ประชาสัมพันธ์

แนวทางทองคำวันที่ 1-10-58

เเนวรับ 1112 1109 1105 เเนวต้าน 1119 1122 1125

จากเมื่อวานนี้ราคาได้ปรับตัวหลุด 1119 ลงมา ซึ่งมองว่า จุดนี้เป็นแนวรับค่อนข้างสำคัญในระยะสั้น จึงมองน้ำหนักทางฝั่งขึ่นได้เริ่มเสียไป และคาดว่าราคาจะเริ่มตกสู่แนวรับ 1105 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญในกรอบของระยะวัน ซึ่งการหลุดระดับ 1105 สุดท้ายนี้ไปมองว่า ราคาจะเริ่มกลับไปซื้อ-ขายหรือเล่นกันในโซน 1090-1100 อีกครั้งหนึ่ง สำหรับระยะสั้นมองการปรับตัวขึ้นไปเล็กน้อยถึงระดับประมาณ 1119 –1122 บริเวณนั้น หากจะเปิดสถานะต้องลองดูสถานะขายตรงจุดนั้น เพราะ ถือว่า ราคาได้หลุดแนวรับลงมาและหากทดสอบไม่ผ่านจะเริ่มปรับตัวลดลงต่อ ภาพรวมข่าวยังค่อนข้างผสม ตัวเลขอเมริกาออกมาดี เพียงแต่ ยังเห็นสถานะซื้อของกองทุนมาอย่างต่อเนื่อง

ต่างชาติยังคงขายสุทธิเล็กน้อย แต่ลดมูลค่าลงสู่ระดับ 1200 ล้านบาท และหันกลับไป Long สุทธิในฟิวเจอร์เพิ่มอีก 6000 สัญญา เมื่อวานนี้ดัชนีปิดค่อนข้างทรงตัว คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจาก Window dressing แต่จากทิศทางตลาดโลกที่คาดว่าจะมีรีบาวน์ในระยะสั้นนี้จึงมองว่า ดัชนีน่าจะเริ่มรีบาวน์ได้บ้างแล้วหลังจากปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง ท่ามกลางตลาดหุ้นโลกที่ส่งมาทางลง ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงไม่ดี ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปทดสอบ High อีกครั้ง ยังแกว่งตัวบริเวณนี้สักพัก

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นไปเล็กน้อยบริเวณ 1119-1122 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาด้านล่าง

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ทองคำปรับตัวลดลง 4 วันติดต่อกัน (รวมแล้วกว่า $40 คิดเป็นประมาณ 3.4%) จากตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกาที่ออกมาดี ล่าสุดเมื่อวานนี้มีการประกาศตัวเลข ADP non-farm employment หรือ ADP จ้างงานนอกภาคเกษตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200K จากเดือนก่อนหน้า 186K และคาดการณ์ 192K ส่งผลให้ทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และวันก่อนก็มีประกาศตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ออกมาดีขึ้น ทำให้นักลงทุนมองว่า FED จะสามรถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ส่วนตัวเลขภาคการผลิตของชิคาโกออกมาปรับตัวลดลงเล็กน้อย

- กองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มอีก 0.48% สู่ระดับ 687.42 ตัน เป็นแรงซื้อที่เข้ามาต่อเนื่องอีกเป็นวันที่ 5 แต่กลับไม่ได้ช่วยชะลอการปรับตัวลดลงของทองคำเท่าไรนัก ช่วงสัปดาห์ที่ราคาปรับตัวลงมามีแรงซื้อเข้ามาในกองทุนตลอด แต่ราคาก็ยังปรับตัวลดลงเรื่อยๆ

- ประธาน IMF คุณ Christine Lagarde ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งให้ความเห็นว่า องค์กรได้เห็นสัญญาณของความวุ่นวายในตลาดการเงินโลก และไม่สามารถบ่งบอกได้แน่ชัดว่า เป็นเพียงวัฎจักร หรือ จะเป็นขาลงของปัจจัยพื้นฐานเลย (Fundamental downturn) โดยความกังวลส่วนใหญ่นั้นมาจาก การขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกา และ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และคาดว่าในปีหน้าจะได้เห็นการเติบโตแบบปานกลาง (Moderate growth)

- ตัวเลข Caixin PMI ของจีนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 47.2 สูงกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยที่ 47 แต่เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง ส่วน Ofiicial PMI ที่ออกโดยรัฐบาลนั้นกลับปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 49.8 จากเดิม 49.7 สิ่งที่แตกต่างกันนั้นคือ Official PMI จะมุ่งไปยังบริษัทขนาดใหญ่เป็นหลัก ส่วน Caixin PMI จะมุ่งไปยังบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก 

- ผลผลิตน้ำมันดิบของ OPEC ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากอิรักเริ่มกลับมามีกำลังการผลิตในเดือนที่ผ่านมา แต่เป็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 31.68 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่ 31.57

- เมื่อวานมีการประกาศตัวเลขอัตราว่างงานของเยอรมันพบว่า ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย 200 ตำแหน่ง แต่ยังเป็นระดับที่ 6.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการรวมประเทศเยอรมัน

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

Unemployment claims 273K 267K
ISM -PMI 50.8 51.1

แนวทางทองคำวันที่ 29-9-58

เเนวรับ 1127 1122 1119 เเนวต้าน 1136 1140 1144

เมื่อวานราคาตกลงมายังแนวรับโซน 1130 นี้ มองว่า เป็นจุดแนวรับ Uptrend ระยะสั้น หากหลุดลงไปมีแนวโน้มเริ่มลงไปยังแนวรับ 1119 ในระยะกลาง และ ฝั่งขึ้นที่เคยมองว่าได้เปรียบนั้นจะต้องชะลอตัวลง สำหรับในระยะสั้นมองการปรับตัวขึ้นไปก่อนเล็กน้อยบริเวณ 1133-1136 โซนนั้นหากยืนได้ยังมองการขึ้นกลับไปสร้าง New-high ที่บริเวณเกินกว่า 1150 แต่หากยืนไม่ไดและหลุดโซน 1130 ลงมามองว่า ต้องตัดขาดทุนออกมาดูตลาดก่อน ภาพรวมข่าวยังค่อนข้างผสมกัน จาก Official comment ของแต่ละท่านที่ยังออกมาไม่ตรงกัน แต่ด้วยมุมมองการปรับฐานของตลาดหุ้นพร้อมกับ แรงซื้อที่เข้ามาบ้างในช่วงที่ผ่านมา จึงยังมองว่ามีปัจจัยสนับสนุนทองคำอยู่

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2088 ล้านบาท และยังคง Short สุทธิต่อเนื่องในฟิวเจอร์อีก 4782 สัญญา เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรงกว่า 20 จุด หลังจากมีการประกาศตัวเลขการส่งออกดีออกมาแย่กว่าคาดการณ์ค่อนข้างมาก เป็นตัวกดดัน และตัวนี้เป็นตัวกดดันค่าเงินบาทเพิ่มเติมหลังจากทิศทางค่าเงินของภูมิภาคถูกกดดันจากประเทศมาเลเซียที่เงินริงกิตอ่อนค่าแรง ล่าสุดเงินบาททำ new-high ในรอบ 6 ปี ถึงแม้กราฟจะแสดงให้เห็นถึง Overbought แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เอื้อต่อการแข็งค่าแรง

ทางเลือกหลัก : มองราคาขึ้นกลับไปทดสอบ 1133-1136 อีกครั้งหนึ่ง ต้องลุ้นให้ยืนให้ได้สำหรับฝั่งขาขึ้น

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED หลังจากมีความเห็น (Official comment ) ของประธานสาขาต่างๆ เริ่มจาก สาขานิวยอร์ค คุณ William Dudley และ สาขา San Francisco คุณ John Williams กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นภายในปีนี้ และคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวเข้าสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง แต่ฝั่ง คุณ Charles Evans ประธานสาขาชิคคาโก ได้ให้ความเห็นทางฝั่ง Dovish และมองอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับต่ำเช่นนี้ไปจนถึงกลางปี 2016 ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางของคอมเมนต์ต่างๆ

- ตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้รวมถึงเช้าวันนี้กลับเข้าสู่ทิศทางเดิมคือ ลงอีกครั้ง หลังจากความกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกลุ่ม Emerging market เป็นสำคัญ ทั้งนี้เมื่อวานนี้กระแสเงินทุนกลับไม่เข้ามายังทองคำเท่าไรนัก ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น

- ตัวเลขเงินเฟ้อที่ FED ใช้ประเมิน หรือ Core PCE ทรงตัวที่ระดับ 0.1% เท่ากับเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% เท่ากับเดือนก่อนหน้าและมากกว่าคาดการณ์ที่ 0.3% ฝั่งรายได้ผู้บริโภคปรับตัวลดลงสู่ระดับ 0.3% จากเดือนก่อนหน้า 0.5% และคาดการณ์ 0.4% อีกข่าวหนึ่งคือ ตัวเลขยอดบ้านรอปิดการขายหดตัว –1.4% จากเดือนก่อนหน้า 0.5% และคาดการณ์ 0.4% สวนทางกับตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ที่ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

- ข้อมูลของจีนเมื่อวานนี้พบว่า กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวลดลงแรง -8.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จึงทำให้ทิศทางตลาดหุ้นจีนไม่สดใสเท่าไรนัก ส่วนญี่ปุ่น นาย คุโรดะ ยืนยันว่า BOJ พร้อมที่จะขยายวงเงิน QQE เพิ่มหากอัตราเงินเฟ้อยังไม่กระเตื้องถึง2% ล่าสุดเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังอยู่ระดับแถว 0% 

- ธปท เปิดเผยตัวเลขส่งออกเมื่อวานนี้พบว่า ยอดส่งออกหดตัว –6.7% นำโดยการหดตัวของสินค้าเกษตร และ ตัวเลขการนำเข้าห็หดตัวแรงเช่นกัน ส่งผลให้เงินการค้าเกินดุลอยู่ ซึ่งถึงแม้จะเกินดุลแต่ก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก ตัวนี้เป็นตัวกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าไวขึ้น และยังโดนซ้ำจากกรณีของมาเลเซียที่เงินริงกิตอ่อนไปจนระดับใกล้ปี 2540 จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงเยอะ และ ปัญหาเรื่องเสถียรภาพของการเมือง

