ประชาสัมพันธ์

แนวทางทองคำวันที่ 5-8-58

เเนวรับ 1084 1080 1077 เเนวต้าน 1087 1090 1095

ราคาทองคำยังปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบสั้นๆ ไม่มีทางที่มีนัยสำคัญ เป็นลักษณะของการแกว่งในกรอบสามเหลี่ยม จุดตัดขาดทุนระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1077-1080 ในวันนี้มองขึ้นไปทดสอบ 1090 เป็นแนวต้านแรก ลุ้นให้ผ่านไปได้เพื่อไปทดสอบ 1100 ราคาแกว่งตัวอยู่บริเวณนี้มาสักพักหนึ่ง หลังจากตกลงมาในวันจันทร์สองสัปดาห์ก่อนก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนระดับที่เหนือกว่า 1110 ได้อีกเลย ภาพรวมยังมีทิศทางที่ดูไม่ดี ส่วนทางฝั่งปัจจัยพื้นฐานยังมองว่า ภาพต่างๆค่อนข้างเป็นลบกับทองคำ การขึ้นดอกเบี้ยที่จะมาถึงในปีหน้า จะคอยเป็นตัวกดดันราคาในช่วงนี้ วันนี้ติดตามข่าวตัวเลข ADP คาดว่าจะเป็นบวกกับทองคำเล็กน้อย

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1058 ล้านบาท แต่เริ่มหันกลับมา Long สุทธิ 5414 ล้านบาท เป็นการ Long วันแรกในรอบ 3 วันทำการ ทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังมองว่าอยู่ในช่วงของการรีบาวน์ ถึงแม้จะยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา พบว่า เป็นการรีบาวน์ทางเทคนิคเท่านั้น วันนี้จะมีผลการประชุม กนง บ้านเรา คาดว่าช่วงประมาณ 14.00-14.30 ในบริเวณนั้นน่าจะรู้ผลการประชุมว่าจะลดดอกเบี้ยหรือไม่ หลายคนคาดว่า กนง. จะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ หากไม่ลดเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนกลับลงไป 34.80

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไปทดสอบ 1090-1092 และลุ้นให้ผ่านไปได้ ถึงจะมีแนวโน้มชัดเจนขึ้น 

ทางเลือกรอง : ราคาไม่ขึ้นและหลุด 1080 ลงมา ให้น้ำหนักทางฝั่งลงมากกว่า

รายละเอียด

- ประธาน FED สาขา Lockhart ส่งสัญญาณว่าพร้อมจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน กันยายน ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆจะยังไม่เข้าเกฯฑ์และบางตัวยังชะลอตัว แต่คาดว่าทิศทางดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงที่จะขึ้นในเดือนหน้าตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์กัน ทั้งนี้ทองคำยังได้รับแรงกดดันจากข่าวดังกล่าว เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่จ่ายดอกเบี้ยทำให้ความน่าสนใจลดลง หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

- ในวันนี้จะมีการประกาศตัวเลข ADP non-farm employment change ที่เป็นการสำรวจตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของเอกชนคาดว่าจะออกมาน้อยลงจากเดือนก่อนหน้า จากคาดการณ์มองเป็นบวกกับราคาทองคำ ทั้งนี้ข่าวตัวเลข ADP นี้ในช่วงหลังมักจะปรับตัวขึ้น-ลงไม่แรง และมักจะวนไปวนมาอยู่บริเวณก่อนออกข่าว จึงต้องติดตามในเรื่องของความผันผวน

- ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% จากคาดการณ์ 1.7% และเดือนก่อนหน้าหดตัว –1.1% มีสาเหตุหลักมาจากการซื้อเครื่องบินรบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึง ผลผลิตชนิดอื่นๆก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกันในเดือนที่ผ่านมา บ่งบอกถึงทิศทางสัญญาณของภาคอุสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

- กองทุน SPDR ปรับลดสถานะการถือครองทองคำลงอีก 21.56 ล้านออนซ์ นับเป็นการลดสถานะการถือครองต่อเนื่องและอยู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ กันยายน 2008 ส่วนยอดขายทองคำของ Perth Mint ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนหลังจากราคาทองคำปรับตัวสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2010

- ความคืบหน้าของกรณีเงินหยวนที่จีนต้องการผลักดันเข้าไปสู่ตะกร้าเงิน SDR ของ IMF พบว่า กองทุน IMF ยังเลื่อนการพิจารณาการเข้าตะกร้าเงินของเงินหยวน เนื่องจาก เงินหยวนถึงแม้จะเป็นสกุลที่ผ่านเงื่อนไขในการเป็นสกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลหลักของการซื้อ-ขายระหว่างประเทศแล้ว แต่ไม่ผ่านในเรื่องของการเป็นสกุลเงินที่ใช้ได้อย่างเสรี (Freely usable) ซึ่งหากจีนแก้ไขข้อนี้ได้ คาดว่าหยวนจะมีบทบาทในตะกร้าเงิน SPR เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้อย่างน้อยต้องรอหลังจากปีหน้า (2016) กว่าจะมีการพิจารณากันใหม่อีก

- ตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการของจีน (Caixin) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 53.8 เป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่สิงหาคม 2014 และมากกว่าคาดการณ์ที่ 51.4 ทั้งนี้ตัวเลขนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญกับราคาทองคำเท่าไรนัก

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.15 USD 

ADP Non-farm employment change 216K 237K

แนวทางทองคำวันที่ 3-8-58

เเนวรับ 1092 1085 1080 เเนวต้าน 1098 1102 1111

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในลักษณะของการรีบาวน์ ซึ่งในภาพรวมระยะวันนั้นยังมองว่า ราคายังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แต่วันนี้จากพฤติกรรมที่ยังแกว่งค่อนไปทางขึ้นพบว่า ทางฝั่งขึ้นมีความได้เปรียบกว่า โดยมีแนวต้าน 1105 ขณะที่แนวรับระยะสั้นช่วงการแกว่งตัวจะอยู่ระดับ 1090 ซึ่งมองว่าหากหลุดตรงนี้ไป จะสูญเสียความได้เปรียบ ในส่วนของข่าว ยังพบว่า มีเพียงข่าวบวกเดียวคือ ตัวเลข Employment cost ที่ออกมาน้อยลง ในขณะที่ตลาดอื่นยังคงเป็นไปในทางลบ และให้น้ำหนักในฝั่งลงอยู่ จึงมองการขึ้นในรอบนี้คาดว่าจะยังไม่ไกล จึงแนะนำให้รอดักชายบริเวณด้านบนหากราคาขึ้นไปบริเวณ 1100-1105

