2.0

1.00 USD

Beige book

เเนวรับ 1152 1150 1147 เเนวต้าน 1157 1160 1165

จากการเคลื่อนไหวมื่อวาน ราคาตกใกล้แนวรับ 1150 +- และรีบาวน์ขึ้นมา วันนี้มองการปรับตัวลดลงไปใกล้แนวรับนี้อีกรอบหนึ่ง ภาพรวมยังโดนกดดันจากแนวโน้มขาลงอยู่ ในขณะที่หากวันนี้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 1160 มองว่า เป็นจุดเปลี่ยนระยะสั้นและราคาอาจจะเริ่มขึ้นระยะสั้นได้อีกครั้ง ข่าวต่างๆยังพบว่า เป็นลบกับทองคำพอสมควร ไม่ค่อยมีข่าวบวก กรีซเจรจากับเจ้าหนี้ได้แล้ว ฝั่งอเมริกากำลังจะขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง และ Supply น้ำมันดิบที่ออกมามากขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ มีเพียงเรื่องของกองทุน SPDR ที่ซื้อสถานะเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้เป็นข่าวบวกเดียวที่อยู่ในตลาด

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1116 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิในฟิวเจอร์ต่ออีก 6920 สัญญา ค่อนข้างมาก เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยจากการคลี่คลายความกังวลถึงสถานการณ์ในกรีซ และ เมื่อวานนี้ฝั่งตลาดหุ้นอเมริกาและยุโรปได้ปรับตัวขึ้นแรง คาดว่าจะส่งผลต่อมุมมองของหุ้นไทยให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เริ่มรีบาวน์ช่วงนี้สำหรับตลาดหุ้นไทย ค่าเงินบาทแนวโน้มอ่อนค่าแตะระดับ 34 แล้ว และยังดูว่า แนวโน้มน่าจะแกว่งตัวบริเวณนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง

ทางเลือกหลัก : ยังมองราคาไหลลงมาต่อเนื่อง ไปยังระดับใกล้แนวรับ 1150 อีกครั้งหนึ่ง 

ทางเลือกรอง : ราคาปรับตัวขึ้นและผ่านระดับ 1160 ขึ้นไปมองว่า จะทำให้ขาลงที่เคยได้เปรียบเสียไป และจะเริ่มขึ้นระยะสั้น

รายละเอียด

- สถานการณ์กรีซคลี่คลายเรียบร้อย เมื่อวานนี้หลังจากเจรจาต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงวันหยุด นายกรัฐมนตรีกรีซ นาย ซิปราส ได้ตกลงแผนปฎิรูปกับเจ้าหนี้ IMF ได้แล้ว รายละเอียดนั้นจะยังคงใช้   มาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มข้นขึ้น ขึ้นภาษี ลดวงเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญและ กรีซอาจต้องเสียอำนาจในการบริหารบางส่วนให้แก่เจ้าหนี้ เช่น ธนาคารที่เพิ่มทุนโดยรับเงินช่วยเหลือ จะนำไปเข้ากองทุน Trust fund ของทางฝั่งเจ้าหนี้ซึ่งทางรัฐบาลกรีซไม่มีสิทธิ์ยุ่ง เพื่อเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ การรับเงินช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นการรับเงินช่วยเหลือรอบที่ 3 ของกรีซ ทั้งนี้หลังจากขอรับความช่วยเหลือแล้ว กรีซยังต้องผ่านแผนปฎิรูปให้กับรัฐสภาว่าจะยอมหรือไม่ หากรัฐสภาไม่ผ่าน ก็จะทำสร้างความกังวลขึ้นมาอีก และ กระแสต่อต้านของคนในประเทศเริ่มรุนแรงมากขึ้นหลังจาก นายกกรีซ นาย ซิปราส ได้ชูนโยบายไม่รัดเข็มขัดในช่วงหาเสียงและได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคนในประเทศได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการรัดเข็มขัดมาแล้ว 5 ปี 

