ประชาสัมพันธ์
แนวรับ 1058 1050 1045 แนวต้าน 1066 1078 1087
วันนี้จะเป็นวันที่มีผลการประชุม FOMC ในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งตลาดคาดว่าขึ้น ซึ่งเดิมเป็นปัจจัยลบกับทองคำ แต่ให้ระวังนิดหน่อยตรงการที่ราคารับข่าวไปแล้ว และอาจจะเกิดความผันผวนได้ หรือ กรณีที่ขึ้นไม่เยอะเท่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้หลังจากคืนนี้ ถึงแม้ราคาจะมีการปรับตัวขึ้น แต่ยังมองเป็นการขึ้นแบบไม่มาก เนื่องจากปัจจัยในภาพรวมยังคงเป็นลบซึ่งตัวนี้ต้องติดตามมุมมองในอนาคตของ FED ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือไม่
USD/THB
เมื่อวานดัชนี SET ปรับตัวรีบาวน์แรงเกินคาด นำมาโดยกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะ DTAC ซึ่งระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงกว่า 20% และเห็นแรง Cover short ในหุ้นตัวใหญ่ๆอย่าง PTT ซึ่งวันนี้เป็นวันที่แนะนำว่า ออกมารอดูตลาดก่อนดีกว่า เนื่องจากจะมีผลการประชุม FOMC ในช่วงกลางคืน ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือการประมูล 4G วันที่ 2 และ การประชุม กนง. ในช่วงบ่าย เงินบาทปรับตัวแข็งค่าลงมาต่ำกว่า 36.06 มองแข็งค่าระยะสั้น
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อปรับตัวทรงตัวที่ระดับ 0% จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 0.2% ทางฝั่งตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ CPI ทรงตัวที่ระดับ 0.2% จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.2% ส่วนตัวเลขดัชนี Empire state manufacturing index หดตัวลงสู่ระดับ –4.6 จุด จากเดือนก่อนหน้า –10.7 จุดและคาดการณ์ –5.7 จุด ทั้งนี้ยังไม่ได้มีทิศทางที่มีนัยสำคัญกับราคาทองคำเท่าไรนัก ทำให้ทองคำยังคงผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆ
- วันนี้จะมีผลการประชุม FOMC เวลาตี 2 ตามเวลาบ้านเรา เบื้องต้นตลาดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ย ประมาณ 0.25%-0.5% ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์กันมาอยู่แล้ว ต้องติดตามประเด็นนี้ว่าผลลัพธ์จะออกมาหน้าไหน และต้องระวังเรื่องการ Buy-on-fact ที่คาดว่าจ่าจะมีความผันผวนตามมา
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแรงกว่า 3% จากภาตอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ตลาดยังติดตามผลการประชุม FED ในวันนี้เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ
- ดัชนีความเชื่อมั่น ZEW ของเยอรมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 16.1 จากเดือนก่อนหน้าเพียง 10.4 และคาดการณ์ 15.2 ส่วน ZEW ของยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเช่นกันสู่ระดับ 33.9 เทียบกับ 28.3 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ยังน้อยกว่าคาดการณ์ที่ 34.4
- ประธานาธิบดีจีน คุณ สี จีผิง ยังยืนยันการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า โดยจะเน้นปรับปรุงทางฝั่ง Supply เพื่อให้สอดคล้องกับ การบริโภคภายในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนนักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจจีนกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่อีกครั้งน่าจะเป็นปี 2561 ( อีกประมาณ 2 ปี )
- วันนี้จะมีการประมูล 4G ของไทยต่อเป็นวันที่ 2 และติดตาม กนง ว่าจะมีการขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ตลาดคาดการณ์ว่าจะยังไม่มีการทำอะไร
- ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากปรับตัวลดลงแรงในช่วงก่อนหน้า ยังไม่มีข่าวบวกอะไรเข้ามาในตลาด