ในวันศุกร์ตามที่บอกว่า ตลาดหุ้นไทย SET Index ยังขาดความแข็งแกร่งของการรีบาวน์และอยากเห็นแรงซื่อที่หนักๆเข้ามา วันศุกร์พบว่า ได้เห็นอาการนั้นแล้ว แท่งปิดเขียวแรง แต่ยังขาดวอลุ่มที่หนาๆ จึงมองว่า น้ำหนักทางฝั่งรีบาวน์เริ่มมากขึ้น และ ให้น้ำหนักในทางบวกระยะสั้น เป็นไปในทิศทางตลาดหุ้นโลกที่รีบาวน์กันมาเยอะ ต่างชาติเริ่มหันกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรก 2904 ล้านบาท แต่ยังคง Short สุทธิในฟิวเจอร์อีก ค่าเงินบาทมองการแข็งค่ากลับลงไปด้านล่างแนวรับ 34.80 และ 34.70

ทางเลือกหลัก : มองราคาแกว่งตัวตรงนี้สักพักในลักษณะ Sideways แต่ให้น้ำหนัทางฝั่งขึ้นหลังจากแกว่งตัวมากกว่าลง แนวต้าน 1105

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1090 ลงมามองว่าขาขึ้นเริ่มจะเสียเปรียบไป

รายละเอียด

- จากวันศุกร์มีตัวเลข Employment cost index ออกมาที่ระดับ 0.2% จากเดือนก่อนหน้า 0.7% และคาดการณ์ 0.6% ซึ่งตัวเลขที่ออกมานี้เป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ตัวนี้จะหมายถึง ค่าจ้างแรงงานที่นายจ้างไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือภาคธุรกิจจ่ายเงินค่าจ้างแรงงาน ซึ่งตัวเลขที่ออกมานี้ไม่ค่อยดีเท่าไร เลยทำให้ทองคำดีดขึ้นมา เมื่อมาเทียบกับวันก่อนหน้าที่มีการประกาศตัวเลข GDP ออกมา พบว่า GDP Deflator หรือเงินเฟ้อที่วัด GDP ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นักวิเคราะห์จึงมีมุมมองว่าอยากให้ตัวนี้เพิ่มตามจะได้ฟื้นตัวไปพร้อมๆกัน แต่ในวันศุกร์ตัวนี้กลับปรับตัวลดลงแทน 

- ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคแบบตรวจทานออกมาปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 93.1 จากเดือนก่อนหน้า 93.3 และคาดการณ์ 94.2 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์กัน เป็นปัจจัยบวกกับราคาที่เสริมเพิ่มเติมเข้ามาในช่วงวันศุกร์

- ถึงแม้ในวันศุกร์จะปรับตัวขึ้นแต่เราไม่ได้เห็นแรง Short-covering ที่มากนักเป็นการลดลงบางส่วน แต่สถานะ Short โดยรวมนั้นยังอยู่ระดับค่อนข้างสูง ทางฝั่ง John Paulson ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่คนนึงที่ลงทุนในตลาดทองคำและมีสัดส่วนการถือครองทองคำในกองทุน SPDR ค่อนข้างมากได้ออกมากล่าวว่า ทองคำในช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ราคาเหมาะสม ทั้งนี้สถานะการถือครองของ Paulson ยังอยู่ใกล้เคียงระดับเดิม

- ความต้องการเหรียญทองคำของอเมริกา (America Eagle gold ) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หลังจากราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงกระตุ้นความต้องการของคนอเมริกา ข้อมูลจาก U.S. Mint อีกฝั่งหนึ่งในเอเชียความต้องการทองคำแทบไม่เพิ่มขึ้นเพราะนักลงทุนในเอเชียส่วนใหญ่คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงไปอีกในอนาคต ทำให้แรงซื้อค่อนข้างทรงตัว และ พรีเมียมก็อยู่ในบริเวณนี้

- สัปดาห์นี้จะมีการประชุมธนาคารกลางในโซนเอเชียค่อนข้างมาก นักวิเคราะห์จากต่างประเทศมองว่า น่าติดตามว่าประเทศไหนจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินก่อน และคาดว่า ญี่ปุ่นและไทยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ซึ่งในไทยจะมีการประชุมในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยหรือไม่ ทั้งนี้คาดการณ์ว่า จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยหลังจาก ธปท ได้รายงานในวันศุกร์ถึงการฟื้นตัวในเดือนนี้ว่ามีมากขึ้น

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD

ISM Manufacturing PMI 53.6 53.5

แนวทางทองคำวันที่ 31-7-58

เเนวรับ 1080 1077 1075 เเนวต้าน 1092 1095 1100

จากการพยายามรีบาวน์ขึ้นไปเมื่อวานนี้ พบว่า ราคาขึ้นไปถึงโซนแนวต้าน 1093-1095 แต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้ และ กลับปรับตัวลดลงมาต่อ มองว่าเกิดเป็นรูปแบบ Pin bar บริเวณเส้นค่าเฉลี่ยตามที่วงกลมไว้ และนั้นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอ่อนแอของแนวโน้มฝั่งขึ้น ปกติการเกิด Pin bar ราคามักจะลงไปบริเวณ Low เดิม หรือสร้าง Low ใหม่ ซึ่งปัจจุบันคือระดับ 1077-1080 จึงให้น้ำหนักทางฝั่งลงก่อน จุดตัดขาดทุน 1092 ขณะที่คืนนี้ถึงแม้จะไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่เป็นศุกร์สุดท้ายของเดือน น่าติดตามว่าจะมีแรงประหลาดเข้ามาในตลาดหรือไม่ แรงประหลาดที่ว่านี้รวมไปถึง Short-covering ซึ่งไม่จำเป็นต้องมี แต่อาจจะมีก็ได้ 

วันนี้ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาเปิดทำการปกติอีกครั้ง เมื่อเช้าเปิดตลาดมารีบาวน์ขึ้นมา 9 จุด ยังพบว่า การรีบาวน์ในช่วงนี้นั้นยังไม่แรงพอที่จะลากเปลี่ยนแนวโน้มได้ ประกอบกับ ปัจจัยพื้นฐานที่ออกมายังดูไม่ดีเท่าไรนักสำหรับประเทศไทย และ ยังมีความกังวลเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะถึง จึงมองว่า ราคาน่าจะทรงตัวถึงปรับลงเล็กน้อยไปก่อน จนกว่าจะได้เห็นแรงซื้อเข้ามา ค่าเงินบาทอ่อนผ่านระดับ 35.00 และยังอยู่ในภาวะ Overbought มาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ยอมลงจากระดับนี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาลงไปทดสอบ 1077-1080 อีกรอบหนึ่ง