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD 

CB Consumer confidence 96.2 101.5

แนวทางทองคำวันที่ 28-9-58

เเนวรับ 1140 1133 1130 เเนวต้าน 1155 1160 1165

ทิศทางของราคาหลังจากเมื่อวันศุกร์มีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสสองของอเมริกาออกมาดีขึ้น แต่ราคาไม่หลุด 1140 และรีบาวน์มองว่า ราคาจะยังคงอยู่ใน uptrend ระยะสั้นนี้ไปก่อน โดยมีเป้าหมายแนวต้านบริเวณ 1155-1165 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ ในวันนี้มองการแกว่งตัวอยู่บริเวณนี้ถึงปรับตัวลดลงเล็กน้อยก่อน ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปทดสอบแนวต้าน ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เห็นแรงซื้อเข้ามาบ้างจากกองทุน SPDR และ การเพิ่มสถานะ Long ของกองทุน Hedge fund ถึงแม้ข่าวอื่นจะค่อนข้างเบาบาง แต่ในสัปดาห์นี้จะมี Official Comment ของประธาน FED แต่ละสาขาออกมาค่อนข้างมาก ต้องระวังความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วงวัน-สองวันนี้

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 2908 ล้านบาท และยังคง Short สุทธิในฟิวเจอร์อีก 5636 สัญญา ทิศทางของกระแสเงินทุนต่างชาติยังคงกดดันตลาดหุ้นไทย และปัจจัยนอกประเทศก็ยังกดดันหุ้นไทยเช่นกัน ส่วนเมื่อวันศุกร์ ธปท ก็ออกมาปรับลดการเติบโต GDP และเงินเฟ้อลงอีก ทำให้มองว่าการปรับตัวสูงขึ้นของ SET จะเป็นไปอย่างจำกัดในระยะนี้ ส่วนทิศทางค่าเงินบาทยังกลับมาแกว่งในช่วง High เดิม ยังให้น้ำหนักของการแข็งค่าลงไปด้านล่าง ยังคงต้องติดตามเงินบาทในช่วงนี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาพักตัวลงมาเล็กน้อยก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อ แนวรับ 1140 และแนวต้าน 1155-1165

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ตัวเลข Final GDP ซึ่งบ่งบอกถึง GDP ไตรมาสที่ 2 ของอเมริกาออกมาที่ระดับ 3.9% จากรอบก่อน 3.7% เท่ากับคาดการณ์ 3.7% ทางฝั่ง GDP Price index ออกมาที่ระดับ 2.1% เท่ากับเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ กลุ่มตัวเลขนี้บ่งบอกให้เห็นถึงการขยายตัวของอเมริกาในไตรมาสที่ 2 ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ทองคำกลับไม่ได้รับข่าวลบนี้เท่าไรในวันศุกร์ ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย

- ดัชนี PMI ภาคบริการของอเมริกาออกมาที่ระดับ 55.6 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 55.2 และคาดการณ์ 55.5

- สัปดาห์นี้จะมี Official comment จาก FED แต่ละสาขาค่อนข้างมาก โดยในวันนี้จะมีการพูดของประธาน FED สาขา Dudley ซึ่งน้ำหนักการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงนี้อาจจะผันผวนไปตามแต่ละมุมมองและคำพูดของแต่ละท่านได้ให้ระมัดระวังความผันผวน เนื่องจากวันนี้อาจจะกล่าวไปในทางขึ้นดอกเบี้ย แต่พรุ่งนี้อีกท่านอาจจะกล่าวว่ายังไม่พร้อมขึ้นดอกเบี้ยก็ได้ ทำให้ราคามีแนวโน้มผันผวน แต่ทั้งนี้ ประเด็นหลักๆยังอยู่ที่นาง เจเนต เยลเลน ที่ต้องติดตามในที่ประชุม FOMC

- กองทุน SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำอีก 0.57% สู่ระดับ 684.14 ตัน นับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 4 วัน เกือบทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนกองทุน Hedge fund เพิ่มสถานะ Long ในสัญญาฟิวเจอร์และออพชันสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ข้อมูลจาก CFCT เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงมุมมองของนักลงทุนเริ่มสนใจมากขึ้นสะท้อนเงินที่ไหลเข้ามาค่อนข้างมาก

- ตลาดหุ้นทั่วโลกรีบาวน์กลับขึ้นมาเล็กน้อยในวันศุกร์หลังจาก ในวันก่อนหน้ามีประเด็นเรื่องการปล่อยไอเสียของอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมัน และ หุ้นกลุ่มเหมืองที่ได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสินค้าคอมโมดิตีที่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้การรีบาวน์ของตลาดหุ้นยังมองว่า ไม่ได้มีนัยสำคัญกับทิศทางฝั่งขึ้นเท่าไรนักจึงคาดว่าน่าจะได้เห็นแรงขายตามมามากกว่านี้อีก

- ธปท ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยลงสู่ระดับ 2.7% จากเดิม 3% โดยเฉพาภาคการส่งออกที่คาดว่าจะหดตัว –5% จากเดิม –1.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะออกมาที่ระดับ –0.9% จากเดิม –0.5%พร้อมทั้งปรับลดเงินเฟ้อคาดการณ์ในปีหน้าลงอีก

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

19.30 USD 

FOMC Dudley speaks 
Core PCE price index 0.1% 0.1%
Personal spending 0.3% 0.3%
Personal income 0.4% 0.4%

