ประชาสัมพันธ์
แนวรับ 1059 1050 1047 แนวต้าน 1068 1072 1078
จากช่วงธันวาคมที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง และท้ายสุดมาแกว่งในกรอบแถวบริเวณ $1045-1075 ยังไม่ได้มีทิศทางที่มีนัยสำคัญมากนัก โดยรวมแล้วภาพที่ส่งมาจากปีที่แล้วเป็นลบมากกว่า และแนวโน้มปีนี้มองว่า ตลอดทั้งปีน่าจะเห็นทองคำทรงตัวถึงปรับตัวลดลงต่อจากปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยที่ค่อยๆสูงขึ้นขณะที่เงินเฟ้อยังขยับต่ำอยู่ ในระยะสั้นมองว่าได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากความไม่สงบในซาอุดิอาระเบีย แนวต้านระยะสั้น 1068-1075
ทางเลือกรอง : ต้องติดตามการรีบาวน์ราคาน้ำมันดิบว่าจะส่งผลต่อทองคำขนาดไหน หากหมดข่าวเรื่องน้ำมันดิบมองว่า ทองคำจะเริ่มทรงตัวถึงปรับตัวลดลงอีกครั้ง
USD/THB
ในช่วงปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบประมาณ –15% และเป็นปีแรกที่ปรับตัวลดลงแรง จากปัจจัยลบหลายอย่างโดยเฉพาะช่วงท้ายปี (สินค้าโภคภัณฑ์ราคาตกต่ำ , น้ำมันดิบลงแรง , การส่งออกชะลอตัว , การประมูลคลื่น 900 ที่มีราคาสูงเกินไป) ปัจจัยเหล่านี้กดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าในปี 2016 นี้ถึงแม้ Valuation ของตลาดหุ้นจะเริ่มถูกลง แต่ยังต้องเน้นเป็น Selective buy เป็นรายอุตสาหกรรมไป
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ราคาทองคำตลอดทั้งปี 2558 ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงประมาณ 10% (เทียบเปิดมกราคม-ปิดธันวาคม) โดยมีปัจจัยหลักมาจาก การขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกาที่ดำเนินการช่วงกลางเดือน ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ตลาดรับรู้ไปส่วนหนึ่งเเล้วจากการสื่อสารของ FED มาตลอดทาง เเละ ปัจจัยลบที่สุดของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งเเรกได้ผ่านไปเเล้ว สิ่งที่่น่าติดตาม สำหรับทองคำในปีนี้คือ ก้าวการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ว่าจะขึ้นเร็วหรือขึ้นเเรงหรือไม่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยังไม่น่าจะขึ้นเร็ว จึงคาดว่าประเด็นนี้ต้องติดตามในเเต่ละผลการประชุมในเเต่ละเดือนไป
- รองประธาน FED คุณ Fischer ให้ความเห็นว่า เป็นความจำเป็นของธนาคารกลางที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากราคาของสินทรัพย์อยู่สูงเกินไป (Overheating)
- ตลาดยุโรปในวันนี้จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นตัวหนักตั้งแต่วันแรกที่เปิด เนื่องจาก ยุโรปในช่วงนี้ให้น้ำหนักกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเป็นพิเศษ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.2% ถึงแม้จะขยายตัวแต่ก็ยังไกลเป้าหมายของธนาคารกลาง (ECB) ที่ 2% ในเดือน มกราคมนี้จะครบ 1 ปีพอดีที่ยุโรปเริ่มใช้ QE กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตลาดพันธบัตรของยุโรปนั้นได้รับปัจจัยบวกจากการไถ่ถอนคืนในพันธบัตรเยอรมัน (Redemption) ที่ ECB ได้ทำ QE ไปเมื่อปีที่แล้ว
- สภาพแวดล้อมของเอเชียโดยรวมในปี 2016 นั้นนักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเป็นปีที่ค่อนข้างยากลำบากในการตัดสินใจโดยเฉพาะการตัดสินใจของธนาคารกลางแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกาที่เกิดไปเรียบร้อย ในขณะที่ประเทศหลักในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น และโดยเฉพาะจีนได้เกิดการชะลอตัวลงทำให้การกำหนดนโยบายของประเทศต่างๆในเอเชียต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย นอกจากนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำยังเป็นปัญหาสำหรับกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ (ในเอเชียมีหลายประเทศ)
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยได้รับปัจจัยบวกจาก ซาอุดิอาระเบียที่เริ่มมีความขัดแย้งกับอิหร่านในเรื่องของความไม่สงบที่เกิดในอิหร่าน (สถานฑูตซาอุดิอาระเบียโดนเผา) หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ทำการประหารชีวิต คุณ Nimr al –Nimr
- ในปี 2016 นี้นักวิเคราะห์มองว่า จะมีพฤติกรรมแบบเดิมในตลาดทองคำคือ ฝั่งตะวันตกขายทองผ่านกระดาษ (Online) ส่วนฝั่งตะวันออกซื้อ Physical
แนวรับ 1071 1068 1065 แนวต้าน 1078 1082 1090
ราคายังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอ
ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวทร
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู
- ดัชนีราคาบ้าน S&P /
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้
- ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวานนี้โด
- ตลาดหุ้นเอเชียไม่มีการประก
- ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาทองคำปร
แนวทางทองคำวันที่ 29-12-58
แนวรับ 1071 1068 1065 แนวต้าน 1078 1082 1090