ทางเลือกรอง : จุดตัดขาดทุนจะอยู่บริเวณ 1092

รายละเอียด

- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 267K จากระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี ในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 255K ซึ่งทิศทางโดยรวมของคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ยังอยู่ในแนวโน้มที่ค่อยๆปรับตัวลดลงทิศทางเดียวกันกับที่ ประธาน FED นาง เยลเลนให้ความเห็นไว้ในที่ประชุมเมื่อวันพุธที่ว่า ตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งแล้ว ส่วนตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ล่วงหน้า (Advance GDP) ออกมาที่ระดับ 2.3% จากรอบก่อนหน้า –0.2% และคาดการณ์ 2.6% ไตรมาสที่ 2 นี้เศรษฐกิจอเมริกาเริ่มฟื้นตัวแล้ว หลังจากไตรมาสแรกชะลอตัวลงจากภาวะภัยหนาว และ การประท้วงบริเวณท่าเรือฝั่งตะวันตก

- ถึงแม้ตัวเลข GDP ที่ออกมาเมื่อวานนี้จะไม่โดดเด่นและค่อนข้างน้อยกว่าคาดการณ์ แต่เมื่อมาดูข้างในนั้นพบว่า PCE Deflator ที่เป็นตัววัดเงินเฟ้อของ GDP พบว่าปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1.8% และนำไปสู่การคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจะไปเข้าเงื่อนไขเงินเฟ้อของธนาคารกลาง หลังจากตัวเลขออกมาค่อนข้างสร้างความสับสน เพราะ Yield ของพันธบัตรในแต่ละช่วงเวลาสะท้อนผ่านออกมาไม่เท่ากัน Yield ระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นแต่ระยะยาวกลับปรับตัวลดลง ทำให้มีความชันน้อยลง (Flattening) ความเห็นบางส่วนยังพบว่า เศรษฐกิจเติบโตในระดับปานกลาง เงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำ ยังอยากให้ใช้เวลามากกว่านี้ก่อนขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ความเห็นของ นาง เยลเลน คาดว่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

- มีข่าวเรื่องเหมืองทองคำหันมาใช้ตัวสัญญาอนุพันธ์ (Future) เข้ามาประกันความเสี่ยงหลังจากราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงและได้จบวัฏจักรขาขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว และหลายเหมืองเริ่มมีกำไรลดลงไปจนถึงขาดทุนจึงต้องอาศัยการฟิกกำไรโดยการใช้ตราสารอนุพันธ์

- การส่งออกทองคำของอินเดียมีการคาดการณ์จาก World gold council ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าภายในปี 2020 โดยมีเงื่อนไขคือ ถ้าคุณภาพมีการควบคุมที่ดีกว่านี้ เพราะในปัจจุบันอินเดียยังมีการส่งออกที่น้อยเนื่องจากยังขาดเรื่องของการควบคุมคุณภาพที่ดี

- นักวิเคราะห์จากต่างประเทศต่างออกมาให้ความเห็นว่าทองคำจะปรับตัวลดลงไปยังระดับ $900 และ $800 โดยได้รับแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกา

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD 

(Revised) consumer sentiment 94.2 93.3

เเนวรับ 1092 1090 1080 เเนวต้าน 1095 1100 1105

จากการเคลื่อนไหวเมื่อเช้านี้ ที่ขึ้นไปแตะระดับ $1100 และเกิดแรงขายออกมาอย่างรวดเร็ว มองว่า มุมมองค่อนข้างเป็นลบ หลังจากขึ้นไปทดสอบหลายรอบแล้วนั้นไม่สามารถผ่านไปได้ ให้ระมัดระวังการปรับตัวลดลงแล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย ซึ่งการระมัดระวังนั้นยังไม่ได้หมายถึงว่าลงเลย อยากใช้จุด 1090 เป็นตัวยืนยัน หากผ่านระดับนี้ลงมาจะเริ่มลงไปยัง 1080 และ 1070 หากยังไม่หลุด ยังมีลุ้น มีหวังให้ราคาขึ้นไป กรณีผิดทางคือ ราคาผ่าน 1100 ขึ้นไปจึงจะมองว่าทางลบเริ่มเสียความได้เปรียบไป วันนี้ช่วง 19.30 จะมีการประกาศตัวเลข GDP ล่วงหน้าไตรมาส 2 ของอเมริกาคาดว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นและเป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ ใช้ความระมัดระวังครับ

ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องอีก วันนี้จะเป็นวันหยุดทำการของตลาดหุ้นไทย เนื่องในวันหยุดชดเชยวันอาสาฬหบูชา ตลาดหุ้นปิดทำการ ทางฝั่งเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงไปอีกแตะระดับ 35 ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดต้องมาดูว่าหลังจากสภาพคล่องกลับมาในวันทำการ จะยังคงยืนอยู่ในระดับนี้ได้หรือไม่

ทางเลือกหลัก : ราคากลับมาแกว่งในกรอบมองเริ่มไหลลง ซึ่งจะไหลแรงหากหลุด 1090
 

ทางเลือกรอง : ราคาขึ้นไปยืน 1100 ได้จึงจะมองว่าทางลบเสียความได้เปรียบไป

รายละเอียด

- ที่ประชุม FOMC เมื่อวานนี้ กล่าวว่า ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น ( Job market has made further gains) และฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่การตัดสินใจของที่ประชุมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาขึ้นที่ชัดเจน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ามีโอกาส 50% ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ส่วนทิศทางของอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง ทั้งนี้ที่ประชุมไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราคาน้ำมันเหมือนในคราวที่แล้วว่า ราคาน้ำมันค่อนข้างทรงตัว รวมถึง การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนพบว่า ที่ประชุมไม่ได้กล่าวพาดพิงเท่าไรนัก การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะทำให้สินค้าคอมโมดิตีปรับตัวลดลง หมายถึง เงินเฟ้อที่จะปรับตัวลดลง ทำให้มุมมองอัตราเงินเฟ้อของที่ประชุม FOMC ในระยะสั้นยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ทางฝั่งดอกเบี้ยคาดการณ์ปลายปีนี้น่าจะอยู่บริเวณ 0.375% หรือขึ้นดอกเบี้ยเฉลี่ยประมาณ 0.10-0.15% ติดตามทิศทางนโยบายดอกเบี้ยต่อไป คาดว่าจะเริ่มขยับ ก.ย.ปีนี้

- กองทุน SPDR ไม่ได้ทำการซื้อเพิ่มหรือขายออก ทำให้สถานะของกองทุนเท่าเดิมมา 2 วัน หลังจากขายออกอย่างต่อเนื่องเจ็ดวันทำการที่ผ่านมา ซึ่งระดับปัจจุบันเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน กันยายน 2008

- คุณ Jeffrey Currie หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ Goldman Sachs ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ไว้ว่า อาจจะได้เห็นราคาทองคำปรับตัวลดลงไปสู่ระดับ $1050 จากมุมมองที่เป็นลบอยู่แล้ว และมาซ้ำเพิ่มเติมหลังจากแรงขายที่ออกมาในวันจันทร์ที่แล้ว