21.00 USD 

Pending home sales 0.4% 0.5%

แนวทางทองคำวันที่ 24-9-58

เเนวรับ 1130 1126 1120 เเนวต้าน 1138 1142 1150

หลังจากแกว่งตัวอยู่เมื่อวาน ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นและกลับมายืนเหนือค่าเฉลี่ย 8 และ 21 วันอีกรอบหนึ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มเดิมที่เป็นฝั่งขึ้นอีกครั้ง แนวต้านจะอยู่บริเวณ 1140-1150 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ แนวต้านแรก ในขณะที่หากราคาปรับตัวลดลงหลุด 1130 ลงมาจะทำให้แนวโน้มฝั่งขึ้นนั้นเสียความได้เปรียบไป สำหรับข่าวด้านพื้นฐานยังพบว่า นักลงทุนยังค่อนข้างเข้าสู่โหมด Risk-off คือไม่ต้องการรับความเสี่ยง แต่ก็ยังกังวลในเรื่องของการนำเงินมาพักในทองคำ จึงได้เห็นแรงซื้อเข้ามาเบาบาง แต่ล่าสุดกองทุน SPDR ก็เริ่มเพิ่มสถานะการถือครองทองคำเป็นวันแรก ภาพรวมดูดีขึ้น แต่ยังมองการปรับตัวขึ้นยังไม่มาก หวือหวาเท่าไรนักสำหรับช่วงนี้

ต่างชาติหันกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก 4918 ล้านบาท และหันกลับไป Short สุทธิในฟิวเจอร์อีก 20,383 สัญญา เป็นการสะสม Short ต่อวันที่ค่อนข้างมาก ดัชนียังได้รับแรงกดดันฝั่งลงต่อหลังจากวันก่อนๆหน้าปรับตัวลดลงแรงออกจากกลุ่ม Sideways ค่าเงินบาทกลับตัวออกมาแบบ V-shape หลังจากเกิดสัญญาณกลับตัวเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า มองว่า ความได้เปรียบทางฝั่งแข็งค่าเสียความได้เปรียบไป ต้องติดตามว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นจะเป็นลักษณะไหน

ทางเลือกหลัก : จากเมื่อวานมองราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นต่อไปยังระดับ 1140-1150

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1130 ลงมามองว่า ขาขึ้นเสียความได้เปรียบไปอีกรอบ

รายละเอียด

- ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของฝรั่งเศสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 50.4 (จากเดือนก่อนหน้า 48.3 และคาดการณ์ 48.6) ของเยอรมันออกมาที่ระดับ 52.5 (จากเดือนก่อนหน้า 53.3 และคาดการณ์ 52.8 ) ส่วนของทั้งยูโรโซน 52 (จากเดือนก่อนหน้า 52.3 และคาดการณ์ 52.2) จะเห็นว่ากลุ่มดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนชะลอตัวลงเล็กน้อยแต่ยังไม่มากและยังเหนือระดับ 50 จุด นอกจากนี้ประเทศที่มีการฟื้นตัวมากที่สุดในเดือนนี้จะเป็นฝรั่งเศส และเป็นการยืนเหนือ 50 จุดเป็นเดือนแรก 

- ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของอเมริกาออกมาที่ระดับ 53 เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่น้อยกว่าคาดการณ์เล็กน้อยที่ระดับ 53.3 ทั้งนี้การปรับตัวลดลงนั้นยังไม่มากเช่นกัน เป็นการชะลอตัวเล็กน้อย ทั้งนี้เมื่อดูภาคการผลิตโดยรวมนั้นยังมองว่า แต่ละประเทศถึงแม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วยังออกมาดี และยังเหนือ 50 จุดที่บ่งบอกถึงการขยายตัวของภาคการผลิต ส่วนที่น่ากังวลคือตัวเลข PMI ของจีนที่ปรับตัวน้อยลงต่ำกว่าระดับ 50 จุดและชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง 

- เมื่อวานนี้นาย มาริโอ ดรากี้ ประธาน ECB กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังพอมีเวลาดูแนวโน้มของประเทศเกิดใหม่ว่าเป็นการชะลอตัวชั่วคราวหรือถาวร และหากเงินเฟ้อยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในระยะกลางก็อาจจะพิจารณาเพิ่มอีก นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า ECB ได้ใช้เครื่องมือในการดำเนินนโยบายไปหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีสมาชิกกรรมการได้ออกมาแสดงความกังวลว่า เศรษฐกิจของอียูถึงแม้จะอยู่ในทิศทางฟื้นตัวขึ้น แต่การขึ้นยังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ตั้งเป้าไว้ และเงินเฟ้อยังเป็นความเสี่ยงในระยะกลาง

- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังจากระหว่างวันปรับตัวลดลง และ ปรับตัวลดลงมาสองวัน หลังจากมีปัญหาเรื่องตัวเลขการปล่อยไอเสียของค่ายรถยนต์ Volkswagen ล่าสุด CEO ได้ลาออกแล้ว ส่วนโลหะอย่าง แพลตินัม และ พัลเลเดียม มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเมื่อวานนี้ แพลตินัมปรับตัวลดลง เนื่องจาก ใช้เป็นตัวกรองไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล ส่วน พัลเลเดียมที่ใช้กรองไอเสียของเครื่องเบนซิน ความกังวลดังกล่าวคาดว่าคนจะหันไปนิยมเครื่องยนต์เบนซินมากขึ้นหลังจากข่าวนี้

- SPDR เพิ่มสถานะครั้งแรกเมื่อวานที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่เห็นแรงซื้อเข้ามา

