ประชาสัมพันธ์
แนวทางทองคำวันที่ 13-11-58
แนวรับ 1080 1075 1070 แนวต้าน 1086 1090 1096
จากระดับปัจจุบันราคาลงมาทั้งหมด 12 วันติด (มีพักปิดบวกเล็กน้อยวันเดียว) ซึ่งดัชนีที่เป็นตัววัด Overbought–oversold ยังคงกองอยู่ในระดับที่เป็น Oversold มาสักพักหนึ่ง ซึ่งเป็นไปในระดับเดียวกันกับช่วงเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะดีดขึ้นมา ซึ่งระดับปัจจุบันมีทางเลือกสองทางคือ ซื้อระยะสั้นสวนแนวโน้ม หรือ รอให้ราคาดีดแล้วค่อยขาย ซึ่งทางหลังเป็นทางที่แนะนำมากกว่า เนื่องจาก ภาพรวมรวมทั้งปัจจัยพื้นฐานบ่งบอกทางลง แต่ด้วยภาวะ Oversold มองว่าขายก่อนตรงนี้ไม่คุ้ม
USD/THB
ผลการประมูล 4G เมื่อวานนี้ภาครัฐได้รายได้มูลค่ารวมมากกว่า 80000 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มสื่อสารกดดันดัชนี เนื่องจากมองว่าต้นทุนที่ประมูลมานั้นค่อนข้างสูงจนเกินไป และทำให้ภาพรวมของดัชนียังคงเสียทรงต่อเนื่อง ซ้ำด้วยตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังคงปรับตัวลดลง ทิศทางกระแสเงินต่างชาติยังคงไม่มีทิศทางที่ชัดเจน และเงินยังไหลออกอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งแนวต้าน 36.00
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 276K เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า ในขณะที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 270K ทั้งนี้ข่าวบวกกับมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย (ประมาณ $2) ก่อนที่จะปรับตัวลดลงต่อ
- เมื่อวานความเห็นของประธาน FED คุณ เจเนต เยลเลน ได้ออกมาแลถงการณ์เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยซึ่งยังมีแนวโน้มจะขึ้นในเดือน ธันวาคม ส่วนประธาน FED สาขา ท่านอื่น ยังคงให้ความเห็นต่างๆกันโดยเรื่องที่กังวลมากที่สุดน่าจะเป็น เรื่องของเสถียรภาพของเศรษฐกิจทั่วโลกและอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้เงินดอลลาร์กลับอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ถึงแม้จะมีความเห็นไปในทางขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลง –1.4% ได้รับแรงกดดันจากน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง
- มีความเห็นจาก คุณ Draghi ประธาน ECB ออกมาในทางที่ว่าในอนาคตน่าจะมีการดำเนินนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมอีก โดยแสดงความกังวลหลักๆเกี่ยวกับทิศทางของอัตราเงินเฟ้อและเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมา และมองว่า เงินเฟ้อกว่าจะเข้าเป้าต้องใช้เวลายาวนานขึ้น ทั้งนี้ตลาดหุ้นกลับปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากได้รับแรงกดดันทางฝั่งน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแรง และ การปรับตัวลงของหุ้น Roll-Royce ที่ทำเครื่องยนต์เครื่องบินหลังจากคาดว่าในปีหน้าจะมีกำไรไม่เข้าเป้า
- งบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐของจีนเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นไปตามนโยบายของจีนที่มีแนวโน้มจะใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังซบเซาอยู่
- คุณ ชินโซ อาเบะ แสดงความกังวลของวัยแรงงานในประเทศญี่ปุ่นที่ทำงานหนักจนเกินไป และอยากให้บริษัทออกนโยบายให้พนักงานไปใช้ชีวิตด้านอื่นบ้าง ซึ่ง คุณ อาเบะ แสดงความกังวลเรื่องนี้มาสักพักหนึ่ง
- น้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งหลังจากสต๊อกน้ำมันดิบออกมามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 4 เท่า ทั้งนี้น้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจาก OPEC ที่ยังยืนยันว่าจะยังคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับเดิม
- กองทุน SPDR ลดสถานะลงอีกสู่ระดับ 661.94 ตัน ซึ่งยังเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ส่วนกองทุนใหญ่ที่ลงทุนในทองคำ 8 กองอยู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2010
แนวทางทองคำวันที่ 12-11-58
แนวรับ 1085 1080 1070 แนวต้าน 1096 1103 1110
เมื่อวานนี้เป็นวันหยุดทำการของอเมริกาทำให้ราคายังเคลื่อนไหวค่อนข้างนิ่ง ยังอยากลุ้นให้ขึ้นไปทดสอบระดับ 1095 อีกครั้งหลังจาก โมเมนตัมทางบวกเริ่มส่งมา ทั้งนี้แต่ละครั้งที่ขึ้นดูจะค่อนข้างอ่อนแรง ต้องติดตามให้ดี เพราะ ภาพรวมยังอยู่ในขาลงที่ค่อนข้างชัดเจน แต่การลุ้นขึ้นเป็นเพียงวการพักตัวในฝั่งลงเท่านั้น และเป็นการสวนแนวโน้มในภาพหลัก แต่ยังพอมีลุ้นสำหรับการรีบาวน์ท่ามกลางภาวะ Oversold เช่นนี้ ทั้งนี้หากหลุดระดับ 1085 ต้องทำการตัดขาดทุน
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1085 ลงมามองว่า จะจบการรีบาวน์และราคาจะปรับตัวลดลงต่อไปอีกในอนาคต จากแนวโน้มเดิมที่ส่งมาทางลงชัดเจน
USD/THB
ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ปรับตัวลงท้ายตลาดต่อเนื่องอีก และยังยืนยันในฝั่งขาลงเพิ่มเติม ต้องติดตามผลการประมูลคลื่น 4G ในวันนี้ ปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผู้ที่ชนะประมูลอาจจะแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงแล้ว หลังจากราคาประมูลรอบที่ผ่านมาค่อนข้างแพง ส่วนต่างชาติยังคง Short สุทธิอีกเล็กน้อยประมาณ 2000 สัญญา ทั้งนี้ค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าเล็กน้อยในระยะสั้น ท่ามกลางแนวโน้มของการอ่อนค่า
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- เมื่อวานนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเนื่องจากเป็นวันหยุดชดเชยวันทหารผ่านศึก มีเพียง Comment ของประธาน FED สาขา ซานฟรานซิสโก คุณ Williams กล่าวไปในทางที่ว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะขึ้นในเดือน ธันวาคมนี้แน่นอนหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง (โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและ ตัวเลขอัตราว่างงาน ที่ปรับตัวดีขึ้นแรง)
- จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้กดดันกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานต่อไปอีก และ ล่าสุดมีการเปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบยังพบว่าทรงตัวอยู่ระดับสูง และเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า
- ผลการประชุม ECB เมื่อวานนี้ยังพบว่า ไม่มีอะไรใหม่ ไม่ได้มีมาตรการผ่อนคลายอะไรเพิ่มเติม ถึงแม้นักลงทุนจะรู้อยู่แล้วว่าไม่น่าจะมีอะไรใหม่ แต่ก็ยังแสดงความผิดหวังออกมาตามหน้าข่าว ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ให้ติดตามช่วงเดือนหน้าเช่นกันว่าจะมีมาตรการอะไรใหม่ๆออกมาจากทาง ECB หรือไม่
- อัตราว่างงานของอังกฤษ (UK) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปี 2008 ซึ่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจของอเมริกาขึ้น
- ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ระดับ 7.5% ในเดือนกันยายน มากกว่าเดือนก่อนๆหน้าที่ติดลบ นักวิเคราะห์ยังประเมินว่า กังวลที่เศรษฐกิจจะเกิดการถดถอยทางเทคนิคขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา
- ยอดค้าปลีกของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11% สูงสุดในปีนี้ ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% สูงสุดในรอบ 10 เดือน ทั้งนี้ตลาดหุ้นจีนยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปรับตัวลดลงอีก 3% หลังจาก นักลงทุนคาดการณ์ว่า ภาวะไม่สมดุลของ Demand และ Supply จะใช้เวลานานขึ้นในการปรับตัว หลัง Supply มีแนวโน้มจะยังคงล้นตลาดต่อไป
- สต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 6 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังแสดงให้เห็นว่า น้ำมันดิบทั่วโลกยังทรงตัวในระดับที่มาก