- สต๊อกน้ำมันดิบลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งค่อนข้างผิดคาดการณ์บ่งบอกให้เห็นถึงดีมานด์ในน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดราคากลับขึ้นมาซื้อ-ขายกันที่ระดับ $48-49/บาร์เรล ความเห็นในตลาดน้ำมันออกมาเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกคาดว่าจะลงต้นทุนแท่นขุดเจาะ ต่ำกว่านี้และอาจจะลงไปถึง $35/บาร์เรล ฝ่ายที่สองมองว่า จะรีบาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง และเจอจุดต่ำสุดไปแล้ว ลักษณะคาดการณ์ของตลาดน้ำมันดิบจะเหมือนกับตลาดทองคำ

- วันนี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP ล่วงหน้าของไตรมาสที่สองออกมา คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้น 2.6% ในขณะที่รอบก่อนหน้า –0.2% ซึ่งเป็นลบกับทองคำเพราะ GDP ขยายตัวสูงขึ้น 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Advance GDP 2.6% -0.2%
Unemployment claims 268K 255K

แนวทางทองคำวันที่ 29-7-58

เเนวรับ 1092 1090 1085 เเนวต้าน 1100 1105 1111

มองราคาขึ้นไปทดสอบเกินกว่า 1100 อีกครั้งและคาดว่าน่าจะผ่านไปได้ ไปจนถึงแนวต้าน 1105 และ 1111 ในขณะที่แนวรับอยู่บริเวณ 1092-1094 ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ควรหลุด แนะนำใช้เป็นจุด Stop loss สำหรับเก็งกำไรระยะสั้น วันนี้ช่วงตี 1 ตามเวลาบ้านเราจะมีผลการประชุม FOMC ซึ่งตลาดยังมองมุมเดิมคือ ลุ้นว่าจะขึ้น กันยายน หรือ ธันวาคม และถ้าจะขึ้นจะขึ้นเท่าไร ปัจจุบันได้มีการคาดการณ์ว่าจะขึ้นที่ประมาณ 0.10% มีโอกาสสูง เพราะ CME future ปัจจุบันตลาดเริ่มลงความเห็นผ่านตัว FED Fund rate future ว่าอยู่ระดับประมาณ 0.14% ปัจจัยอื่นยังค่อนข้างคงที่ และเป็นลบกับทองคำอย่างคงที่ จึงมองว่า การรีบาวน์อาจจะยังจำกัดอยู่

ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อย ภาพรวมยังโดนกดดันอยู่ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยทั้งในประเทศและนอกประเทศ มองว่าน่าจะชะลอการลงเล็กน้อยสำหรับตลาดหุ้นไทย นักวิเคราะห์เริ่มมองว่าระดับปัจจุบันเริ่มกลับมาซื้อ-ขายกันที่ระดับเฉลี่ย และมองว่าระดับตั้งแต่ 1420 จนถึง 1370 เป็นระดับที่ดัชนีค่อนข้างถูกลง เพียงแต่ตอนนี้หลุดแนว Uptrend มา ไม่แนะนำซื้อเก็งกำไรควรเป็นทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวค่อนทางแข็งค่า

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไปอีกครั้งหนึ่งแนวต้าน 1100 และ 1105 –1111

ทางเลือกรอง : ราคหลุด 1092 ลงมา มองว่าขาขึ้นเริ่มเสียเปรียบไป

รายละเอียด

- วันนี้จะมีผลการประชุม FOMC ในช่วงตี 1 ตามเวลาบ้านเรา เกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ตลาดคาดว่ารอบนี้จะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังลุ้นกันเหมือนเดิมคือ ว่าขึ้นดอกเบี้ยเดือนกันยายน หรือ เดือน ธันวาคม ในขณะที่รอบนี้มีออพชันหรือทางเลือกเพิ่มคือ มองว่าประธาน FED อาจจะขึ้น 10 Basis points หรือประมาณ 0.10% หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำมาทั้งสิ้น 9 ปี ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ย 0.10% นั้นค่อนข้างน้อย และเมื่อดูสถิติย้อนหลังพบว่า การเคลื่อนไหวระดับนี้ไม่เคยเกิดมาตั้งแต่ปี 1934 ซึ่งนับเป็นจำนวนทั้งหมด 179 ครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์มอง CME future ที่บ่งบอกถึงมุมมองคนในตลาดนั้นพบว่า จากเดิมตัวฟิวเจอร์มองว่าจะขึ้นที่ประมาณ 0.25% ในเดือนกันยายน ปัจจุบันปรับตัวลดลงมาเหลือ 0.14% ทำให้พออนุมานได้ว่า จะขึ้นประมาณ 0.1% ซึ่งยังอยู่ในกรอบเป้าหมายการขึ้นที่ 0-0.25% ซึ่งหากมีการส่งสัญญาณขั้นอัตราดอกเบี้ยที่ประมาณนี้จริงคาดว่าจะเป็นบวกกับตลาดทั่วโลกระยะสั้นจากการทยอยขึ้นทีละน้อย ทั้งนี้ภาพรวมยังเป็นปัจจัยลบและ หากขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกแล้วมองว่า นโยบายการเงินของอเมริกาจะเริ่มตึงตัวขึ้น

- ตัวเลขราคาบ้าน S&P composite ปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 4.9% 
จากเดือนก่อนหน้า 5% และคาดการณ์ 5.2% ฝั่ง Flash PMI ภาคบริการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีภาคการผลิต Richmond ที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน และสุดท้ายข่าวสำคัญตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงสู่ระดับ 90.9 จากเดิมที่ระดับ 100 ทั้งนี้ข่าวค่อนข้างผสมกันเมื่อวานนี้ทำให้ทองคำไม่มีทิศทางที่ชัดเจน

- ตลาดหุ้นทั่วโลกรีบาวน์ขึ้นมาหลังจากน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ไปหยุดที่ระดับประมาณ $48/บาร์เรล ฝั่ง World bank ออกมาให้ราคาเป้าหมายที่ระดับบริเวณ $57/บาร์เรล ทั้งนี้แท่นขุดเจาะ Shale oil/Shale gas กลับมาเริ่มผลิตอีกครั้งหลังจากคาดว่าต้นทุนในการผลิตปรับลดลง ทำให้ Supplyมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก

- GFMS ซึ่งเป็นทีมวิเคราะห์โลหะมีค่าของรอยเตอร์เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ในไตรมาสที่ 2 หลังจากตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงแรงทำให้มีการขายทองคำไปชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้นและความต้องการของอินเดียปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส ทางฝั่ง Valcambi เปิดเผยว่าความต้องการในทองคำของจีนในปีนี้อาจจะลดลงถึง 40% 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1.00 USD