- ทองคำนับจากต้นปีปรับตัวลดลงมากว่า 10% และในวันนี้จะเป็นวันที่มีการคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก และเป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำซึ่งรับข่าวไปแล้วบางส่วน จึงต้องติดตามว่า หลังประกาศจะมีท่าทีอะไรออกมา
แนวทางทองคำวันที่ 15-12-58
แนวรับ 1058 1050 1045 แนวต้าน 1066 1078 1087
ราคาได้แกว่งลงมาทดสอบกรอบล่างเรียบร้อยแล้วบริเวณ 1060 ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอการลง คาดว่าจะลงไปทดสอบอีกรอบหนึ่งและหากอยากให้ลงไปเลยนั้นต้องลุ้นให้หลุด 1060 จุดนี้ลงไป จะเจอแนวรับถัดไปบริเวณ 1045-1050 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมที่เคยทำเอาไว้ในช่วงสองสัปดาห์ก่อน นักลงทุนยังคงรับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยอยู่เรื่อยๆ ทั้งนี้ยังอยากให้ระมัดระวังเพราะ ไม่สามารถประเมินอย่างชัดเจนว่า ตลาดรับข่าวไประดับไหนแล้ว
USD/THB
ปัจจัยหลักกดดันดัชนีเมื่อวานนี้คือ การที่ MSCI ตัดหุ้น BBL ออกจากการนำมาคำนวณดัชนี ส่งผลให้เกิดแรงขายในหุ้นตัวนี้ และ สภาพแวดล้อมของตลาดที่ยังอ่อนแอ ทำให้ในช่วงแรกของการซื้อ-ขาย ดัชนีปรับตัวลดลงก่อนจะที่จะมีแรงซื้อกลับมารีบาวน์เล็กน้อย นำโดยกลุ่มพลังงาน (PTT) ให้น้ำหนักการรีบาวน์นิดหน่อยก่อนที่จะปรับตัวลดลงต่อ และในวันนี้จะมีการประมูลคลื่นความถี่ 900 ทิศทางเงินบาทยังคงอ่อนค่า
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- เมื่อวานไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของทางอเมริกา ตลาดหุ้นยังคงทรงตัว เนื่องจากต่างคนต่างรอผลการประชุม FOMC ที่จะถึงในวันพรุ่งนี้ ในช่วงท้ายสัปดาห์จนถึงเมื่อวานนี้มีข่าวเรื่องแรงเทขายออกจาก High-yield bond อย่างมาก ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่า นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้ ทาง Goldman sachs และ Blackrock ออกมาแสดงความเห็นว่า ตลาดหุ้นที่ตกลงมาแรงนั้นส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเรื่องแรงเทขายจากกลุ่ม High –yield bond นี้ แต่คาดว่า ไม่น่าจะก่อให้เป็นวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนในช่วงซัพไพร์ม ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าในช่วงที่มีการ Taper tantrum ในช่วงปีก่อน ที่เกิดแรงเทขายออกจาก High-yield bond เหล่านี้
- คุณ Draghi ได้กล่าวว่า การผ่อนคลายทางการเงินอาจจะมีการเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอีก หากอัตราเงินเฟ้อยังไม่เข้าเป้าของธนาคารกลางที่วางไว้ และขอความร่วมมือ ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรให้ร่วมกันดำเนินนโยบายของแต่ละประเทศด้วย และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะที่มาตรการทางการเงินนั้นช่วยสร้างความมีเสถียรภาพทางราคา แต่โดยตัวมันเองนั้นไม่สามารถสร้างการฟื้นตัวของโครงสร้างได้ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยได้นั้นคือ การลงทุนเพิ่ม (ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ยังไม่ปล่อยสินเชื่อเท่าไรนัก)
- ฝั่งตลาดเอเชียยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก ยังคงรอผลการประชุม FOMC ต่อไป มีเพียงการดำเนินนโยบายของจีนที่จะสร้างความหลากหลายให้กับตะกร้าเงินของตนเองมากขึ้น โดยจะลดสัดส่วนการผูกค่าเงินดอลลาร์และไปผูกกับสกุลเงินอื่นๆบ้าง เพื่อเป็นการกระจายตัว และ ลดความเสี่ยงเรื่องของ FED ที่จะขึ้นดอกเบี้ยและเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มจะแข็งค่า
- Bloomberg พาดหัวข่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะตลาดหมีเรียบร้อย (Bear market)