- หลังจากมีข่าวเรื่องกรีซออกมา ทองคำปรับตัวลดลงทันทีร่วม 5$ และก็ค่อยๆไหลลง แต่มองว่า ทองคำจะได้รับผลกระทบจากข่าวเรื่องกรีซน้อย เพราะ ตอนที่กังวลกันก็ขึ้นไปค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ยังโดนซ้ำเพิ่มอีกจากเรื่องของ การขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกาในปีนี้ หลังจากในวันศุกร์ประธาน FED นาง เจเนต เยลเลน ได้ออกมากล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปได้ในปีนี้ ทองคำเลยโดนกดดันจากตัวนี้ ทั้งนี้เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปและอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงจากการคลายความกังวลดังกล่าว

- กองทุน SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำ 0.2% สู่ระดับ 709.07 ตันเมื่อวานนี้

- สถานการณ์การเจรจาเรื่องการคว่ำบาตรโครงการนิวเคีลยร์ระหว่างอิหร่านและกลุ่ม UN เริ่มออกมาดูดีขึ้น และ มีแนวโน้มว่า จะยกเลิกการคว่ำบาตรได้ หากยกเลิกการคว่ำบาตรจะทำให้อิหร่านกัลบมาใช้กำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับปกติอีกครั้งและจะทำให้ Supply ของน้ำมันดิบออกมาเพิ่ม ในขณะที่ ซาอุดิอาระเบียออกมาเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียอยู่ในระดับสูงสุดเนื่องจากคาดว่าในปีหน้าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

- ตัวเลขการส่งออกของจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 4 เดือนที่ 2.1% 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Retail sales 0.2% 1.2%
Core Retail sales 0.7% 1.0%

แนวทางทองคำวันที่ 13-7-58

เเนวรับ 1158 1154 1150 เเนวต้าน 1165 1170 1175

แท่งเทียนที่เกิดเป็นลักษณะ แท่งเทียนตัวเล็ก บรรจุอยู่ใน แท่งแม่ (Mother bar) ซึ่งแท่งแม่เป็นลักษณะของการปรับตัวแรง การขึ้นช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ไม่สามารถปรับตัวสูงกว่า High ของแท่งแม่ เป็นลักษณะของแท่งเทียนปรับตัวลดลงต่อ รอการปรับตัวลดลงในวันนี้มายืนยันรูปแบบนี้ และ มักจะลงไปใกล้ Low เดิมที่บริเวณ 1150 อีกครั้งหนึ่ง ในวันนี้จึงให้ระมัดระวังและเริ่มให้มุมมองทางฝั่งลงมากขึ้น หลังจากเกิด Inside bar แบบนี้ โอกาสเกิดรูปแบบนี้มองว่ามีสูง ในขณะที่หากไม่เป็นไปตามรูปแบบนี้และราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1170 จะมองว่า รูปแบบนี้เสียความได้เปรียบไป ข่าวต่างๆยังคงเป็นลบกับทองคำ เช่น การขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3900ล้านบาท แต่หันกลับมา Long สุทธิในฟิวเจอร์ เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการจำนวน 5,368 สัญญา ทิศทางของตลาดหุ้นเริ่มรีบาวน์ออกมาได้ จากที่มองว่าค่อนข้างลบช่วงก่อนหน้า ตอนนี้เริ่มล้างภาพลบไป แต่ก็ยังไม่ได้มองบวก ยังมองการแกว่งตัวออกข้างไปอีกสักพัก แต่คาดว่าจะเพิ่มความผันผวนระหว่างวันมากขึ้น ตลาดกลับมาซื้อขายกันที่ระดับ PE ประมาณ 17 ประมาณค่าเฉลี่ย ยังไม่ถือว่าถูก ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าไปทดสอบ 34 อีกครั้ง

- เมื่อวันศุกร์มีการแถลงการณ์ของ นาง เจเน็ต เยลเลน ช่วงห้าทุ่มครึ่งตามเวลาบ้านเรา เนื้อหาไปในทางที่ว่า ดอกเบี้ยยังน่าจะขึ้นในปีนี้ (2015) ในอีก 5 เดือนที่เหลือในเดือนใดเดือนหนึ่ง แต่ยังแสดงความกังวลในเรื่องของตลาดแรงงานที่ยังฟื้นตัวไม่ดีเท่าไร และ ความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลก จากปัญหากรีซ และความผันผวนของตลาดหุ้นจีน ซึ่งก็มีนักวิเคราะห์คาดการณ์กันต่อว่า น่าจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้แน่นอนแต่ยังไม่แน่ใจว่าเดือนไหน ทั้งนี้ IMF ได้ออกมาเตือนว่า อยากให้เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปแทนปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ผิดจังหวะ (misstep) อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งโทน Hawkish หรือสายเหยี่ยวที่ออกมานั้นเป็นตัวกดดันราคาทองคำช่วงที่ผ่านมา และ ส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้นได้ไม่แรง