FOMC Statement

เเนวรับ 1092 1090 1085 เเนวต้าน 1100 1105 1111

ราคาทองคำหลุดแนวต้าน Downtrend ออกมาได้แล้ว วันนี้ให้น้ำหนักของการปรับตัวขึ้นต่อไปทดสอบ $1100 อีกรอบหนึ่ง หากผ่านไปได้ยังลุ้นระดับ $1111 เช่นเดิม แต่หากวันนี้ขึ้นไปยืน $1100 ไม่ได้แล้วปรับตัวลดลงเกินกว่า $1092 อีกครั้ง จะมองว่า ราคาจะเริ่มไหลลงไปเล่นบริเวณ $1070-1080 ปัจจัยข่าวรอบด้านตลาดทองคำยังค่อนข้างเป็นลบ อย่างสถานะ Short ที่กองทุนถือครองปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ การนำเข้าทองคำของจีนจากฮ่องกงปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนในเดือนมิถุนายน และ ราคาน้พมันดิบที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตลาดคาดการณ์ว่าที่ประชุม FOMC ในคืนพรุ่งนี้จะช่วยฟื้นคอมโมดิตีได้โดยการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1505 ล้านบาทเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แต่ Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการจำนวน 5194 สัญญา ซึ่งเป็นการเปิดวันแรกคาดว่าจะทยอยปิด Short ไปบางส่วนหลังจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงมาหลายวัน และเมื่อวานนี้ลดลงอีก 25 จุด ต้องติดตามว่าจะเป็นอย่างไรจะมีรีบาวน์ขึ้นมาหรือไม่ ค่าเงินบาทยังมองการแข็งค่าออกมาจากภาวะ Overbought แต่การอ่อนค่าอาจจะยังไม่แรงนัก เพราะ ยังเจอแรงขายอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งแนวรับ 34.7 และ 34.8

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไปทดสอบ 1100 อีกรอบหนึ่ง

ทางเลือกรอง : ราคาขึ้นไปไม่ผ่านและกลับลงมาต่ำกว่า 1092 มองการปรับตัวลดลงอีกครั้งหนึ่ง

รายละเอียด

- ตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 3.4% จากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า –2.2% ในขณะที่คาดการณ์ 3.2% เป็นการเพิ่มสูงขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน ถึงแม้ต่อเนื่องจากเดือนแรกๆที่ติดลบ แต่ก็บ่งบอกทิศทางของการขยายตัวของเศรษฐกิจอเมริกา หลังจากช่วงไตรมาสแรกอเมริกาประสบภาวะภัยหนาว และ การประท้วงที่ท่าเรือตะวันตก และทำให้อเมริกาได้รับผลกระทบทางลบตรงนี้ ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหมวดไม่รวมยานพาหนะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 0.8% จากไม่ขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (0%) และ คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ $47/บาร์เรล หลังจากกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับ ความกังวลเฉพาะตลาดน้ำมันดิบอย่าง Supply ที่คาดว่าจะล้นตลาด และเมื่อวานนี้ข้อมูลพบว่า แท่นขุดเจาะของอเมริกากลับมาดำเนินการอีกครั้งอีกประมาณ 25 แท่น ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในรอบหลายเดือน ทำให้คาดการณ์ไปต่อถึง Supply ที่จะออกมาอีกในอนาคต

- ความกังวลเรื่องตลาดหุ้นจีนได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนตลาดเงินทั่วโลก หลังจากในวันก่อนหน้ามีการประกาศตัวเลข PMI ของจีนออกมาพบว่าอยู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนและอยู่ระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด ประกอบกับ Sentiment ของตลาดในทางลบ หลังจากช่วงก่อนหน้า ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง เมื่อวานนี้ตลาดหุ้น A-share ปรับตัวลดลงกว่า 8% (แรงสุดนับตั้งแต่ปี 2550) ขณะที่ H-share ปรับตัวลดลง 4% จากความกังวลดังกล่าวรวมถึง นักลงทุนเริ่มลดวงเงินมาร์จิ้นที่ใช้ลงทุนในตลาดหุ้นจีนลงอีกเมื่อวานนี้ ซึ่งสัดส่วนของนักลงทุนในตลาดหุ้นจีนพบว่าส่วนใหญ่เป็นรายย่อยค่อนข้างมาก นอกจากนี้ทางการจีนออกมายืนยันว่าจะเริ่มสร้างเสถียรภาพให้กับหุ้นโดยจะทยอยเข้าซื้อหุ้นเพื่อพยุงดัชนี ทั้งนี้หลังจากตลาดหุ้นจีนตก ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างตกลงมาตามกันจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของจีน และสินค้าคอมโมดิตีก็ลงมาเช่นกัน

- Bank of America ได้ออกมากล่าวว่า สถานะของเทรดเดอร์ปัจจุบันมีฝั่ง Short เพิ่มเติมสูงกว่าฝั่ง Long ในรอบทศวรรษแล้วคาดการณ์ว่า ราคาจะตกลงมาอีก สอดคล้องกับความเห็นของคนส่วนใหญ่ว่าทองคำจะลงอีกจากความต้องการที่น้อยลง , ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีน และ การขึ้นดอกเบี้ยของ FED

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD

CB consumer confidence 100.1 100.4

เเนวรับ 1095 1090 1085 เเนวต้าน 1100 1105 1111

จากรูปแบบที่เห็นในราย H1 และ H4 พบว่า เป็นรูปแบบ Bullish three-drive ซึ่งมองว่าราคาจะปรับตัวขึ้นต่อในอนาคต โดยมีแนวต้านสั้นๆบริเวณ 1100 ทั้งนี้รูปแบบแต่ละรูปแบบยังมีโอกาสพลาดอยู่ แต่เมื่อมองแล้ว โอกาสถูกมากกว่าพลาก รวมถึง ภาพรายใหญ่กว่าที่อยู่ในภาวะ Oversold และเมื่อวันศุกร์เกิดเป็นแท่งเทียนปิดบวกได้วันแรก จึงมองแนวโน้มรีบาวน์ในภาพรวมได้ ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังดูไม่ดีเท่าไรนัก กองทุน และ SPDR ยังลดสถานะการถือครองอย่างต่อเนื่อง รวมถึง กระแสคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยที่จะขึ้น เป็นปัจจัยหลักที่คอยกดดันราคาทองคำ นอกจากนั้นมาเจอแรงซื้อที่เบาบางจากทั้งจีนและอินเดียเป็นตัวซ้ำอีก

ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย และ ยัง Short สุทธิในฟิวเจอร์เล็กน้อย ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังดูขาดแรงซื้อเข้ามา โบรกเกอร์หลายแห่งเริ่มมองว่า ระดับ Valuation ของตลาดหุ้นไทยเริ่มถูกลง มาเทรดกันที่ PE ประมาณ 12-14เท่า เข้าใกล้เฉลี่ย และ เข้าใกล้ –1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งเป็นมูลค่าที่ค่อนข้างถูกกว่าช่วงก่อนหน้า และนักวิเคราะห์ให้คำแนะนำเริ่มสะสมระยะกลาง ค่าเงินบาทมองว่า เกิด Bearish divergent ใน Ovebought มองการเริ่มปรับตัวแข็งค่าลงมาแนวรับ 34.70 และ 34.80