แนวทางทองคำวันที่ 11-11-58
แนวรับ 1090 1085 1080 แนวต้าน 1096 1103 1110
ราคายังคงปรับตัวอยู่ในกรอบ
ทางเลือกรอง : ราคายังคงแกว่งตัวในกรอบ ได้กรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันลงมาถ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลง
- ตัวเลขราคาส่งออกของอเมริกา
- นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ
- มีข่าวทางฝั่ง ECB ประมาณว่า ECB น่าจะยังไม่ทำอะไรในเดือน ธันวาคม และ คาดว่าจะรอให้อเมริกาขึ้นอั
- ตลาดหุ้นยุโรปค่อนข้างทรงตั
- Goldman sachs จะยกเลิกแผนกที่ลงทุนในกลุ่
- คุณ ชินโซ อาเบะ ส่งสัญญาณลดอัตราภาษีนิติบุ
- OPEC เตรียมพิจารณาโควต้าการผลิต
- SPDR ลดสถานะการถือครองทองคำลงอี
แนวทางทองคำวันที่ 10-11-58
แนวรับ 1090 1085 1080 แนวต้าน 1098 1100 1110
ราคารีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อยส
ทางเลือกรอง : ราคารีบาวน์ขึ้นไปเกินกว่า 1096 จะมองว่า ชะลอการลงเล็กน้อยในช่วงนี้
USD/THB
ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- เมื่อวานนี้ไม่มีประกาศตัวเ
- OECD (The Organisation for economic Co-operation and development) ได้ออกมาปรับลดคาดการณ์การเ
- ตัวเลขการส่งออกของเยอรมันป
- ดัชนีหุ้นของโปรตุเกส (PSI20) )ปรับตัวลดลงแรงกว่า 4% หลังจากพรรคฝ่ายขวาได้รับกา
- ตัวเลขเงินเฟ้อของจีนปรับตั
- ค่าจ้างแรงงานญ่ปุ่นปรับตัว
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล
- แรงซื้อจากกองทุน ETF ที่อ้างอิงในทองคำค่อนข้างเ
แนวทางทองคำวันที่ 9-11-58
แนวรับ 1090 1085 1080 แนวต้าน 1098 1100 1110
จากตัวเลขที่ออกมาในเดือนนี
USD/THB
ตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงลงและ
ปัจจัยทื่ต้องติดตาม
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษต
- ตลาดหุ้นค่อนข้างทรงตัว ถึงแม้ตัวเลขจะออกมาดี เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยจะ
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเล็กน้
- เหตุการณ์ที่เครื่องบินของร
- ดัชนีหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ
- ตัวเลขการส่งออกของจีนหดตัว
- ราคาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยล
- ความน่าจะเป็นที่จะขึ้นดอกเ
- SPDR ลดการถือครองลง 0.4% สู่ระดับ 669.09 ตัน ส่วนกองทุนยังลดสถานะลง
- จีนสำรองทองคำเพิ่มอีก 14 ตันในเดือน ธันวาคม ข้อมูลเปิดเผยจาก Reuters
แนวทางทองคำวันที่ 6-11-58
แนวรับ 1106 1100 1080 แนวต้าน 1111 1118 1125
วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll : NFP) ที่คาดการณ์ว่าตัวเลขจะออกมาดีขึ้น และเป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ แต่ทั้งนี้ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังเช่นเดิม เนื่องจากระดับ Oversold ของ RSIในปัจจุบันใกล้เคียงกับการที่ราคาเคยลงมาช่วง $1080 ถึงแม้จะมีโอกาสผิดและราคาลงต่อได้แต่ก็เป็นข้อควรระวัง อีกทั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาช่วงก่อนหน้านั้นต่างหดตัวลงหมด จึงอาจจะออกมาน้อยกว่าคาดการณ์ได้ ทั้งนี้ต้องติดตามตัวเลขจริง
ทางเลือกรอง : ราคาไม่ขึ้นและปรับตัวลดลงเกินกว่าระดับ $1100 ก็จะลงต่อไป มีแนวรับถัดไป 1080-1090 ที่เป็นจุดต่ำสุดในรอบก่อนหน้า
USD/THB
ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังดูไม่ดีเท่าไรนัก หลังจากไม่สามารถขึ้นไปทำ New-high ที่เหนือกว่า 1430 ได้ในระยะสั้น หากยังไม่สามารถผ่านไปได้ ให้ใช้ความระมัดระวังทางฝั่งลง โดยมีแนวรับสั้นๆบริเวณ 1400-1392 ยังมองการเคลื่อนไหวในกรอบนี้ และต้องติดตามผลตัวเลข NFP ในคืนนี้ว่าจะมีทิศทางเช่นไร ทิศทางค่าเงินบาทยังคงทรงตัวอยู่แถวบริเวณนี้