- ความต้องการทองคำแท่งในจีนและอินเดียลดลง เนื่องจากนักลงทุนในจีนเริ่มกลับมาเก็งกำไรในหุ้นแทนหลังจากตลาดหุ้นจีนตกลงมาแรงและเริ่มรีบาวน์ ส่วนทางอินเดียแรงซื้อในช่วงที่ผ่านมาเริ่มน้อยลง

- สถานการณ์ในกรีซล่าสุด ได้มีการเจรจาในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในช่วงแรกเยอรมันและฝรั่งเศส ยังคงมีท่าทีแข็งกร้าว และเปิดเผยว่า เตรียมที่ร่างแผนแล้วหากกรีซออกจากยูโรโซน แต่ช่วงหลังก็ได้มีการเจรจากันอีกรอบ ประเด็นเป็นเรื่องของ การลดวงเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญ การขึ้นภาษีต่างๆ ซึ่ง นาย ซิปราสเคยส่งไปช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้การเจรจายังคงมีอย่างต่อเนื่อง และ ท่าทีเริ่มบรรเทาลงดูเริ่มเจรจากันรู้เรื่องมากขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันเงินสดของกรีซกำลังจะหมดธนาคารหากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในเร็วๆนี้ ถึงแม้ช่วงนี้จะมี Capital control แต่เงินก็ยังไหลออกจำนวนมาก ยังคงต้องติดตามกันต่อไป ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฝั่งเยอรมัน เริ่มรับข่าวทางบวกมากขึ้น การปรับตัวลดลงเป็นไปเพียงเล็กน้อยในขณะที่วันศุกร์ปรับตัวขึ้นแรง ตลาดเริ่มมองไปในทางบวกมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ของกรีซ และไม่เป็นผลดีกับราคาทองคำ

- ตลาดพันธบัตรเจอแรงขายอีกแล้วในช่วงที่ผ่านมา หลังจากคลายกังวลลงเกี่ยวกับสถานการณ์ของกรีซ และ แนวโน้มโทนขึ้นดอกเบี้ยของประธาน FED ทำให้ผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทองคำและพันธบัตรเป็น Asset class ป้องกันความเสี่ยงเหมือนกัน ทองคำจึงได้รับปัจจัยลบ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

ALL EUR

Eurogroup meeting

แนวทางทองคำวันที่ 10-7-58

เเนวรับ 1154 1150 1147 เเนวต้าน 1164 1170 1175

เมื่อวานราคาขึ้นไปทดสอบเส้นแนวโน้มขาลง Trendline ที่กดราคาไว้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน ราคาพยายามไปทดสอบหลายครั้งยังไม่สามารถผ่านไปได้ และเมื่อวานนี้ได้ขึ้นไปทดสอบอีกครั้ง (ปัจจุบัน 1167)ก็ยังผ่านไปไม่ได้เช่นเดิม วันนี้มองการปรับตัวขึ้นไปทดสอบอีกรอบหนึ่ง หากผ่านไปได้จะทำให้ราคาหลุดแนวโน้มขาลงระยะสั้นมาได้ หากหลุดไม่ได้ ก็มองราคาจะลงไปแกว่งในกรอบด้านล่างใหม่ และอาจจะสร้าง New-low ตามรูปแบบของ Lower-low ทั้งนี้แนวรับระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1154 การหลุดระดับนี้มาจะทำให้เริ่มกลับมาลงอีกครั้ง ข่าวกรีซดูดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงตลาดหุ้นจีนก็เริ่มปรับตัวรีบาวน์ขึ้นไปแล้วในระยะสั้น

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 3710 ล้านบาท และยังคง Short สุทธิในตลาดฟิวเจอร์อีก 2865 สัญญา เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นปิดบวกสดใส และวันนี้คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่เปิดเขียว ปิดเขียวในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ในทางเทคนิคตลาดหุ้นไทยยังได้รับอิทธิพลจากแนวโน้มขาลงอยู่ ต้องมาดูว่าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่สำหรับทิศทางค่าเงินบาทยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ระดับปัจจุบันที่แข็งค่าลงมาคาดว่าจะเป็นการปรับฐานในระยะสั้นก่อนที่จะไปแตะระดับ 34 อีกครั้ง