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไป ขอให้ผ่านแนวต้านแรก 1100 ไปให้ได้ เพื่อที่จะมีแรงซื้อทางเทคนิคัลต่อ

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศตัวเลขข่าวทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ในวันพุธจะมีผลการประชุม FOMC ซึ่งคาดการณ์ว่า คุณ เจเนต เยลเลน จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ย หลายคนคาดว่า แนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยเดือน กันยายน ซึ่งในรอบนี้ถึงแม้จะไม่มีประกาศ แต่ก็สามารถดูเป็นทิศทางของนโยบายทางการเงินได้ว่าประธาน FED นั้นมีความเห็นอย่างไร ส่วนในวันพฤหัสจะมีการประกาศตัวเลข GDP ล่างหน้า (Advanced GDP) ของไตรมาสที่ 2 ออกมา คาดว่าจะออกมาขยายตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นข่าวลบกับราคาทองคำ สาเหตุที่คาดว่าจะเป็นลบกับทองคำเพราะ เศรษฐกิจอเมริกามักจะหดตัวในช่วงไตรมาสแรก และจะกลับมาฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดูดี
- ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากช่วงเช้าวันจันทร์ที่แล้วเกิดแรงขายในตลาดฮ่องกงทำให้ราคาเสียทรงไป ทำให้สถานะของกองทุน Hedge fund ต่างๆ เพิ่มสถานะการ Short มากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา และ ยังคงเพิ่มต่อเนื่องมาจนถึงสัปดาห์นี้ ส่วนกองทุน SPDR ก็ยังปรับลดสถานะการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่องลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2008

- ข้อมูลจาก IMF เปิดเผยว่า เยอรมันลดการถือครองทองคำลงอีก 2.39 ตัน ส่วนรัสเซีย และ คาซัคสถานยังคงซื้อทองคำเพิ่ม ซึ่งข้อมูลจากสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า รัสเซียเป็นผู้ซื้อทองคำมากสุดในปีนี้ แซงจีนไปเรียบร้อย (ซื้อจากธนาคารกลาง ไม่ใช่ซื้อเพื่อการใช้ การทำจิลเวอรี หรือการลงทุน) ทำให้รัสเซียสำรองทองคำเป็นอันดับที่ 5 ของโลก (อันดับที่ 6 หากนับรวมการถือทองคำของ IMF ด้วย)

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องสู่ระดับ $47-48/บาร์เรล จากคาดการณ์ สต๊อกน้ำมันดิบที่ออกมาปรับตัวมากขึ้น และ กังวลเรื่อง Oversupply ขณะที่ OPEC ยังคงกำลังการผลิตเท่าเดิม แต่มีความเห็นว่า Demand น้ำมันดิบในปีหน้าคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแต่ราคากลับไม่รับข่าวเหล่านี้เท่าไรนัก

- สถานการณ์ในกรีซช่วงนี้เงียบหายไป แต่ก็กำลังดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง แต่มีปัญหาตรงที่การเจรจาไม่สามารถเกิดในสัปดห์ที่ผ่านมาได้ แต่จะมีการเจรจาอีกรอบ

- ปัญหาภัยแล้งของไทยเริ่มเบาบางลง นักวิเคราะห์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD

Durable goods orders 3.2% -2.2%
Core durables goods orders 0.4% 0.0%

แนวทางทองคำวันที่ 24-7-58

เเนวรับ 1080 1078 1075 เเนวต้าน 1085 1095 1100

ราคาปรับตัวลดลงหลุดแนวรับ 1083 ที่เคยทำไว้ช่วงวันจันทร์มองว่า ราคาจะรีบาวน์กลับไป แต่จะยืนได้หรือไม่นั้นต้องติดตาม หากราคายืนได้และปรับตัวขึ้นต่อ ก็จะกลับเข้าไปแกว่งในกรอบในสัปดาห์นี้ใหม่ (1080-1110) แต่หากยืนไม่ได้ ราคามีแนวโน้มลงไปบริเวณ 1075 อีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันราคาเข้าสู่ภาวะ oversold เป็นวันที่ 7ติดต่อกัน ตัวนี้ไม่ได้หมายถึง จะกลับตัวเลย เพียงแต่ให้ใช้ความระมัดระวัง ราคาสามารถดีดขึ้นเมื่อไรก็ได้จากตรงนี้ และ เมื่อมาดูสถานะ Short สะสมมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการ Short-covering หากราคายังอืดๆอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็น และ แนวโน้มก็ยังดูอ่อนแรงอยู่ ฝั่งขายก็ยังไม่แนะนำ ฝั่งซื้อแนะนำให้รอ หรือ สะสมเล็กน้อยพอ

ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 2739 ล้านบาท ขายอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันการมีหุ้นของต่างชาติลดลงค่อนข้างมาก และแรงขายของต่างชาติเริ่มมีผลต่อตลาดหุ้นน้อยลงแล้ว คนที่ถือหุ้นลัญญา Long ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศที่เมื่อวานนี้เก็บเพิ่มอีกเยอะ โดยเฉพาะ Single stock ฟิวเจอร์ เมื่อวานสถาบันซื้อค่อนข้างมาก ต้องมาดูว่าจะมีผลต่อทิศทางของ SET ในอนาคตหรือไม่ ค่าเงินบาทยังอยู่ในภาวะ Overbought ยังแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังฝั่งแข็งค่าลงมา

ทางเลือกหลัก : มองราคากลับขึ้นไปยืน 1083 อีกครั้ง หากยืนได้ ยังมีโอกาสทางฝั่งขึ้น ทุก TF อยู่ในภาวะ Oversold หมดแล้ว จึงมองว่า ยังไม่แนะนำให้ S แต่ฝั่งซื้อก็ยังขาดแรงส่ง

ทางเลือกรอง : หากราคาขึ้นไป 1083 แล้วยืนไม่ได้และราคาหลุด 1080-1083 ลงมา มองกาปรับตัวลดลงต่อไป 1075

รายละเเอียด

- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 255K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 281K และคาดการณ์ 279K ระดับคนขอรับที่ 255K นี้เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 41 ปีครึ่ง นับย้อนกลับไปจนถึงปี 1973-1974 ซึ่งระดับนี้บ่งบอกให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ถึงแม้ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นจะมีการพุ่งสูงขึ้นของคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ทั้งนี้แนวโน้มคนขอรับสวัสดิการยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยลบกับทองคำ หลังจากข่าวออก ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