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- เมื่อวานมี Comment ของประธาน FED สาขา Atlanta คุณ Lockhart ออกมาในทางที่ว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างดีแล้ว อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะขึ้นได้ในปีนี้ แต่ยังแสดงความกังวลถึงเงินเฟ้อและการฟื้นตัวอย่างแท้จริงว่าจะเริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อไร
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 276K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 260K และคาดการณ์ 262K
- อัตราการ Layoff พนักงานของ US ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 14% ในเดือนตุลาคม เป็นการลดลง –1.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- ตลาดหุ้นทางฝั่งอเมริกาค่อนข้างทรงตัวหลังจากนักลงทุนต่างติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนนี้
- European commission ปรับเพิ่มการเติบโตของยูโรโรโซนในปี 2015 นี้ หลังจาก มองว่าอุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่ยังมองว่าเงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายในระยะกลาง ทั้งนี้อุปสงค์ในต่างประเทศโดยเฉพาะจีนกลับปรับตัวลดลง สังเกตุจากยอดสั่งซื้อจากนอกประเทศปรับตัวลดลงแรง
- ธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม ทั้งนี้ประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่กำลังจะขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดียวกับ US แต่ยังมีปัญหาเรื่องเงินฝืด
- ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียค่อนข้างทรงตัวรอผลการประกาศตัวเลข NFP เช่นเดียวกับตลาดหุ้น ตลาดเงินทั่วโลก ในช่วงเช้าจะมีการออกมาพูดของ คุณ คุโรดะ ประธาน BOJ คาดว่าจะยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม
- หอการค้าไทยเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 73.4 เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ ดัชนีซื้อบ้านใหม่และความต้องการซื้อรถยนต์
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 2% หลังจากซาอุดิอาระเบียประกาศขายน้ำมันในราคาที่มีส่วนลดให้กับผู้ซื้อในยุโรปเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากรัสเซียและอิรัก ซึ่งมองว่า ในสภาวะที่ Supply ล้นตลาดเช่นนี้จะทำให้ราคาน้ำมันดิบยังไม่ฟื้นตัว
- ทองคำปรับตัวลดลง 7 วันทำการต่อเนื่องกัน หลังจากความเห็นของประธาน FED แต่ละท่านบ่งบอกถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด
แนวรับ 1110 1105 1080 แนวต้าน 1112 1118 1125
ราคายังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ลงมาสู่ระดับ 1106 เมื่อเช้านี้ ซึ่งเป็นการหลุด Trend line อันใหญ่ที่บริเวณ 1120 ถึงแม้ภาพรวมจะยังคงเป็นลบชัดเจน และ มองการปรับตัวลดลงต่ำกว่านี้อีกมาก แต่มองว่า ระยะสั้นอยากเห็นการรีบาวน์ประมาณ $10-20 ก่อน เนื่องจากอยู่ในภาวะ Oversold มาตลอดทาง และสร้าง Divergent หลายลูกขึ้น ทั้งนี้หากรีบาวน์ไม่ไหวตามที่ 2 วันที่ผ่านมาเป็นก็จะปรับตัวลดลงต่อ เพียงแต่ราคาปรับตัวลดลงมา 6 วันติดกัน โดยไม่มีการพักตัวเลย ต้องระมัดระวัง
ทางเลือกรอง : ราคายังลงต่อและหลุดลงไปอีก จากเดิมที่มองลบอยู่แล้ว จะมองลึกขึ้นไปอีก มองว่า จะหลุด 1100 ลงมาเล่นกันแถว 1070-1080 อีกรอบหนึ่งในระยะกลาง
USD/THB
ต่างชาติยังคง Long สุทธิในฟิวเจอร์เพิ่มขึ้นอีก 9000 สัญญา ภาพรวมของตลาดหุ้นยังไม่มีทิศทางที่เป็นนัยสำคัญ แต่มีที่น่าสนใจคือ ต่างชาติเข้าสะสม Long เรื่อยๆในช่วงที่ผ่านมา ตรงกันข้ามกับนักลงทุนสถาบันและรายย่อยที่เปิด Short สะสมไว้ค่อนข้างมาก ต้องติดตาม ส่วนทิศทางค่าเงินบาทเมื่อวานนี้ กนง ไม่ลดดอกเบี้ย คงไว้ระดับ 1.50% จึงมองว่า เงินบาทน่าจะแข็งค่าในระยะสั้น แต่ยังมองการแกว่งตัวในกรอบแทน