ปัจจัยที่ต้องติตตาม

19.30 USD 
Core durable goods orders 0.2% 0.4%
Durable goods orders 268K 264K

21.00 USD 

New home sales 516K 507K

แนวทางทองคำวันที่ 23-9-58

เเนวรับ 1122 1120 1115 เเนวต้าน 1125 1130 1135

ราคาปรับตัวลดลงแรงเมื่อวานนี้หลังจากไม่สามารถขึ้นไปยืน 1136 ได้ และก็ปรับตัวลดลงเกินกว่า 1130 ลงมาด้วย ทำให้ทรงขาขึ้นในระยะสั้นเสียเปรียบไปเรียบร้อย แต่เนื่องจากระดับแนวรับ 1120 แถวนี้มองว่ามีนัยสำคัญค่อนข้างมาก และยังให้น้ำหนักทางฝั่งไม่หลุด หรือหลุดแล้วกลับขึ้นมา เนื่องจากภาพใหญ่รายสัปดาห์นั้นยังพึ่งเริ่มจะเข้าสู่แนวโน้มรีบาวน์ในสัปดาห์ก่อนหน้า และระดับ 1120 นั้นเป็นระดับครึ่งแท่ง Bullish ในสัปดาห์ที่แล้ว จึงมองว่า ไม่ควรจะหลุด 1120 ลงมา หากแต่ว่า ถ้าราคาลงมาจริงนั้น และยืนไม่ได้จะเริ่มเสียความได้เปรียบไปเลย ตอนนี้นักลงทุนต่างเข้าสู่โหมด Risk-off และเงินไหลเข้าพันธบัตรเยอะ ต้องดูว่าเงินจะแบ่งมาลงทองคำไหม

ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ และ Long สุทธิในฟิวเจอร์อีกร่วม 5000 สัญญา ถึงแม้เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงแรง ท่ามกลางความกังวลที่ออกมาเรื่อยๆ นอกจากนี้วันนี้คาดว่าจะได้รับปัจจัยลบจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ส่งมาแบบลงแรง และ การประกาศตัวเลข PMI ของจีนที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง มองว่า ให้ระวังการปรับตัวลดลงออกจากการแกว่งตั Sideways ในช่วงนี้ ค่าเงินบาทยังมองว่า ติดตามให้ดี เนื่องจากเกิด Evening star ในภาพรายสัปดาห์ แต่การรีบาวน์ 2 วันมานี้ค่อนข้างแรง

ทางเลือกหลัก : มองราคาแกว่งตัวเหนือ 1120 และยังให้น้ำหนักทางฝั่งขึ้น

ทางเลือกรอง : ราคหลุด 1120 ลงมาต้องออกมาดูตลาดในระยะสั้นก่อน

รายละเอียด

- ทองคำปรับตัวลดลงกว่า 1% เมื่อวานนี้ท่ามกลางการกลับมากังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED อีกรอบหนึ่ง และทำให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ส่วนตลาดหุ้นอเมริกาก็ได้รับแรงกดดันจากตัวนี้เช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตลาดหุ้นที่ปรับฐานลงมากว่า 1% นั้นมีสาเหตุหลากหลายจาก การขึ้นดอกเบี้ยบ้าง ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงบ้าง การกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกบ้าง รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังปรับตัวลดลง และส่งผลให้พันธบัตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและ Yield อายุ 10 ปีของอเมริกาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2.12% บ่งบอกให้เห็นถึงเงินไหลเข้า Safe-haven ในช่วงนี้ แต่กลับยังไม่ไหลเข้าไปยังทองคำ

- ส่วนทางตลาดหุ้นยุโรปได้มีแรงกดดันเฉพาะตัวอย่าง การรายงานตัวเลขไอเสียของค่ายรถยนต์ Volkswagen ที่พบว่า มีการตั้งค่าให้เครื่องวัดไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลออกมาสะอาดเกินจริงกว่า 10-40 เท่า และปัจจุบันกำลังอยู่ในกระบวนการถูกฟ้องร้อง ส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ของยุโรปได้รับแรงกดดันจากเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากกลุ่มอุตสาหกรรมเหมืองและการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงนี้ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง

- ตลาดหุ้นในโซนเอเซียก็เช่นกันได้รับแรงกดดันจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ออกมาปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่งที่ระดับ 47 จุด จากคาดการณ์ 47.5 และในเดือนสิงหาคมที่ระดับ 47.3 นอกจากนี้ยังอยู่ในระดบัที่ต่ำกว่า 50 ที่บ่งบอกถึงแนวโน้มหดตัวของภาคการผลิต นอกจากนี้ Barclay ยังได้ออกมาปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจจีน (หลังจากวันก่อนมีการปรับลดคาดการณ์จาก ADB) เหลือลงสู่ระดับ 6.6%ในปีนี้ และ 6% ในปีหน้า จากเดิมที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 6.8% ในปีนี้และ 6.6% ในปีหน้า 

- ทางฝั่งกองทุน SPDR ยังคงมีสถานะขายต่อเนื่องในวันจันทร์ที่ผ่านมา ยังแสดงให้เห็นถึง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสนใจกับทองคำนอกจากนี้กลุ่มสินค้าคอมโมดิตีส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวลดลง ร่วมกับ ค่าเงินที่ส่งออกคอมโมดิตีเป็นหลักอย่างออสเตรเลีย ทั้งนี้เป็นตัวยืนยันว่า เงินไหลเข้าไปพักในตลาดพันธบัตรเพียงอย่างเดียวเลยในช่วงนี้ จากความกังวลเรื่องตลาดหุ้นและนักลงทุนเข้าโหมด Risk-off

- ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องเป็นครั้งแรกในสัปดาห์ 5 หมื่นล้านหยวน โดยใช้ Reverse Repo

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

14.00-15.00 EUR 

Flash PMI 52.2 52.3

19.30 USD 

Flash PMI 53.3 53.0

เเนวรับ 1130 1127 1120 เเนวต้าน 1136 1140 1145

ราคาแกว่งตัวลงมาเกินกว่าที่ประเมินไว้ และทำให้เกิดการเสียความได้เปรียบของรูปแบบ Bull flag ไป ในระยะสั้นมองการปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1136 อีกครั้งหนึ่ง หากไม่เจอแรงขายหนักๆ มองว่า ราคาจะเริ่มกลับขึ้นไปอีกครั้ง และหากแรงซื้อเข้ามามากจนผ่านระดับ 1140 ไปได้ จะยืนยันการกลฃับตัวขึ้นตามแนวโน้มใหญ่ทันที เพียงแค่ระยะสั้นนั้นหากขึ้นไม่ไหวและหลุด 1130 ลงมา ก็จะใช้เวลาแกว่งตัวนานขึ้นอีก ภาพรวมยังไม่เสียความได้เปรียบขาขึ้นไปในภาพใหญ่เท่าไรนัก แต่สำหรับเก็งกำไรควรจะตั้งจุดตัดขาดทุนที่ระดับประมาณ 1125- 1130 ช่วงนี้ยังไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเท่าไร เพราะเป็นช่วงกลางเดือนหลังการประชุม FOMC

ต่างชาติหันกลับมา Short สุทธิเป็นวันแรก ประมาณ 5900 สัญญา หลังจาก Long มา 4 วันต่อเนื่องกัน ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ปิดตัวปรับตัวลดลง แต่ยังมองว่า ไม่ได้มีทิศทางที่ชัดเจน ยังคงแกว่งตัวไปอีกสักพักหนึ่งรวมถึงขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้น ถึงแม้เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นอเมริกาจะรีบาวน์ปรับตัวสูงขึ้นมา ค่าเงินบาทอ่อนค่ากลับไปไว แต่ท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดรูปแบบ Evening star ในรายสัปดาห์ของค่าเงินบาท จึงมองว่า ระยะกลาง เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า ทั้งนี้ยังต้องติดตามความผันผวนเหล่านี้

ทางเลือกหลัก : มองราคาแกว่งตัวในกรอบ แต่ยังให้น้ำหนักทางฝั่งขึ้นอยู่ตามแนวโน้มใหญ่ เพียงแต่ต้องปรับตัวเกินกว่า 1140 ให้ได้ ซึ่งในระยะสั้นมองว่าราคาจะไปทดสอบ 1136 –1140 ก่อน

ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1130 ลงมา จะทำให้เกิดการแกว่งตัว Sideways ไปอีกสักพักหนึ่ง

รายละเอียด

- ทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยท่ามกลางการ Rebound ของตลาดหุ้นอเมริกาและยุโรป และค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้น ถึงแม้จะไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจแต่ประธาน FED สาขา Atlanta คุณ Dennis Lockhart ได้กล่าวว่า การตัดสินใจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ Risk management เพื่อที่จะแน่ใจว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินเมื่อเร็วๆนี้จะไม่ลากเศรษฐกิจอเมริกาให้แย่ลง และกล่าวว่า เขายังคงคิดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งตลาดก็หันไปจับตามองการแถลงการณ์ของ นาง เจเนต เยลเลน ในวันพฤหัสนี้ ซึ่งไม่ได้มีผลต่อการเคลื่อนไหวเท่าไร แต่ก็เป็นตัวไกด์ไลน์ให้แก่ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน

- ยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sales) ปรับตัวลดลงสู่ 5.31M จาก 5.58M ซึ่งเป็นการชะลอตัวเดือนแรก (แต่ชะลอตัวแรงสุดนับจากเมษายน) หลังจากขยายตัวต่อเนื่องมา 4 เดือนติดต่อกัน

- คุณ Andrew Keene (Trader) ได้ออกมาให้ความเห็นว่าเกี่ยวกับทิศทางราคาทองคำผ่านกองทุน ETF ชื่อ GLD ว่า การเคลื่อนไหวของเมื่อวานนี้ไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และไม่สามารถปรับตัวผ่านไปได้ เมื่อรวมครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นครั้งที่ 5 แล้ว และคาดว่าจะมีแรงขายตามลงมาเยอะที่ระดับนี้

- กองทุน SPDR ลดสถานะการถือครองทองคำลงอีก 0.53% สู่ระดับ 674.61 ตันในวันจันทร์บ่งบอกให้เห็นถึง Sentiment ของนักลงทุนในตลาดที่ยังไม่สนใจทองคำเท่าไรนัก

- ADB ( Asian Development Bank) ปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจกลุ่มเอเชียลงนำโดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย และการฟื้นตัวของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ยังฟื้นตัวอย่างไม่เข้มแข็ง (Soft recovery) ซึ่งปรับลดเหลือระดับ 5.8% ในปีนี้ และ 6% ในปีหน้า ปรับลดจากเดิมที่ 6.3% ทั้งปีนี้และปีหน้า ทั้งนี้ประเทศที่คาดว่าจะมี Growth ในอนาคตมากที่สุดมองว่าเป็นอินเดียที่จะเติบโตมากกว่าจีน