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไปทดสอบ 1167 อีกครั้งหนึ่ง และลุ้นให้หลุดเพื่อที่จะหลุดออกจากเส้นแนวโน้มขาลง 

ทางเลือกรอง : ราคาไม่ยอมหลุดและปรับตัวลดลงเกินกว่า 1154 มองลงมาด้านล่าง

รายละเอียด

- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ออกมาที่ระดับ 297K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 282K และคาดการณ์ 274K นับเป็นการปรับตัวเพิ่มเข้าใกล้ระดับ 300K เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ หลังจากช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มของคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ระดับสูงสุดในช่วงเกิดวิกฤติอยู่ที่ประมาณ 650K จะเห็นว่า คนขอรับสวัสดิการปรับตัวลดลงมาร่วม 54% นับจากจุดสูงสุดและแนวโน้มโดยรวมก็ยังอยู่ระดับต่ำต่อไป การปรับตัวขึ้นสัปดาห์นี้มองว่า เป็นความผันผวนระยะสั้นเฉยๆ

- IMF ปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลง เหลือ 3.3% ในปีนี้ ลดลงจากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ 3.5 % แต่ในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตที่ 3.8% เช่นเดิมถึงแม้จะมีเรื่องวิกฤติกรีซเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยการปรับลดประมาณการณ์หลักๆมาจากเศรษฐกิจอเมริกาที่ชะลอตัวลงในช่วงต้นปี และอยากให้การขึ้นดอกเบี้ยเลื่อนไปในช่วงปีหน้า อยากรอให้ค่าจ้างและเงินเฟ้อสูงกว่าระดับปัจจุบัน นอกจากนี้ยังคงเป้าการเติบโตของจีนไว้ที่ระดับเดิม ส่วนสถานการณ์ในกรีซหากคลี่คลายได้ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั้งจีนและอเมริกา

- เมื่อวานนี้กรีซได้ขอรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นวงเงินระยะ 3 ปี จำนวน 5.35 หมื่นล้านยูโร ขณะที่ IMF ประเมินรอบก่อนหน้าว่ากรีซต้องการความช่วยเหลือวงเงินประมาณ 6 หมื่นล้านยูโร โดยเป็นการเสนอแผนปฎิรูปที่เจ้าหนี้เคยเสนอไว้เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นกรีซไม่ยอมรับ แต่ปัจจุบันกรีซได้เสนอแผนนี้ให้กับเจ้าหนี้ใหม่อีกครั้ง และแนวโน้มดูดีขึ้น จะมีการนำเข้าประชุมจนถึงวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ รวมถึง เมื่อแผนผ่านแล้วต้องนำไปเสนอให้กับรัฐสภาของกรีซเพื่อนำแผนไปใช้ต่อไป โดยแผนปฎิรูปที่กรีซเสนอนั้นจะเป็นเรื่องของการตั้งงบประมาณเกินดุลไว้ที่ 1% 2% 3% และ 3.5% ตามลำดับจำนวน 4 ปี และ เพิ่มอายุเกษียณ รวมถึง ลดวงเงินที่สนับสนุนเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ส่วนประธาน ECB ยังคงวงเงินช่วยเหลือไว้ที่เดิม และมองว่ายังเป็นการยากที่จะช่วยเหลือกรีซ

- หลังจากตลาดหุ้นจีนตกลงมาร่วมเกือบ 30% ในสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการจีนได้ตรวจสอบ Transaction ในการทำ Short sell ว่ามาจากไหน และเตรียมขอความร่วมมือไม่ให้ทำ Short sell นักลงทุนหลายคนเริ่มติดตามสถานการณ์ในตลาดหุ้นจีนแล้วดูว่า ทองคำได้รับผลกระทบจากตัวนี้ขนาดไหน