- มี Comment ของเทรดเดอร์และ นักวิเคราะห์จากต่างประเทศค่อนข้างมาก เกี่ยวกับแนวโน้มทองคำหากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันคือ ทองคำจะได้รับปัจจัยลบและมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ $950/Oz. ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวในปีหน้าหลักๆ คาดว่าจะอยู่บริเวณ $1000-1100/Oz. ส่วนทางฝั่ง Physical นั้น ค่าพรีเมียมในอินเดียติดลบแล้ว แสดงให้เห็น Demand ที่ค่อนข้างน้อย
แนวทางทองคำวันที่ 14-12-58
แนวรับ 1073 1070 1065 แนวต้าน 1078 1082 1088
ราคายังมองว่าแกว่งตัวอยู่ใ
ทางเลือกรอง : สำหรับการหลุดออกจากกรอบ Sideways down นั้นราคาต้องปรับตัวขึ้นเกิ
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่าง
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลง
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงแร
- ดัชนี TANKAN ที่สำรวจบริษัทการผลิตยักษ์
- ยอดค้าปลีกของจีนเติบโต 11% จากเดือนก่อนหน้า 10.9% เป็นผลจากยอดขายโทรศัพท์มือ
- ที่ประชุม OPEC ยังคงกำลังการผลิตไว้ที่ระด
- ธนาคารใหญ่ๆรวมทั้ง Hedge fund ต่างคาดการณ์ว่าทองคำจะลงต่
แนวทางทองคำวันที่ 9-12-58
แนวรับ 1068 1063 1055 แนวต้าน 1082 1088 1095
ราคาลงมาแถวบริเวณ 1066 ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นไปต่อ ทั้งนี้มองว่าฝั่งบวกเริ่มก
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงก
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาปรับตัว
- มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกั
- ตลาดหุ้นยุโรปรับตัวลดลงเช่
- ธนาคารกลางจีน PBOC ปรับลดจุดอ้างอิงเงินหยวนลง
- ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญ
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้
แนวทางทองคำวันที่ 8-12-58
แนวรับ 1068 1063 1055 แนวต้าน 1074 1082 1088
ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกจา
USD/THB
ตลาดหุ้นยังคงปรับตัวลดลงอย
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่าง
- อัตราว่างงานของ US ยังคงทรงตัวที่ระดับ 5% เท่ากับเดือนก่อนหน้า ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง
- จากกลุ่มข่าวตัวเลข NFP ที่ประกาศมานั้น มองว่า เป็นปัจจัยบวกกับทองคำเพียง
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเม
- ตัวเลขการส่งออกของจีนหดตัว
- ตัวเลขตรวจทาน GDP ของญี่ปุ่นออกมาที่ระดับ 1% หลีกเลี่ยงจากภาวะถดถอยทางเ
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแร
- ทองคำได้รับปัจจัยบวกจากการ
แนวทางทองคำวันที่ 4-12-58
แนวรับ 1059 1053 1045 แนวต้าน 1065 1070 1080
ราคาปรับตัวขึ้นมาเนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ในระยะสั้นมองการปรับตัวลดลงเล็กน้อย ภายใต้กรอบแนวต้าน 1065 ซึ่งกรณีที่ราคาผ่าน 1065 ไปเลยนั้นจะเริ่มกลับมาขึ้นได้อีกครั้งในระยะสั้น แนวต้าน 1065 นี้ใช้เป็นจุดเปลี่ยนในวันนี้ เนื่องจากเป็นแนวต้านสำคัญ ราคาทดสอบถึง 5 ครั้งตามเส้นแนวโน้มขาลง พร้อมทั้งเป็นที่อยู่ของเส้น EMA ในวันนี้จะมีการประกาศตัวเลข Non-farm payroll เวลา 20.30 ตามเวลาบ้านเรา คาดการณ์เป็นบวกกับทองคำ
USD/THB
ตลาดหุ้นปรับตัวรีบาวน์ขึ้นเล็กน้อย แต่คาดว่าไม่ได้มีผลต่อทิศทางขาลง และยังถูกทิศทางขาลงกดดันอยู่ เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทั่วโลกที่ผิดหวังผลการประชุม ECB ถึงแม้จะมีข่าวดีออกมาบ้าง อย่างเช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน ทิศทางค่าเงินบาทยังไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรเท่าไรนัก การแข็งค่าเป็นไปเพียงเล็กน้อย ยังอยู่ในกรอบ 35.6-35.9
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 269K เท่ากับคาดการณ์จากสัปดาห์ก่อนหน้า 260K โดยรวมแล้วทิศทางของตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยังอยู่ในแนวโน้มของการปรับตัวลดลง