- กองทุน SPDR ลดสถานะการถือครองทองคำลงอีกเป็นวันที่หกติดต่อกัน เหลือระดับประมาณ 22 ล้านออนซ์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 การอ่อนตัวของกองทุนไปยังระดับ 2008 นั้นเป็นระดับเริ่มต้นก่อนการขึ้นของราคา แสดงให้เห็นว่า แรงขายส่วนใหญ่นั้นมาจากภาคการเก็งกำไรเป็นหลัก เพราะ ปริมาณความต้องการใช้จริง รวมถึง การลงทุน และการสำรองของธนาคารกลางพบว่า ยังปรับตัวลดลงแต่ไม่เป็นสัดส่วนที่แรงเท่าแรงขายจากกองทุน เพราะ ตอนที่ทองคำขึ้นมานั้นแรงขึ้นส่วนใหญ่ก็มาจาก ETF เหล่านี้เช่นกัน

-ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู่ระดับ $48/บาร์เรลปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากข่าวเรื่อง สต๊อกน้ำมันดิบออกมามาก สร้างความกังวลให้กับภาวะ Oversupply และทางด้านเทคนิคัลที่เข้าสู่ Bear market และทิศทางของคอมโมดิตีที่สินค้าในกลุ่มโดนกดดันและปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี ทิศทางของน้ำมันดิบและทองคำเป็นไปทางเดียวกันคือ ตลาดเข้าสู่ตลาดหมี และกังวล Oversupply

- นักวิเคราะห์จากต่างประเทศเริ่มออกบทวิเคราะห์มาเรื่อยๆ ถึงเป้าหมายราคาทองคำที่ต่ำลงกว่านี้ ส่วนใหญ่ประเมินแนวรับแรกไว้ที่บริเวณ $1040-1050 อีกแนวรับหนึ่งที่โบรกต่างประเทศให้คือ $1000 และ โซน $800-900 ซึ่งในช่วงที่ทองลงนับตั้งแต่วันจันทร์ได้เห็นการปรับประมาณการณ์ลงค่อนข้างมาก และเป็นข่าวอยู่ทั้งสัปดาห์ คาดว่าในระยะสั้นทองคำจะได้รับแรงกดดันจากมุมมองตลาดตรงนี้พอสมควร เพราะ คนส่วนใหญ่จะเชื่อและค่อนข้างกลัวราคาทองจะปรับตัวลดลง

- ตัวเลขดัชนีภาคการผลิต PMI ของจีนปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนที่ระดับ 48.2 จุด และเป็นการปรับตัวที่อยู่ใต้โซน 50 บ่งบอกถึงการหดตัวของภาคการผลิตจีน

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD 

New home sales 543K 546K

เเนวรับ 1088 1083 1080 เเนวต้าน 1100 1105 1110

วันนี้มองการรีบาวน์ไปยังแนวต้าน 1100 และ 1105 ก่อน หากแรงจนผ่าน 1111 ได้จะดีมาก แต่ต้องมาดูตามสเต๊ปไปเรื่อยๆในช่วงนี้ ราคหลุดแนวต้าน downtrend ระยะสั้นออกมาทำให้ดูดีขึ้น ในขณะที่หากราคากลับลงไปต่ำกว่า 1088 จะมองลงไปทดสอบ 1083 อีกครั้งหนึ่ง ยังให้น้ำหนักฝั่งขึ้นก่อนมากกว่า ข่าวรอบด้านยังคงเป็นลบ กองทุน SPDR ลดสถานะต่อเนื่องจนถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 กองทุน Hedge fund ที่เปิดสถานะ Short ไว้เยอะ ราคาน้ำมันดิบประกาศว่ามีสต๊อกเพิ่มขึ้นและปรับตัวลดลงต่อ , ดีมานด์ทองแท่งในจีนที่ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกันกับทั่วโลก มีข่าวดีบางมุมคือ เทรดเดอร์บางคนมองว่า ราคาที่ลงมาไม่มีอะไร และจะรีบาวน์กลับ

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีกค่อนข้างหนาแน่น 2303 ล้านบาท และยัง Short สุทธิในฟิวเจอร์ 3115 สัญญา คาดว่าเป็นผลมาจากเงินบาทที่อ่อนอย่างต่อเนื่องด้วย ทำให้ต่างชาติขายสุทธิ และต่างชาติขายสุทธิก็กลับมาทำให้เงินบาทอ่อนต่อ เป็นเหตุและผลวนกันไป ตลาดหุ้นเริ่มชะลอการลงระยะสั้นเมื่อวานนี้ แต่ยังดูไม่ดีเท่าไรนัก นักวิเคราะห์หลายท่านมอง Valuation ที่ระดับ 1400 พบว่า มีความน่าสนใจในการเก็บมากขึ้น ค่าเงินบาทยังเห็น Divergent อยู่ทุก TF ระมัดระวังการแข็งค่า

ทางเลือกหลัก : มองราคาเริ่มรีบาวน์ขึ้นมา หลังจากออกจากภาวะ Oversold ในหลาย TF ออกมาได้ โดยมีแนวต้านระยะสั้นบริเวณ 1100 และ 1105

ทางเลือกรอง : ราคาหลุดระดับ 1088 ลงมาอีกครั้ง มองว่าแนวโน้มลงไปทดสอบ 1083

รายละเอียด

- ตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (existing home sales) ออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.49M จากเดือนก่อนหน้า 5.32M และคาดการณ์ 5.40M เป็นการปรับตัวดีขึ้นทางจากเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ และไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี เป็นระดับเท่ากับประมาณ เดือน กันยายน 2013 สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดบ้านของอเมริกา และนำไปสู่ความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดิม ทั้งนี้ทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย

- รัฐสภากรีซผ่านแผนปฎิรูปรอบที่สองแล้ว ส่วน ECB ได้เข้าเตรียมการส่งทีมงานดูแลระบบสถาบันการเงินในกรีซว่าการควบคุมเงินทุนเป็นไปตามข้อกำหนดของการช่วยเหลือหรือไม่ ทางฝั่งสถาบันจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง S&P ปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือเครดิตของกรีซสู่ระดับ CCC+ จาก CCC- และยังให้แนวโน้มเป็น Stable หรือคงที่ ถึงแม้จะยังคงมองว่ากรีซมีความเสี่ยงที่จะต้องออกจากยูโรโซนในปี 2561 แต่ความเสี่ยงดังกล่าว S&Pประเมินว่า มีความเสี่ยงต่ำกว่า 50% แล้ว แต่ปัจจุบันกรีซมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ $50/บาร์เรล มาหยุดที่ระดับ $49/บาร์เรล ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน หลังจากข่าวเรื่องสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 2.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มการนำเข้าน้ำมันดิบของอเมริกาที่เฉลี่ยแล้วประมาณวันละ 8 ล้านบาร์เรล ส่วนทาง OPEC ก็ยังมองว่า ดีมานด์จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า ส่วนทาง World bank ออกมาปรับคาดาการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับประมาณ $57/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก $53/บาร์เรลเมื่อต้นปี และ เจ้าหน้าที่ออกมาให้ความเห็นว่าการขึ้นมารอบก่อนหน้านั้นไม่ได้กระตุ้นดีมานด์เท่าไรนัก ทำให้ราคายังคงปรับตัวอยู่ใกล้เคียงระดับเฉลี่ยในปี 2014