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

23.30 USD

FED Chair yellen speaks

แนวทางทองคำวันที่ 9-7-58

เเนวรับ 1154 1150 1147 เเนวต้าน 1164 1170 1175

ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อวานนี้ ถึงแม้ข่าวตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาค่อนข้างน้อย หรือแทบไม่มีเลย ระยะสั้นนี้มองการปรับตัวขึ้นไปบริเวณใกล้ 1164 อีกครั้งหนึ่งและลุ้นให้มีการทำ New-high เพื่อที่ราคาจะมีการทำ Higher high และสร้างเป็น Uptrend ในระยะสั้นขึ้นมา ในทางกลับกัน หากราคาสร้าง New-high ไม่ได้ หรือ ปรับตัวลดลงเกินกว่า 1154 มองว่า จะเริ่มปรับตัวลดลงไปอีกครั้งโดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ low เดิมที่ 1147 ประเด็นที่ติดตามกันคือ เรื่องกรีซที่ลุ้นจะออกจากยูโรโซนหรือไม่ อีกประเด็นหนึ่งคือ การ Panic ของตลาดหุ้นจีนที่ออกอาการรุนแรงมาเมื่อวานนี้ ซึ่งตัวนี้จะส่งผลต่อ Flow ที่ไหลไปไหลมาระหว่างตลาด และตลาดทองคำด้วย

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงเมื่อวานนี้ (ตามตลาดหุ้นจีนไป) ซึ่งลักษณะแบบนี้ยังค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับทิศทางของตลาดในระยะถัดไป ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2323 ล้านบาท และยังคง Short สุทธิในฟิวเจอร์ 3243 สัญญา กดดันตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน ค่าเงินบาทหลังจากไปทดสอบระดับ 34 และแข็งค่าลงมาเล็กน้อยนั้นมองว่า แนวโน้มของค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางของการอ่อนค่า และจะอ่อนค่าไปอีกสักพักหนึ่งถึงแม้จะมีการพักแข็งค่าในระยะสั้นนี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวขึ้นไปเล็กน้อยใกล้ระดับ 1164 และลุ้นการทำ new-high ให้ได้ จะสร้าง Uptrend ระยะสั้นขึ้นมา

ทางเลือกรอง : ราคาขึ้นไปแล้วไม่สามารถทำ New-high ได้ หรือหลุดแนวรับ 1154 ลงมามองว่าจะปรับตัวลดลงต่อ

รายละเอียด

- ผลการประชุม FOMC (meeting minutes) เมื่อคืนนี้ กรรมการ FED หลายท่านเห็นไปในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจอเมริกาแข็งแกร่งพอที่จะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้ มีเพียงหนึ่งท่านที่เห็นต่างมองว่า อยากให้ขึ้นปีหน้า ปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคงเป็นเรื่องของกรีซและจีน และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น รวมถึง การบริโภคในประเทศที่ยังไม่โดดเด่น ทั้งนี้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะการจ้างงานเต็มที่ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% การขึ้นดอกเบี้ยนักวิเคราะห์มองว่าต้องดูหลังจากช่วงกันยายนไปแล้ว

- สถานการณ์ในกรีซมีความเสี่ยงที่จะออกจากยูโรโซนเพิ่มขึ้น หลังจากเจ้าหนี้กำหนดเส้นตายไว้ให้วันอาทิตย์ที่จะถึง หากกรีซไม่สามรถส่งแผนปฎิรูป (ที่กรีซยังพยายามส่งแผนใหม่อยู่ โดยอาจจะมีเนื้อหาคล้ายของเดิมบ้าง) ให้ผ่านก่อนวันอาทิตย์นั่นจะหมายถึง กรีซน่าจะต้องออกจากยูโรโซนไปและกลับไปใช้สกุลเงินดรักม่า เหมือนเดิม ทางฝั่งเยอรมันยังมองว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง Haircut หนี้ให้ ทั้งนี้ รมว คลังจะส่งแผนปฎิรูปชุดใหม่ในวันนี้อีก ฝั่ง ECB ก็ยังคงให้การช่วยเหลือเช่นเดิม แต่การช่วยเหลือเริ่มลดลงกลายเป็นการรับประกันเงินกู้แทนหลังจากกรีซมีความเสี่ยงที่จะออกจากยูโรโซนมากขึ้น