- เมื่อวานมีการออกมาตอบคำถามของ คุณ เจเนต เยลเลน ประเด็นหลักที่ถูกจับตามองคือ รายงานของ Citigroup เกี่ยวกับ บทวิจัยที่มีรายงานว่ามีโอกาส 65% ที่เศรษฐกิจอเมริกาจะประสบกับภาวะถดถอยในปีหน้า ส่วนโดยรวมแล้ว คุณ เยลเลน ยังมองว่า การคงอัตราดอกเบี้ยระดับที่ต่ำจนมานานจะเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นในเร็วๆนี้ แต่จะเป็นไปอย่างระมัดระวัง
- ดัชนี PMI ภาคบริการของอเมริกา ออกมาที่ระดับ 55.9 จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
- ผลการประชุม ECB เมื่อวานนี้พบว่า คุณ ดรากิ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฝั่งเงินฝากลงสู่ระดับ –0.3% จากเดิม –0.2% ในขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม 0.5% พร้อมทั้งขยายช่วงเวลาของการทำ QE ไปจนถึงเดือน มีนาคม 2017 จากเดิมที่จะหยุดไว้ที่ กรกฏาคม 2016 ทั้งนี้ยังไม่มีการขยายวงเงินเพิ่มเติม หลังจากการประกาศ ตลาดหุ้นเยอรมันปรับตัวลดลงแรงกว่า 3% เนื่องมาจากความผิดหวังในการดำเนินนโยบาย เพราะ คาดหวังว่าจะมีมากกว่านี้ ส่งผลให้ทองคำปรับตัวเพิ่มตามเงินยูโรที่แข็งค่า
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงทั้งหมด โดยได้ผลกระทบจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงนำโดย ฝั่งยุโรปที่ผิดหวังในมาตรการเพิ่มเติมของ ECB และ ฝั่งอเมริกาที่ผิดหวังตามมาเช่นกัน คาดว่าตลาดหุ้นเอเชียจะได้รับแรงกดดันจากตรงนี้ และไปติดตามตัวเลข NFP ในวันนี้เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 74.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 11 เดือน
- ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบ หลังจากค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมากว่า 3% และทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไป ทั้งนี้สถานะกองทุน SPDR ยังถูกลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันยังอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับจากเดือน กันยายน 2008 ทั้งนี้ตลาดน้ำมันดิบมีปัจจัยเฉพาะตัวในวันนี้คือ จะมีผลการประชุม OPEC ออกมาว่าจะมีการลดกำลังการผลิตหรือไม่
แนวทางทองคำวันที่ 3-12-58
แนวรับ 1050 1045 1040 แนวต้าน 1052 1056 1064
ราคาปรับตัวลดลงแรงทำจุดต่ำ
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1045 ลงมาอีกครั้งก็จะเริ่มลงต่อ
USD/THB
เมื่อวานนี้ดัชนีหุ้นไทยปรั
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ADP non-farm employment change ที่เป็นการสำรวจการจ้างงานน
- รายงาน Beige book พบว่า ประธาน FED คุณ เยลเลน ได้มีความมั่นใจมากขึ้นเกี่
- ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโร
- มีการประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการของจีนออกมายังพบว
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู
แนวทางทองคำวันที่ 2-12-58
แนวรับ 1065 1063 1060 แนวต้าน 1072 1075 1083
โดยทั่วไปแล้ว ราคายังคงวนเวียนอยู่ในกรอบ ระยะสั้นมองลงไปบริเวณใกล้แนวรับอีกรอบหนึ่ง (แถวบริเวณ 1063-1065) หากยังไม่หลุดก็จะกลับมาแกว่งในบริเวณนี้อีกครั้งหนึ่ง ในวันนี้มีข่าวการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศออกมาช่วง 20.15 ตามเวลาบ้านเรา คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นลบกับทองคำ ในขณะที่ระยะสั้นหากราคาปรับตัวเกินกว่า 1072 ในวันนี้จะเริ่มขึ้นไปอีกครั้ง และถ้าจะให้ปลอดภัยควรตั้งจุด Stop loss ไว้แถวบริเวณนั้น
ทางเลือกรอง : จากที่มองลงไปแนวรับ 1063 แต่หากราคาปรับตัวขึ้นเกินกว่า 1072 จะมองว่า ฝั่งลงเสียความได้เปรียบไป
USD/THB