- ทองคำทำสถิติใหม่ปรับตัวลดลง 10 วันติดต่อกัน เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งในเดือน สิงหาคม ถึง กันยานยนในปีนั้น ทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องกันถึง 13 วัน ตัวเลขความต้องการทองคำในจีนปรับตัวลดลง 9% ส่วนทั่วโลกปรับตัวลดลง 17% ทำให้แรงซื้อจากผู้เล่นเหล่านี้หายไปในช่วงที่ผ่านมา ส่วนกองทุน SPDR ปัจจุบันลดสถานะเหลือระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 แล้ว ในขณะเดียวกัน กระแสคาดการณ์ราคาทองคำตอนนี้เริ่มแตกออกเป็นสองฝ่าย ในขณะที่ช่วงสองวันก่อนหน้าคนมองลงหมด

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Unemployment claims 279K 281K

แนวทางทองคำวันที่ 22-7-58

เเนวรับ 1090 1085 1080 เเนวต้าน 1100 1105 1110

ราคาปรับตัวลดลงต่อ หลังจากขึ้นไปทดสอบ $1110 อีก $1 จะถึงเป้าหมายเมื่อวานนี้ ในวันนี้มองว่า ราคจะลงมาซื้อ-ขาย กัวแถวระดับ 1080-1090 เพียงแต่สถานะ Short แนะนำให้ เปิดและปิดภายในวัน ระดับปัจจุบันมองว่า เข้าสู่ Oversold มาสักพักแล้ว และออกจากค่าเฉลี่ยมาสักพักหนึ่ง ระมัดระวังการปรับตัวเข้าหาเฉลี่ยอีกครั้ง สำหรับฝั่งซื้อยังแนะนำให้รอตลาดให้มีความนิ่งกว่านี้และดูท่าทีก่อนว่าจะเอายังไงพื้นฐานภาพรวมยังดูไม่ดี ล่าสุดมีปริมาณทองคำที่ผลิตออกมาจากเหมืองอยู่ในระดับสูงสุด ขณะที่ดีมานด์ปรับตัวลดลง ลักษณะคล้ายตลาดน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ความต้องการทองคำนั้นลดน้อยลง ทำให้ภาพรวมยังดูไม่ดีในระยะนี้

ต่างชาติไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมากนัก สำหรับทิศทางในตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์เมื่อวานนี้ แต่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง ถึงแม้บริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรดีขึ้น แต่ไม่มาก และบางอุตสาหกรรมอย่างธนาคารกลับมีกำไรลดลง รวมถึง แผนการลงทุนภาครัฐที่ พลอากาศเอก ประจิน ปั่นตองออกมายอมรับว่า มีความล่าช้าในปีนี้ ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงแรงเมื่อวานนี้เกือบ 20 จุด ก่อนจะขึ้นมาปิดใกล้ระดับต่ำสุดของวัน ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 34.60 เรียบร้อยแล้ว ยังมี Divergent ซ่อนอยู่ 

ทางเลือกหลัก : มองราคาเริ่มลงซื้อ-ขายกันที่ระดับ 1080-1090

ทางเลือกรอง : ราคาที่กลับไป 1100 ได้มองว่า จะเริ่มดูดีขึ้น

รายละเอียด

- หน้าเว็บต่างประเทศเริ่มมีข่าวเกี่ยวกับทองคำเข้ามามากขึ้น โดยไปเน้นที่ตัวกลุ่มของคอมโมดิตีทั้งกลุ่ม และ ราคาของหุ้นกลุ่มเหมือง กลุ่มเหมืองในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก จากทองคำที่โดนทุบเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดการณ์กันว่า เหมืองต่างๆจะยังไม่ปิด เพราะ ยังดำเนินการอยู่ แต่จะเป็นลักษณะของค่อยๆลดต้นทุน (Cash cost) ลง ไม่ได้ปิดทำการทีเดียว ลักษณะแบบนี้คล้ายกับช่วงน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงกว่า 50% ในช่วงต้นปี ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันชะลอการขุดเจาะน้ำมัน เมื่อมาดูทางฝั่ง Supply นั้น พบว่า Gold production ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ ประมาณ 3,100 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เมื่อเทียบกับปี 2004-2005 พบว่า อยู่ที่ประมาณ 2,400-2,600 ตัน ในขณะที่ความต้องการทองคำทั้งทางฝั่งจิลเวอรี และ การลงทุนลดลง ทำให้เกิดปริมาณ Supply ล้นตลาด เช่นเดียวกันกับน้ำมันดิบ

- ทางฝั่งความต้องการทองคำพบว่า นักลงทุนต่างประเทศมองว่า เป็นสินทรัพย์กลุ่มที่ยังไม่น่าลงทุนในตอนนี้เป็นไปในทางเดียวกันกับคอมโมดิตีทั้งกลุ่ม กองทุน SPDR ลดสถานะการถือครองทองคำต่อเนื่อง และต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่แรงซื้อทางฝั่งอินเดียค่อนข้างชะลอตัวเนื่องจาก คาดว่าราคาจะลงมากกว่านี้ และยังไม่เข้าใกล้ช่วงเทศกาล หรือ แต่งงาน ทำให้แรงซื้อจากอินเดียหายไปช่วงนี้ 

- ปัญหาเรื่องการปรับตัวลดลงของสินค้าคอมโมดิตีส่งผลกระทบต่อสกุลเงินอย่าง ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ค่อนข้างมาก ค่าเงินของสองประเทศนี้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เพราะ สองประเทศนี้เป็นประเทศหลักที่ส่งออกคอมโมดิตี ทำให้เมื่อคอมโมดิตีราคาปรับตัวลดลง สกุลเงินสองประเทศนี้จะอ่อนค่ามาก และปัจจุบันการเคลื่อนไหวของราคาได้เข้าสู่ Down cycle เรียบร้อยแล้ว

- ช่วงนี้เป็นฤดูประกาศผลประกอบการกำไรของบริษัทจดทะเบียน เมื่อวานนี้ทางฝั่งอเมริกาประกาศออกมาพบว่ากำไรบางส่วนออกมาน่าผิดหวังและส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และค่าเงินดอลลาร์ก็โดนขายออกมาระดับใกล้แนวต้าน ยังไม่สามรถผ่านระดับ 100 ไปได้ ทั้งนี้ราคาทองคำกลับไม่ได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ามาเลยเมื่อวานนี้ และยังปรับตัวลดลงต่อ

- พลอากาศเอก ประจิน ปั่นตอง ออกมายอมรับว่า การลงทุนของรัฐหลายโครงการล่าช้าในปีนี้

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD 

Existing home sales 5.40M 5.35M