-ตลาดหลักทรัพย์อเมริกา (NYSE) หยุดทำการหลังจากเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคในระบบคอมพิวเตอร์ขึ้น (เหตุผลที่ว่าข้อมูลที่ผิดพลาด) เป็นผลทำให้เกิดการหยุดทำการระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายขึ้น (Halt) ทั้งนี้หยุดทำการทั้งตลาดหุ้น และ ตลาดฟิวเจอร์ รวมถึง สินค้าโภคภัณฑ์ด้วย สร้างความปั่นป่วนให้แก่อเมริกาพอสมควรเมื่อวานนี้ 

- อีกเรื่องหนึ่งที่ตลาดกำลังติดตามกันคือ เรื่องของตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลดลงในลักษณะ Panic เมื่อวานนี้ เมื่อนับจากระดับสามสัปดาห์ก่อนก็ปรับตัวลดลงมาเกือบ 30% แล้ว เมื่อวานนี้วันเดียวปรับตัวลดลง 6% จนทำให้มีการออกมาตรการเพิ่มเติม ห้ามผู้ถือหุ้นเกินกว่า 5% ขายหุ้นออกมา รวมถึงผู้บริหารระดับสูงด้วย ทั้งนี้ตลาด Panic เมื่อวานนี้เกิดจากการควบคุมวงเงินบัญชีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น และการ Crash ของตลาดจีนแบบนี้ส่งผลกระทบต่อการโยกเงินจากตลาดอื่นด้วย ทองคำได้รับปัจจัยลบจากการทำ Cover-loss ที่ขาดทุนในตลาดหุ้น

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD

Unemployment claims 274K 281K

แนวทางทองคำวันที่ 8-7-58

เเนวรับ 1150 1147 1140 เเนวต้าน 1165 1170 1175

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลง ค่อนข้างมาก ถึงแม้จะไม่มีข่าวอะไรนัก (มีข่าวเดียวคือ ดุลการค้าของอเมริกา ) และทิศทางเป็นไปเหมือนกับตลาดอื่นๆ ซึ่งการเคลื่อนไหวในช่วงนี้มองว่า ไม่ปกติ ความผันผวนจะเกิดหนักขึ้น ส่วนหนึ่งที่ไม่ปกติ เพราะ กรณีของกรีซทำให้คนสับสนค่อนข้างมากว่าจะออกมาเช่นไร ประกอบกับทองคำอยู่ในแนวโน้มขาลงมาสักพักหนึ่ง ทำให้ไม่มีแรงซื้อทาง Technical มาประกอบเหมือนวิกฤติกรีซในรอบก่อน ระยะสั้นมองการปรับตัวทรงตัวถึงปรับตัวขึ้นเล็กน้อยไปยังระดับใกล้ 1160 หากยังยืนไม่อยู่ จะมองการปรับตัวลดลงต่อลงมาที่เดิมบริเวณนี้อีกรอบหนึ่ง

ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเล็กน้อยเป็นวันแรก แต่ยังคง Short สุทธิในฟิวเจอร์อีกเล็กน้อยเช่นกัน ราคาปิดเมื่อวานทำให้ Basis ของฟิวเจอร์และสปอตห่างกันค่อนข้างมาก ระดับร่วม 17 จุด และถึงแม้เมื่อวานนี้จะรีบาวน์ขึ้นมา แต่ยังมองว่าใช้ความระมัดระวังหน่อยเพราะ รีบาวน์ไม่ถึงระดับแนวต้าน รวมถึง Sentiment ของหุ้นโลกที่ดูไม่ดีนัก ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 34 ไปเรียบร้อยเมื่อวานนี้ และ ยังอยู่ในโซนของการอ่อนค่าต่อไปสำหรับค่าเงินบาท

ทางเลือกหลัก : ราคาปรับตัวลดลงพอสมควรเมื่อวานนี้ และหลุดจากกรอบได้ มองว่า ระยะสั้นมองการสร้างฐานบริเวณนี้ถึงรีบาวน์ขึ้นไปใกล้ 1160 อีกรอบหนึ่ง

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- วันนี้จะมีประกาศผลการประชุม FOMC ในช่วงตี 1 แต่ครั้งนี้เป็นการประชุมในรอบย่อย ยังไม่ใช่ของจริง ซึ่งของจริงนั้นจะมาช่วงกลางเดือน ซึ่งเดือนนี้มองว่า ยังไม่มีนัยสำคัญกับราคาทองคำเท่าไร แต่มีประเด็นในหลายเรื่องมากช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น กระแสเดิมเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ไปจนถึง วิกฤติกรีซที่กรีซเกิดการผิดนัดชำระหนี้ รวมไปจนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งต้องมาดูกันว่าท่าทีของ FED ต่อการขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร จะมีการชะลอการขึ้นไปก่อนหรือไม่