ธปท เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยยังคงปรับตัวลดลง –0.97% จากเดือนก่อนหน้า –0.77% ซึ่งเป็นการหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากทั้งราคาน้ำมันหน้าปั๊มที่ปรับตัวลดลง ราคหมู และไข่ที่ลดลงและยังไม่เห็นแนวโน้มการฟื้นตัว ส่วนดัชนีหุ้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก ยังได้รับปัจจัยทางฝั่งลงกดดันมากกว่า ทั้งนี้ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าในกรอบอีกครั้ง แนวรับอยู่บริเวณ 35.60
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของอเมริกาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 48.6 จากเดือนก่อนหน้า 50.1 ตัวเลขระดับนี้บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง 1. ภาคการผลิตของอเมริกาชะลอตัวลงต่อเนื่อง 13 เดือนติดต่อกัน (หดตัวลงเรื่อยๆตลอดทั้งปี) 2.ระดับที่ต่ำกว่า 50 บ่งบอกถึง การหดตัวของภาคการผลิต 3. ระดับปัจจุบัน 48.6 ที่ต่ำกว่า 50 นี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง นับจากเดือน มิถุนายน 2013 ที่ดัชนีภาคการผลิตลงไปสู่ระดับ 49.2 สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่า ภาคการผลิตของอเมริกากำลังชะลอตัวลง และ เข้าสู่ภาวะหดตัว
- ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันแรกของการซื้อ-ขายของเดือนธันวาคม ซึ่งเดือนนี้นักวิเคราะห์กล่าวว่าตามสถิติย้อนหลังไป 10 ปีพบว่า จะเกิดปรากฎการณ์ Santa rally ซึ่งร้อยละ 70 ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกที่เฉลี่ย 1.24%
- อัตราว่างงานของฝั่งยุโรปปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 10.7% จากเดือนก่อนหน้า 10.8% บ่งชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของยูโรโซนยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
- ดัชนี PMI ของฝั่งยูโรโซนออกมาที่ระดับ 52.8 เท่ากับเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ เมื่อดูเฉพาะตัวเลข PMI จะพบว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังทรงในระดับที่ดีกว่าของอเมริกา และยังอยู่เหนือ 50 จุด ทั้งนี้ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้
- นกยกกรีซกล่าวว่า คาดว่าจะยกเลิก Capital control ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2016
- ดัชนี Caixin PMI ของจีนปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 48.6 จุด มากกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 48.3 จุด ทั้งนี้ดัชนี PMI ของจีนยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด เป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนแล้ว ถึงแม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังวิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจจีนยังคงหดตัวอยู่
- เมื่อวานตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นกว่า 2% จากการรับข่าวเรื่องเงินหยวนเข้าตะกร้า SDR และคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดอีกมากในอนาคต (ทั้งนี้วันนี้ปรับตัวลดลง)
- ราคาน้ำมันดิบทรงตัวคาดว่าจะรอผลการประชุม OPEC ว่าจะมีการลดกำลังการผลิตลงอีกหรือไม่ หากยังไม่ลดกำลังการผลิตยังคงมองว่า ราคาน้ำมันดิบจะยังคงทรงตัว
- ทองคำถึงแม้จะไม่มีข่าวอะไรมาเพิ่มเติม แต่การขึ้นเมื่อวานนี้ สำนักข่าวต่างๆให้ความเห็นว่าเกิดจากการปิดสถานะ Short หรือ Short-covering
แนวทางทองคำวันที่ 1-12-58
แนวรับ 1068 1063 1060 แนวต้าน 1075 1083 1085
ราคาขึ้นมาในช่วงเช้า คาดการณ์ว่ามาจากข่าวจากการบรรจุเงินหยวนเข้าตะกร้า SDR ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์ถูกคาดการณ์ว่าจะมีบทบาทลดลงในระยะกลาง ซึ่งเป็นการคาดการณ์ และมองว่าเป็นปัจจัยระยะสั้น ปัจจุบันราคามาทดสอบเส้นเทรนไลน์และ EMA 200 ชั่วโมงที่เคยทดสอบมาหลายรอบแล้วยังไม่ผ่าน ยังมองว่า ราคายังไม่ผ่านไปจากตรงนี้ และ จะเริ่มกลับลงมาแกว่งในกรอบบริเวณ 1063-1068 อีกครั้ง ทั้งนี้จุดตัดขาดทุนอยู่ที่ระดับ 1075 สำหรับสถานะฝั่งลง