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- อเมริกากลับมาทางกังวลการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้ คุณ เจเนต เยลเลน ประธาน FED ได้ออกมาให้ความเห็นว่า การขึ้นดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงที่จะขึ้นในเดือน ธันวาคม โดยมีเงื่อนไขว่า หากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาช่วงหลังจากนี้ไม่ได้มีการปรับตัวแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันมองว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว โดยเฉพาะ การบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ยังให้ความเห็นเรื่องอัตราเงินเฟ้อไว้ว่า คาดว่าจะปรับตัวเข้าสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง จากอัตราว่างงานที่เริ่มกลับเข้าสู่การว่างงานตามธรรมชาติ (ประมาณ 5%) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระดับ 5.1%
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลงเล็กน้อยท่ามกลางข่าวขึ้นดอกเบี้ย ในทางกลับกัน Yield พันธบัตรอายุ 2 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.82% สะท้อนการขึ้นดอกเบี้ย
- ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปปรับตัวลดลงนำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เมื่อวานนี้ ราคาหุ้นของ Volkswagen ปรับตัวลดลงแรงกว่า 9% ท่ามกลางเรื่องการโกงตัวเลขการปล่อยไอเสีย และลากอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมลงมาด้วย ส่วนฝั่ง Glencore หุ้นกลุ่มเหมืองได้ช่วยพยุงตลาดไว้ หลังจากมีแผนปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปผันผวนในกรอบแคบๆ เนื่องจาก ถึงแม้จะมีข่าวลบกับผลประกอบการ แต่ได้เรื่องของ Sentiment ตลาดโดยเฉพาะจีนที่ส่งมาในทางบวก
- ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปปรับตัวลดลงนำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เมื่อวานนี้ ราคาหุ้นของ Volkswagen ปรับตัวลดลงแรงกว่า 9% ท่ามกลางเรื่องการโกงตัวเลขการปล่อยไอเสีย และลากอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมลงมาด้วย ส่วนฝั่ง Glencore หุ้นกลุ่มเหมืองได้ช่วยพยุงตลาดไว้ หลังจากมีแผนปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปผันผวนในกรอบแคบๆ เนื่องจาก ถึงแม้จะมีข่าวลบกับผลประกอบการ แต่ได้เรื่องของ Sentiment ตลาดโดยเฉพาะจีนที่ส่งมาในทางบวก
- ข่าวบวกเมื่อวานในตลาดหุ้นจีนนอกจากตัวเลข PMI ภาคบริการที่ออกมามากขึ้นนั้นยังมีเรื่องของการเชื่อมปลั๊กระหว่างตลาดหุ้นฮั่งเส็ง และ เสินเจิ้น ในปีนี้ (อาจยาวไปจนถึงต้นปีหน้า ) และทางการฮ่องกงกำลังพิจารณาอยู่ ในปีที่แล้วมีการเชื่อมปลั๊กทีหนึ่งแล้ว ระหว่างจีนและฮ่องกง ทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นจีนอย่างคึกคัก
- ธปท คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม ที่ระดับ 1.5% และให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปในไตรมาสที่ 3 นี้แล้ว
- มีความเห็นจากประธาน FED สาขา Dudley เพิ่มอีกว่า การขึ้นดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้ในเดือนธันวาคมเช่นกัน ส่งผลให้ตัวฟิวเจอร์ที่บ่งบอกให้เห็นถึงความน่าจะเป็นที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50% จากช่วงก่อนหน้าที่อยู่แค่ 30% เท่านั้น
- ถึงแม้ SPDR จะลดสถานะการถือครองทองคำลง แต่ MKS มองว่า มีแรงซื้อเข้ามาจากเอเชียในช่วงที่ราคาลดลงนี้
แนวรับ 1118 1115 1110 แนวต้าน 1125 1130 1135
จากระดับปัจจุบันราคาลงมาทดสอบแนวรับ 1120 พรวดเดียว (จากเมื่อวานที่มองรีบาวน์ แต่รีบาวน์เล็กน้อยก่อนที่จะลง) ระดับนี้มองว่ายิ่งเข้าใกล้แนวรับสำคัญ ยิ่งมีโอกาสลุ้นดีดตัวขึ้น ทั้งนี้ให้ระมัดระวังหากหลุดระดับนี้ลงไปต่ำกว่า 1120 มองว่า ราคาจะไปสู่โซนการซื้อ-ขายใหม่ที่มองลึกลงไปหลุด 1100 ภาพรวมยังเป็นขาลงชัดเจน แต่ด้วยภาวะ Oversold รายทางมาตลอด ยังลุ้นการดีดรีบาวน์และรอขายน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าขายในตอนนี้