- S&P ได้ออกมาประเมินสถานะของอุตสาหกรรมธนาคารของจีนพบว่า มีความเสี่ยงพอๆกันกับประเทศบราซิล และ ได้ปรับลดจากระดับ Stable ไปสู่ Negative สาเหตุมาจาก หนี้เสียที่เกิดท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

แนวทางทองคำวันที่ 21-9-58

เเนวรับ 1136 1133 1130 เเนวต้าน 1142 1145 1150

ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องหลังจากได้รับข่าวบวกจากที่ประชุม FOMC ที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ และ ระยะกลาง กราฟรายสัปดาห์ก็บ่งบอกถึงทิศทางการฟื้นตัวได้ โดยมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 1150 เป็นแนวต้านแรก ทั้งนี้การขึ้นยังจำกัดและน่าจะยังคงไม่ได้เห็นการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงเท่าไร เพราะ ยังมีเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตคอยกดดัน ระยะสั้นนี้มองราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม Bull flag ซึ่งจากที่เห็นยังไม่ยืนยันรูปแบบนี้เท่าไรนัก คาดว่าต้องใช้เวลาแกว่งตัวออกข้างไปอีกระยะหนึ่งถึงจะชัด แนวรับระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1135 + - ซึ่งหากหลุดตรงนี้ไปมองว่ารูปแบบ Bull flag จะเสียความได้เปรียบ ราคาจะแกว่งตัวนานขึ้น

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย แต่หันกลับมา Long สุทธิเป็นวันที่ 3 กว่า 10000 สัญญา วันศุกร์หลังจากตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นนั้นแต่กลับเจอแรงขายและปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกาที่ควรจะเป็นข่าวบวกระยะกลาง แต่ตลาดกลับตอบรับเท่านี้ ทำให้ภาพรวมยังไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไรนัก ผู้เล่นตอนนี้ต่างชาติและสถาบันเริ่มปิด Short สะสม Long อย่างต่อเนื่อง ต้องติดตามว่าผลลัพธ์ที่สู้กับรายย่อยที่เปิด Short ไว้มากจะเป็นอย่างไร เงินบาทแนวโน้มแข็งค่า

ทางเลือกหลัก : มองราคาพักตัวเล็กน้อยอยู่ในสามเหลี่ยม ซึ่งยังมองเป็น รูปแบบขึ้นต่อหลังจากการพักตัวรอบนี้

ทางเลือกรอง : ราคาหลุดกรอบล่างสามทเหลี่ยมลงมา คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการแกว่งตัวอีกสักพักหนึ่ง และการปรับฐานระยะสั้นจะยังคงมี แต่ภาพรวมยังมองการปรับตัวลดลงไม่มาก

รายละเอียด

- หลังจากสัปดาห์ที่แล้วมีการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างจับตามองตัวเลขเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเชียซึ่งคาดว่าจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้ เริ่มจากวันพุธจะมีประกาศตัวเลข Caixin PMI ซึ่งในเดือนก่อนหน้านั้นออกมาค่อนข้างชะลอตัวที่ระดับ 47.3 จุดซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มีนาคมปี 2009 ส่วน Ofiicial PMI ที่เป็นสากลเหมือนกับ PMI ประเทศอื่นๆนั้นปรับตัวลดลงสู่ระดับ 49.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2012 ทั้งนี้ระดับ 50 นั้นเป็นตัวคั่นระหว่าง การขยายตัว และหดตัว ตัวเลขที่ออกมาระดับ 49.7 นั้นบ่งบอกว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงหดตัวอยู่ จากนั้นข้ามไปยังวันศุกร์ จะมีประกาศตัวเลข CPI ของญี่ปุ่นซึ่งคาดว่าจะทรงตัว (Stay flat) หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำ และ ตลาดยังต้องการมาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม

- ทองคำปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ประชุมคบงอัตราดอกเบี้ยไว้ ซึ่งสินทรัพย์ที่ไม่จ่ายดอกเบี้ยอย่างทองคำนั้นจะได้รับประโยชน์จากตรงนี้ ส่วนตลาดที่ได้เปรียบในช่วงนี้คือ ตลาดพันธบัตร ทองคำ และ กลุ่ม Emerging market ซึ่งทองคำนั้นปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนพันธบัตรมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องจน Yield ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก (Sharply lower) ทั้งนี้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อย่างอเมริกาและยุโรป กลับปรับตัวลดลง ส่วนกลุ่มที่ได้รับประโยชน์อีกกลุ่มหนึ่งนั้น คือกลุ่มประเทศ Emerging market ซึ่งหากขึ้นดอกเบี้ยขึ้นมาจะทำให้เงินไหลออกจากกลุ่มประเทศนี้ ทั้งนี้ข้อมูลจาก Nomura พบว่า ทิศทาง Fund flow ไหลกลับเข้ามาในเอเชียเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 9 สัปดาห์ จำนวนเล็กน้อย 389 ล้านดอลลาร์ หลังจากเงินไหลออกร่วม 11000 ล้านดอลลาร์ 

- Hedge fund ปรับลดการถือครองสถานะ Bullish bet ลง สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ส่วนทองคำสำรองของรัสเซียเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 42.4 ล้านทรอยออนซ์ จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 41.4 ล้านทรอยออนซ์