- สถานการณ์ของกรีซล่าสุดยังคงมีปัญหา หลังจากกรีซยื่นแผนปฎิรูปฉบับใหม่ให้แก่เจ้าหนี้ แต่แผนที่ยื่นไปนั้น กลับเป็นแผนที่คล้ายเดิม จึงต้องมาดูทีท่าของเจ้าหนี้ว่าจะเอาอย่างไร ฝั่งเยอรมันก็ออกมายืนยันว่า กรีซจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าหนี้ได้หากกรีซปฎิบัติตามและเสนอแนวทางแก้ไขของตน พร้อมกับกำหนดเส้นตายภายในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ว่าหากกรีซไม่ส่งแผนปฎิรูปและได้รับเงินช่วยเหลือ กรีซจะต้องถูกขับออกจากยูโรโซนไป ซึ่งประธาน EU จะมีการประชุมวันนี้เพิ่มเติมอีก ประเมินว่า หากกรีซต้องออกจากยูโรโซนจริง จะมีการนำเงินดรักม่ามาใช้ และจะเป็นลักษณะของสัญญา IOU (I Owe you) และอาจจะเกิดเงินเฟ้อยอย่างรุนแรวจากเงินอ่อนค่า ผลเสียส่วนใหญ่ตรงอยู่ที่กรีซเองหากออกจากยูโรโซน

- ดุลการค้าของอเมริกาออกมาที่ระดับขาดดุล 4.19 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย ขณะที่น้อยกว่าคาดการณ์ ตัวนี้เป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำแต่เป็นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากไม่ได้มีนัยสำคัญกับราคา เป็นเพียงการบอกตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมเท่านั้น ดุลการค้าที่ลดลงในช่วงก่อนนั้นเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงต้นปี แต่ยังถูกกดดันจากการส่งออกที่น้อยลงจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า

- จีนออกมาตรการควบคุมวงเงินการใช้บัญชี Margin เพิ่มเติม ทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงต่อเนื่องลงอีก 6% ในช่วงเช้าวันนี้ และทำให้ดัชนีจีน (ในที่นี้จะใช้ H-share) ปรับตัวลดลงมาสู่ระดับ Major uptrend ในวันนี้ที่ประมาณ 11150 จุด ลุ้นการรีบาวน์หากไม่รีบาวน์และหลุด Major uptrend จะสร้างความลำบากพอสมควร ทั้งนี้ H-share ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุด 26%

- Physical ทองแท่งยังถูกกดดันอย่างหนักจากความต้องการทองคำของจีนที่ปรับตัวลดลง

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1.00 USD FOMC meeting minutes

แนวทางทองคำวันที่ 7-7-58

เเนวรับ 1168 1163 1160 เเนวต้าน 1170 1173 1178

กรอบราคาแนวรับ-แนวต้าน ยังใกล้เคียงบริเวณเดิม เนื่องจาก ราคาทองคำยังคงวนไปวนมาในกรอบแคบๆ ไม่มีความผันผวนมากนัก เมื่อเทียบกับตลาดอื่น วันนี้มองเริ่มย่อกลับลงมาบริเวณ 1158-1160 บริเวณนั้นอีกรอบ ข่าวที่สำคัญยังไม่มี สถานการณ์ในกรีซยังต้องอาศัยเวลาในการเจรจาเพิ่มเติม ต่างฝ่ายทั้งเจ้าหนี้ (IMF,EU,ECB)และลูกหนี้ (กรีซ) ยังคงเจรจากันไม่ได้ และจะส่งแผนปฎิรูปอีกในวันที่ 7 ก.ค. นี้ ทางฝั่ง ECB ยังคงวงเงินกองทุนสำรองฉุกเฉิน (ELA) ไว้ที่ระดับเดิม ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่สำคัญเพราะ หาก ECB ลดวงเงินสำรองฉุกเฉินเมื่อไรมองว่า จะทำให้กรีซจะเจอปัญหาขาดสภาพคล่องแน่นอน วันนี้ติดตามดุลการค้าอเมริกา ความสำคัญค่อนข้างน้อย