ทางเลือกรอง : ราคาไม่ยอมรีบาวน์และไหลลงมาต่อเนื่อง ก็มองว่า จะยังคงลงต่อ แต่ไม่อยากให้รับความเสี่ยงหลังจากราคาลงมาโดยไม่มีการรีบาวน์เลย 5 วันติดต่อกัน
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ยังมองว่า ต้องใช้เวลารอดูทิศทางเพิ่มเติม หลังจากมองลงมาช่วงก่อนหน้าแต่ดัชนีก็ดีดสวนกลับมาแรง รวมถึงสถานะ Long สุทธิของต่างชาติยังอยู่ในระดับที่สูง ทั้งนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวน บวก ลบ สลับกัน จึงทำให้ยังไม่เห็นแนวโน้มที่ชัดเจน ส่วนค่าเงินบาทเป็นไปในทางเดียงกันคือ ยังแกว่งตัว Sideways เช่นเดิม
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเมื่อวานนี้ หลังจากกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 4% ไปอยู่ที่ระดับ $47/บาร์เรล ส่งผลให้กลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2.5% เมื่อวานนี้ ทั้งนี้ตลอดทั้งปีกลุ่มพลังงานยังปรับตัวลดลงสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ปรับตัวลดลง 10% YTD
- ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง –0.1% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ส่วนยอดขายรถยนต์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ Dow transport เป็นดัชนีวัดกลุ่มบริษัทขนส่งที่จดทะเบียนในดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้
- พันธบัตรอายุ 10 ปีของอเมริกา ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 2.2% เป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ธันวาคม
- ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางผลประกอบการกลุ่มแบงค์ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น UBS และ Standard charter (SC) โดยเฉพาะ SC ที่ประกาศงบออกมาขาดทุนและกำลังจะยกเลิกการจ่ายเงินปันผล และคาดว่าจะมีการเพิ่มทุน สาเหตุหลักมาจากการที่ธนาคารเร่งลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และจีน ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้งนี้ตลาดหุ้นถึงแม้จะได้รับข่าวลบจากกลุ่มธนาคารและรถยนต์ แต่กลับปรับตัวขึ้นท่ามกลางน้ำมันดิบที่รีบาวน์ขึ้นมา
- ตัวเลข PMI ภาคบริการของจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 52 จุด เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กรกฎาคม 2015 เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ Caixin ที่ปรับตัวดีขึ้น
- ราคาเปิดตลาดของ Japan Post holding ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง JP Holding นี้ถือว่าเป็นการ IPO ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปีนี้ ซึ่งกิจการดำเนินเกี่ยวกับ ธนาคาร และประกันภัยเป็นหลัก
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยตอนเปิดตลาดเช้านี้ (+0.2%)
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น 4% ไปอยู่ระดับ $47/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะมี Supply ออกมาน้อยลง
- กองทุน SPDR ขายทองคำออกมาอีก 3 ตัน เมื่อวานนี้ คงเหลือการถือครองระดับ 689.28 ตัน ซึ่งคิดเป็นระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์
- แรงซื้อจากกองทุน ETF เข้ามาค่อนข้างน้อยในช่วงครึ่งปีหลัง
แนวรับ 1135 1130 1120 แนวต้าน 1140 1143 1145
ณ ระดับราคาปัจจุบัน มองว่า การลงมาเมื่อวานนั้นค่อนข้างเบาและความผันผวน+ความรุนแรงค่อนข้างน้อยมองว่า การลงมาแบบนี้มีโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก ประกอบกับการลงมาติด Oversold ทั้งรายชั่วโมงและรายสี่ชั่วโมง จึงให้น้ำหนักของการรีบาวน์มากขึ้นกว่าเมื่อวาน (เมื่อวานรีบาวน์เพียงเล็กน้อย) โดยมองแนวต้านประมาณ 1140-1145 ทั้งนี้ภาพรวมราคาเข้าขาลงชัดเจนในภาพวัน และ สัปดาห์ มองว่า การขึ้นในวันนี้จะเป็นการพักตัวในฝั่งลงเท่านั้น