ทางเลือกรอง : ราคาปรับตัวขึ้นเกินกว่าระดับ 1075 จะมองว่า เปลี่ยนเป็นแนวโน้มฝั่งขึ้นระยะสั้น และยังมองการขึ้นเป็นไปค่อนข้างจำกัดอยู่บนแนวต้าน 1085
USD/THB
ตลาดหุ้นไทย SET ทรงตัวเมื่อวานนี้ หลังจากปรับตัวลดลงในช่วงแรกของการซื้อ-ขาย ยังให้น้ำหนักทางฝั่งลงอยู่ ส่วนทิศทางค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวในกรอบบริเวณ 35.60-35.90 ยังไม่มีทิศทางที่มีนัยสำคัญ เป็นการแกว่งตัว Sideway ที่ชัดเจน มีรายงานจาก ธปท ว่า เศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การส่งออกยังคงชะลอตัวลง
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ยอดบ้านรอปิดการขาย (Pending home sales) ออกมาที่ระดับ 0.2% จากเดือนก่อนหน้าหดตัว –1.6% และคาดการณ์ 1.6% ทิศทางยอดบ้านรอปิดการขายยังคงไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก แกว่งตัวในช่วงบวกและลบเล็กน้อยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
- ดัชนีภาคการผลิต Chicago PMI หดตัวลงสู่ระดับ 48.7 จากเดือนก่อนหน้า 56.2 และคาดการณ์ 54.3 ดัชนีนี้ไม่ได้มีผลกระทบหลักๆกับราคาทองคำเท่าไรนัก
- ตลาดหุ้นอเมริกาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆมาหลายวัน ความผันผวนลดลงเรื่อยๆ ในปัจจุบันอยู่ใกล้ระดับ High เดิม คาดว่าจะยังรอผลการประชุมต่างๆที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ และ ผลการประชุม FOMC ในช่วงกลางเดือน ระยะสั้นนี้สังเกตุเห็นเงินไหลออกจากตลาดหุ้นอเมริกาลักษณะแบบค่อยๆไหลออก
- เมื่อวานไม่ได้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรป มีเพียงการประชุม United nation summit เรื่องของ Climate change โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งการประชุมนี้ได้เคยจัดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้วที่ Copenhagen
- ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้จนถึงช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งยังไม่ได้มีทิศทางที่มีนัยสำคัญ ตลาดยังรอผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมอีก
- ที่ประชุม IMF อนุมัติให้เงินหยวน (Renminbi) เข้าร่วมในตะกร้าเงิน SDR ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยค่าเงินหลักๆ อย่าง ดอลลาร์ ยูโร เยน ปอนด์สเตอริง ในปัจจุบัน IMF เห็นว่าเงินหยวนเริ่มมีบทบาทมากขึ้น และเข้าข่ายของการเป็น Freely useable หรือ มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งเงื่อนไขนี้เองที่ IMF ปฏิเสธในการนำเงินหยวนเข้าตะกร้าเงินเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (พิจารณาทุก 5 ปี) ปัจจัยดังกล่าวมองว่า จะส่งผลกระทบกับทองคำทางบวกในระยะสั้น เนื่องจากบทบาทของเงินดอลลาร์ที่น้อยลง
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ปัจจุบันนักลงทุนต่างจับตามองกาประชุม OPEC ในวันพุธนี้ ตลาดอยากคาดการณ์ให้มีการลดกำลังการผลิตลงให้ราคามีเสถียรภาพมากขึ้นกว่านี้ (ปรับตัวสูงขึ้น)
- กองทุน Hedge fund เพิ่มสถานะ Short ในทองคำจำนวนมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- กองทุน SPDR ปรับลดสถานะการถือครองทองคำลงอีก
แนวทางทองคำวันที่ 30-11-58
แนวรับ 1052 1050 1045 แนวต้าน 1060 1065 1070