- ผลการเลือกตั้งของกรีซเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า นาย ซิปราส พรรคฝ่ายซ้ายได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 

- Moody’s ปรับลดเครดิตเรตติ้งฝรั่งเศสอีกสู่ระดับ Aa2 เนื่องจากการชะลอตัวและแนวโน้มยังไม่ฟื้น

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

21.00 USD 

Existing home sales 5.50 5.59

แนวทางทองคำวันที่ 18-9-58

เเนวรับ 1125 1123 1120 เเนวต้าน 1132 1135 1140

ผลการประชุม FOMC เมื่อวานนี้พบว่า ที่ประชุมยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิมที่ระดับ 0.25% ทำให้ข่าวนี้เป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำในระยะกลาง และคาดว่าจะทำให้ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ไปยังระดับใกล้ 1150 หรือสูงกว่า จากแนวโน้มหลังข่าวการประชุมออก ที่มักจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องไประยะสั้นสัก 1-2 วัน เมื่อดูสถิติเมื่อมีการประกาศเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว พบว่า ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องหลังจากการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย (ประมาณ $30-40) ในระยะสั้นมองการย่อตัวลงมาเล็กน้อยถึงระดับประมาณ 1125 + -นิดหน่อย แต่ยังมองเป็นการลงปรับฐานเพื่อจะขึ้นต่อ ในวันนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกา แต่เป็นวันศุกร์ต้องติดตามความผันผวนให้ดี

ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย และยัง long สุทธิเป้นวันที่สองติดต่อกัน เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นมาในวันนี้คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เพียงแต่ว่า ปัจจัยบวกนั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหนเท่านั้นเอง เพราะ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไรนักสำหรับเมื่อคืนนี้ ยังคงมองระดับ 1400 จุดเป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา และค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าลงมาแล้ว ล่าสุดแข็งค่าออกกว่าระดับ 35.85 มองว่าการแข็งค่าจะมีอีกต่อเนื่องสักระยะ

ทางเลือกหลัก : มองราคาพักตัวลงมาเล็กน้อยก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อสูงกว่านี้อีก แนวรับ 1125 แนวต้าน 1135 ในระยะสั้น

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ผลการประชุม FOMC เมื่อวานนี้พบว่าที่ประชุมยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ไว้ที่เดิม โดยให้เหตุผลหลักของการคงดอกเบี้ยมาจาก 1. เงินเฟ้อของอเมริกาและทั่วโลกยังอยู่ระดับต่ำ นอกจากนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปัจจุบันคาดว่าจะยังไม่ช่วยให้เงินเฟ้อเกิดในระยะกลางได้2.การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีจากนโยบายที่ลดค่าเงินหยวนลงในเดือนที่แล้ว 3. ความผันผวน (Turm-oil) ของตลาดการเงินทั่วโลก ที่ก่อนหน้านั้นมีกระแสคล้าย Taper tantrum และตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง โดยให้ความเห็นการชะลอตัวการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนีเป็นเพียง Tactical เพื่อเป็นการประเมินข้อมูลที่มีอยู่เทียบกับความเสี่ยงเพิ่มเติมอีก สำหรับการคงดอกเบี้ยนั้นเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ นักลงทุน และนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กัน จึงไม่มีการเคลื่อนไหวรุนแรงมากนัก และคาดว่าจะยังคงคลุมเครือต่อไป ส่วนตัวทองคำมองว่าได้ประโยชน์จากการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ในรอบนี้ ถึงแม้จะไม่เท่าไรนัก แต่ก็ยังพอมีช่องว่างสำหรับการขึ้นได้

- Yellen’s labor market dashboard ซึ่งเป็นกระดานวัดตัวเลขตลาดแรงงานว่าอยู่ในเกณฑ์ใดเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติ พบว่า หลายตัวออกมาดีกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Job openings rate หรือแม้แต่ตัวเลข NFP (non-farm payroll) ที่ยังออกมาเกินกว่าวิกฤติ มีเพียงอัตราว่างงานที่ยังอยู่ระดับ 5.1% สูงกว่าวิกฤติเล็กน้อยที่ 5% ซึ่งมองว่าใกล้จะเข้าระดับว่างงานก่อนวิกฤติแล้ว มีเพียง Labor force participation rate ที่ยังน่าเป็นห่วงและยังอยู่ระดับต่ำที่ 62.6% เทียบกับช่วงก่อนวิกฤติที่ 66.1% แสดงให้เห็นถึง มีคนออกจากกำลังแรงงานไปค่อนข้างมาก ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงเร็ว ตามที่ FED ให้ความเห็นว่า ตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่ยังมีบางจุดที่อยากเห็นการพัฒนากว่านี้รวมทั้งค่าจ้างที่ยังไม่สูงนัก

- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 264K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 275K และคาดการณ์ 276K ส่วนยอดขออนุญาติก่อสร้างปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และ ตัวเลขขอสร้างบ้านปรับตัวลดลง ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างผสม แต่ทองคำไปรับข่าว FOMC มากกว่า

- ตัวเลขค่าพรีเมียมในอินเดียยังคงปรับตัวลดลงและอยู่ระดับติดลบ แสดงให้เห็นว่า ความต้องการทองคำแท่งในเอเชียนั้นยังคงเบาบาง และ ไม่ได้สนับสนุนการขึ้นเท่าไรนัก