ทางเลือกรอง : ราคารีบาวน์เพียงเล็กน้อยและปรับตัวลดลงต่อจะมองการปรับตัวลดลงในภาพกลางไปจนถึงระดับ 1110-1120 หรืออีกทางหนึ่งราคาปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งยังไม่ให้น้ำหนักทางนั้น
USD/THB
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นผิดคาด เป็นการปรับตัวขึ้นแรง จากตัวเลขกลุ่มของพลังงานและธนาคารที่ออกมาพบว่ามีผลประกอบการดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะแย่กว่านี้ ต่างชาติหันกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น และหันกลับมา Long มากถึง 9000 สัญญา ภาพรวมตลาดหุ้นยังมองว่า ต้องดูความชัดเจนกว่านี้อีกครั้งหนึ่งไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินบาทที่มองว่า ยังคงแกว่งตัวในกรอบเช่นเดียวกัน
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 50 จุดเล็กน้อยตัวเลขออกมา 50.1 จุด น้อยกว่าเดือนก่อนหน้า 50.2 จุด ทั้งนี้ดัชนีภาคการผลิตปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ระดับปัจจุบันเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง (นับจาก มิ.ย. 2013) บ่งบอกให้เห็นถึงการชะลอตัวของภาคการผลิต และ ให้ระวังแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงกว่า 50 จุดซึ่งเป็นสัญญาณของการหดตัว
- ดัชนีหุ้น SP 500 ปรับตัวเพิ่มสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน สิงหาคม นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน และ Healthcare (+2%) นอกจากนี้ตลาดมองตัวเลข PMI ที่ออกมาน้อยลงนั้นเป็นข่าวดี เลือกมองว่า ระดับปัจจุบันยังเกินกว่า 50 ที่ยังบ่งบอกถึงการขยายตัว คิดว่า นี่เป็นข่าวร้ายในตลาดกระทิงที่ผู้คนเลือกที่จะไม่สนใจต่อข่าวร้าย
- ดัชนี PMI ของยูโรโซนออกมาระดับ 52.3 มากกว่าเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ที่ 52 จุด ทั้งนี้โดยรวมแล้วกลุ่มดัชนี PMI ของยูโรโซนปรับตัวสูงขึ้นเกือบทั้งหมด มีเพียงประเทศฝรั่งเศสอันเดียวที่หดตัวลงเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วทุกประเทศอยู่เหนือระดับ 50 จุดหมด ซึ่งเมื่อปีที่แล้วต่างอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ทั้งนั้น
- ตลาดหุ้น DAX ปรับตัวเข้าใกล้ 11,000 จุด หลังจากได้รับข่าวบวกเรื่องดัชนี PMI และ กลุ่มแบงค์โดยเฉพาะ Commerzbank และธนาคารอื่นๆที่ประกาศผลกำไรออกมา
- ดัชนี PMI ที่เป็น Official PMI ของจีนปรับตัวหดตัวลงเล็กน้อย ในขณะที่ CAIXIN PMI ออกมามากกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ต่างยังหดตัวอยู่ เป็นผลทำให้ตลาดกลับมากังวลทิศทางเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสที่จะถึงนี้
- ธนาคารกลางจีนประกาศเรื่องปฏิรูปตลาดการเงิน จะเริ่มเปิดให้ประชาชนสามารถซื้อ-ขสยได้เสรีที่เขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้
- ดัชนี PMI ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.4 จุดเป็นไปในทางเดียวกับภูมิภาค
- นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ด้วย Supply ของน้ำมันดิบและแร่เหล็กที่ออกมาเยอะนั้นมีแนวโน้มจะส่งให้ราคาทั้งสองอย่างนี้ปรับตัวลดลงต่อไปอีก
- กองทุน Hedge fund ต่างปรับลดการถือสถานะ Long ในฟิวเจอร์อีกเล็กน้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า การขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำนั้นจะเป็นผลร้ายต่อทองคำมากกว่าเดิม
แนวรับ 1140 1138 1130 แนวต้าน 1143 1145 1150