ราคาปรับตัวลดลงหลุดกรอบสามเหลี่ยมล่างลงมา เป็นสัญญาณที่ยืนยันฝั่งลงชัดเจน ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ราคาปรับตัวลดลงมาสู่ระดับ $1050 บริเวณนั้น ในระยะสั้นมองการแกว่งตัวในกรอบบริเวณแนวรับ $1050 ก่อน และมองการรีบาวน์ขึ้นไปทดสอบใกล้ระดับ $1060 ซึ่งเป็นแนวต้านในระยะสั้นในวันนี้ และเนื่องจากในช่วงต้นสัปดาห์มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย จึงมองว่า ราคามีแนวโน้มจะไปผันผวนในช่วงท้ายของสัปดาห์นี้
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1050 ลงมาโดยไม่มีการรีบาวน์ก็จะยังมองลงไปต่อทันที
USD/THB
ตลาดหุ้นได้รับปัจจัยลบอย่างต่อเนื่อง และยังคาดว่าจะยังมีการปรับตัวลดลงไปอีก เนื่องจากปัจจัยบวกที่ยังไม่มี และ ตลาดยังคาดการณ์ถึงมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่เป็นผลลบ (ช่วงนี้ทองคำกับหุ้นไทยมีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวในทางเดียวกัน เพราะ ได้รับปัจจัยลบทางฝั่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนกัน ) ทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยมีแนวต้าน 35.90-36.04 หากยึดการขึ้นดอกเบี้ยเป็นหลัก ค่าเงินบาทจะอ่อนสวนทางกลับมา
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากในวันศุกร์เป็นวัน Black Friday (วันหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า) ที่จะมีสินค้าลดราคาค่อนข้างมาก ตลาดหุ้นจึงค่อนข้างเคลื่อนไหวเบาบาง และ นักวิเคราะห์ นักลงทุนต่างจับตาดูตัวเลขยอดขายสินค้าในปีนี้ว่าจะมียอดขายมากขนาดไหน ส่วนคาดการณ์เบื้องต้นก็มองว่า ปีนี้เริ่มต้นได้ดี ยอดขายสินค้าในช่วงแรกค่อนข้างมาก แต่คาดว่าในปีนี้จะยังไม่โดดเด่น
- เงินดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มสูงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงสุดในรอบ 8 เดือน และแข็งค่าเกินกว่าระดับ 100 จุดไปเรียบร้อยแล้ว ส่งผลกดดันตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกชนิด ล่าสุดทองคำปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ลงมาใกล้เคียงระดับ $1050/Oz.
- ตลาดหุ้นยุโรปยังคงทรงตัวเนื่องจากไม่ได้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ปัจจุบันนักลงทุนต่างติดตามผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ ตลาดคาดว่าน่าจะมีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติม ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างรัสเซียและตุรกีมีแนวโน้มจะบรรเทาลงเพียงเล็กน้อย โดยมุมมองของนักวิเคราะห์มองเหตุการณ์ที่ ECB น่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมว่า การขายทองคำเนื่องจากคาดการณ์ว่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลง (ดอลลาร์แข็งค่า) เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล
- วันนี้จะมีการประชุม IMF ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การพิจารณานำเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าเงิน SDR หรือไม่ ซึ่ง SDR นี้คือตะกร้าเงินที่ IMF กำหนดไว้ สำหรับเป็นเงินที่สามารถเป็นเงินสำรองของธนาคารกลางแต่ละประเทศได้
- ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงแรงในวันศุกร์กว่า 5% และเป็นการปรับตัวลดลงแรงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากมีข่าวเรื่องการตรวจสอบโบรกเกอร์ที่เข้าข่ายกระทำผิดกฏหมาย และ ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงแรงกว่า –4.6%
- ทองคำปรับตัวลดลงแรง และเป็นการปรับตัวเมื่อคิดเป็นใน 1 เดือนพบว่า เป็นเดือนที่แย่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง (85 เหรียญ) จากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น
- กองทุน SPDR ลดสถานะการถือครองทองคำลงอีก 0.14% สู่ระดับ 654.8 ตัน
- ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะออกมาในวันศุกร์ และผลการประชุม ECB ในวันพฤหัส