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 1419 ล้านบาทเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และยังคง Short สุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 4913 สัญญา เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ทิศทางของ SET มองว่าไม่ดีแล้ว หลุดแนวรับสำคัญมาหลายแนว และยังมองการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ถ้ามองจากทางเทคนิคล้วนๆนั้นดูไม่ดี หากมองพื้นฐานเรื่องการเติบโตยิ่งไม่ดี เพราะ การชะลอตัวลงของภาคการส่งออก และ ภัยแล้ง กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ค่าเงินบาททิศทางอ่อนค่าลงต่อ แนวต้าน 33.90-34.00

ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวลดลงมาอีกครั้งถึงบริเวณ 1158-1160 ยังมองลงมาเล็กน้อย ภาพรวมยังคงมองการแกว่งตัววนไปวนมาทิศทางไม่ชัดเจน

ทางเลือกรอง : 

รายละเอียด

- ราคาทองคำยังมีพฤติกรรมแกว่งตัวในกรอบระยะสั้นนี้ เนื่องจาก ยังไม่มีข่าวตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึง สถานการณ์ของกรีซที่ยังดูแล้วไม่ดี แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีคลัง นาย ยาโควิช ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการเปิดทางให้เจรจากันมากขึ้น ทางฝั่งนายกรัฐมนตรีเยอรมัน นาง แมคเคล สนับสนุนให้กรีซส่งแผนปฎิรูปฉบับใหม่ต่อผู้นำอียูในวันที่ 7 ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้หากยังมีความไม่สมเหตุสมผลก็จะยังไม่ให้ผ่าน รวมถึง IMF ก็ออกมายืนยันว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังจากประชาชนมีการโหวต NO ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางฝั่งของ ECB ยังคงวงเงินกองทุนช่วยเหลือสภาพคล่องฉุกเฉินให้แก่ธนาคารกรีซที่วงเงินเท่าเดิม แต่จะทำการพิจารณาปรับลดสัดส่วนของพันธบัตรที่กรีซนำมาค้ำประกัน (Hair-cut) เบื้องต้นประเมินไว้ที่ 10% ทั้งนี้ฝั่งรัสเซียได้ออกมากล่าวว่า พร้อมจะช่วยเหลือกรีซ แต่จะไม่ช่วยเหลือเป็นตัวเงินจะช่วยเหลือผ่านการลงทุนทางตรง ประเภท ท่าเรือ สนามบิน หรือ พลังงาน ซึ่งเมื่อกล่าวมาเช่นนี้ ก็ยังไม่อาจหวังถึงตัวเงินช่วยเหลือจากรัสเซียได้

- นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ทองคำถึงแม้จะได้รับปัจจัยบวกจากตัวกรีซนี้ แต่ความกังวลถึงวิกฤติหนี้ยุโรปรอบนี้ไม่เหมือนรอบที่แล้ว เพราะ รอบที่แล้ว (ปี 2012) ราคาทองคำมีพฤติกรรมราคาที่ยังอยู่ใน Uptrend จึงได้เห็นแรงส่งทาง Technical เพิ่มด้วย แต่ปัจจุบันทองคำไม่ได้อยู่ใน Uptrend แล้ว จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไปค่อนข้างจำกัด

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแรงเมื่อวานนี้ร่วม 8% หลังจากความกังวลเรื่อง Supply ที่สำคัญคือ การเจรจายกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลทำให้ Supply ออกมาล้นตลาดมากขึ้น ทางฝั่ง Demand หลังจาก กรีซโหวต NO ทำให้คาดการณ์ต่อไปว่า เศรษฐกิจจะชะลอลง รวมถึง จีนที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงทำให้ คาดการณ์ Demand ของน้ำมันดิบลดลง และเป็นผลทำให้ราคาปรับตัวลงแรงช่วงที่ผ่านมา

- ข้อมูลเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า Hedge fund ปรับลดสถานะ Long ในทองคำลงในสัปดาห์ก่อนหน้าและ ปรับลดลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนกรีซจะลงประชามติ และ กรีซไม่ได้ชำระหนี้

- ตัวเลข PMI ภาคบริการของอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 56 จุดจากเดือนก่อนหน้า 55.7 จุด

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Trade balance -2.6B -3.0B