จากราคาที่ไหลมาต่อเนื่องจากวันศุกร์มาจนเช้าวันจันทร์ และเกิดเป็นสัญญาณกลับตัวสองอย่าง 1. การเกิด Bullish divergent ในรายชั่วโมง และ 2. การเกิดแท่งเทียน Pinbar ในรายชั่วโมงเช่นเดียวกันมองว่า ราคาจะเริ่มรีบาวน์จากตรงนี้ชะลอการลงไปก่อน โดยมีแนวต้าน 1145 เป็นแนวต้านแรก ทั้งนี้การรีบาวน์ยังมองไม่ไกลนัก จากทั้งรายวัย รายสัปดาห์ รายเดือนที่ส่งออกมาทางลบเกือบทั้งหมด จึงมองการรีบาวน์เป็นไปในระยะสั้น ทั้งนี้หากราคาหลุด 1135 ลงมา จะมองลงทันที
ทางเลือกรอง : ราคารีบาวน์ไปเล็กน้อยแล้วลงหลุด 1135 มองว่าการรีบาวน์จะหมด และราคาจะปรับตัวลดลงต่อไปตามแนวโน้มหลักบริเวณ 1110-1120 ซึ่งมองเป็นแนวรับสำคัญระดับถัดไป
USD/THB
ต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยหลัก 2000 ล้านบาททั้งนี้ยัง Long ฟิวเจอร์อยู่ประมาณ 8000 ล้านบาทภาพรวมยังไม่มีทิศทางที่มีนัยสำคัญมากสำหรับกระแสเนงินทุนต่างชาติ ยังมอง SET ถูกกดดันทางฝั่งลงอยู่ ถึงแม้จะมีรีบาวน์ตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันนี้แต่เริ่มให้น้ำหนักลงไปด้านล่าง ทั้งนี้ค่าเงินบาทยังไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไรยังมองการแกว่งในกรอบ แต่ฝั่งอ่อนค่าเริ่มได้เปรียบเล็กน้อย
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลข Core PCE ออกมาที่ระดับ 0.1% เท่ากับเดือนก่อนหน้าแต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ที่ 0.2% ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลงเหลือเพียงขยายตัว 0.1% จาก 0.4% เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ รายได้ผู้บริโภคที่ขยายตัวเพียง 0.1% จาก 0.4% เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงสู่ระดับ 90 จุดจากเดือนก่อนหน้า 92.1 โดยรวมแล้ว ออกมาค่อนข้างแย่ ทั้งนี้ตลาดยังรับข่าวลบเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยที่คาดว่าจะมาถึงในเดือนธันวาคมมากกว่า ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ปิดลบเล็กน้อย นำโดย Goldman Sachs ทั้งนี้ตัวเลขบริษัทจดทะเบียนใน SP 500 ที่ประกาศออกมาประมาณ 68% นั้นมีตัวเลขกำไรเข้าเป้าประมาณ 72% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างใช้ได้สำหรับอเมริกา
- ดัชนีหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากสุดในรอบ 6 เดือน ถึงแม้ในวันศุกร์จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย และ ยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขกำไรที่ออกมาแย่ลง
- ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 0.1% เป็นเดือนแรกที่ออกจากระดับเงินเฟ้อติดลบแต่เงินเฟ้อโดยรวมยังค่อนข้างต่ำและเป็นเหตุผลสนับสนุนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกในอนาคต
- อัตราว่างงานของยูโรโซนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 10.8% จากเดิม 11.5%
- ผลการประชุม BOJ เมื่อวันศุกร์พบว่า ยังไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม ถึงแม้ในปัจจุบันตัวเลขเศรษฐกิจจะไม่เข้าเป้า รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้วงเงิน QE ของญี่ปุ่นในปัจจุบันค่อนข้างสูงแล้ว
- ดัชนี Caixin-PMI ที่วัดภาคการผลิตของจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 48.3 จากเดือนก่อนหน้า 47.2 แต่ยังไม่เป็นข่าวดีเท่าไร เพราะยังเป็นการหดตัวเพียงแต่หดตัวน้อยกว่าคาดการณ์เท่านั้น และยังต่ำกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งยังถือว่าเป็นการหดตัวอยู่
- กองทุน SPDR ลดสถานะการถือครองทองคำลงอีก 0.3% สู่ระดับ 692.26 ตัน ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนกองทุน Hedge fund ปรับลดสถานะการถือครองทองคำเล็กน้อยจากระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนครึ่ง
- แรงซื้อจากในเอเชียเข้ามาในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากราคาที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งนีเค่าพรีเมียมยังทรงตัว อีกทั้งราคาก็ยังไม่มีแรงสนับสนุนในช่วงนี้