USD/THB ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานยังค่อนข้างทรงตัวไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่ๆเข้ามา คาดว่าในวันนี้จะได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมองว่าไม่มีอะไรมากในช่วงนี้ ตัวเลขการส่งออกที่ประกาศออกมาเมื่อวานพบว่ายังคงปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และค่อนข้างน่าผิดหวังแต่นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า GDP ปีนี้จะยังคงเติบโตที่แถว 2.8% ค่าเงินบาททิศทางอ่อนค่าไป 36.17 ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกายังคงผันผวน ล่าสุดเมื่อนับจากต้นปีกลายเป็นว่า ปีนี้ให้ผลตอบแทนติดลบ (ณ ระดับปัจจุบัน) หลังจากเมื่อวันศุกร์ดัชนีบวกมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับต้นปี แต่พอมาวันจันทร์ได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอีกครั้ง และส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานดันดัชนีให้ปรับตัวลดลง (-1.8%)ทำให้ตลอดทั้งปีดัชนีหุ้นของอเมริกาอยู่ระดับต่ำกว่า ณ วันที่เปิดปีใหม่วันแรกเรียบร้อยแล้ว
- เนื่องจากเป็นช่วงใกล้วันหยุดปีใหม่ จึงคาดว่า วอลุ่มจะเบาบางไปจนถึงสิ้นปี และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจจะมีแรงขายจากการลดพอร์ตมาบ้างในช่วงท้ายปี แต่ปัจจัยนี้ยังไม่น่ากังวลเท่ากับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแรง ทั้งนี้มองว่าในปีหน้าจะมีความต้องการน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้นได้อยู่
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ เป็นการเริ่มวันแรกของสัปดาห์สุดท้ายปี 2015 แบบปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอเมริกา ส่วนข่าวใหม่ๆยังไม่มีมาในช่วงนี้
- ธนาคารกลางจีนออกมากล่าวในวันจันทร์ว่า จะใช้นโยบายทางการเงินหลายๆนโยบายที่มีความยืดหยุ่น (Flexible) เพื่อที่จะรักษาสภาพคล่อง และ การเติบโตของสินเชื่อที่พอดีสมเหตุสมผล และมีเป้าหมายที่จะทำให้เงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น (Not too tight nor too loose) นอกจากนี้จะพัฒนาโครงสร้างตลาดเงินและสินเชื่อใหม่ นอกจากนี้ยังคงติดตามการพัฒนาของเศรษฐกิจ ตลาดเงิน และกระแสเงินทุน
- ทองคำได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงเมื่อวานท่ามกลางปริมาณการซื้อ-ขายที่เบาบางในช่วงสิ้นปี
- กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองทองคำลงอีก 0.18% สู่ระดับ 643.57 ตัน - สถานะ Short สุทธิในสัญญาฟิวเจอร์ที่อ้างอิงในทองคำ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ ALL-time high ถึงแม้ในวันจันทร์จะมีการปรับลดการถือครองเล็กน้อย
แนวทางทองคำวันที่ 28-12-58
แนวรับ 1071 1068 1065 แนวต้าน 1078 1082 1090
ราคาหลังจากขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามา ทำให้ยังคงแกว่งตัวในกรอบ แนวรับระยะสั้นที่ไม่ควรหลุดมองไว้ระดับ 1069-1072 ซึ่งหากหลุดกว่านั้นฝั่งขึ้นจะเสียความได้เปรียบไป แต่ขาขึ้นจะได้เปรียบชัดเจนก็ต่อเมื่อผ่าน 1080 ไปให้ได้ และจะเปิดทางไปสู่ 1097-1100 การเคลื่อนไหวในกรอบระหว่างนี้มองว่าไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก โดยรวมแล้วขาขึ้นยังมองว่ามีความได้เปรียบเล็กน้อย
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยยังมองว่าค่อนข้างทรงตัว หลังจากขาดปัจจัยอะไรใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม คาดว่ากลุ่มพลังงานน่าจะเป็นตัวดันดัชนีไม่ให้ลงแรงนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ขึ้นมา ส่วนข่าว ธปท. มีการปรับประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 2.8% จากเดิม 2.7% ทิศทางค่าเงินบาทมองว่าทรงตัวเช่นเดียวกัน
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ ดัชนี SP500 และ DOW ของอเมริกาค่อนข้างผันผวนในกรอบแคบๆเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวคริสมาสต์ แต่โดยรวมแล้วตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ดัชนียังสามารถปิดเหนือกว่าวันที่เปิดวันแรกของปี 2015 นี้ได้และคาดว่าอีกสามวันที่เหลือของปีจะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยผันผวนมากนัก
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการในวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นวันหยุดเทศกาลคริสมาสต์จึงไม่มีการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น
- ตัวเลขค้าปลีกของญี่ปุ่นหดตัวสู่ระดับ –0.1% จากเดือนก่อนหน้า 1.8% และคาดการณ์ –0.1% เป็นการหดตัวเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน บ่งบอกถึงความต้องการสินค้าจากทาง Emerging market ที่ยังคงอ่อนแอและยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเบอร์ 3 ของโลกอย่างญี่ปุ่น
- มีความเห็นว่าท่ามกลางภาวะอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ และการเติบโตของ US ที่ฟื้นตัวแบบไม่แข็งแกร่ง ทำให้สภาวะแวดล้อมโดยรวมของทองนั้นยังมองว่าเป็น Bearish ส่วนปัจจัยอื่นที่จับตามองคือ ก้าวการขึ้นของดอกเบี้ยว่าจะเร็วหรือช้าในอนาคต
แนวทางทองคำวันที่ 24-12-58
แนวรับ 1071 1068 1065 แนวต้าน 1078 1082 1090
การเคลื่อนไหวที่อยู่บนระดับ 1070 นั้นยังมองให้น้ำหนักในทางบวกอยู่ เนื่องจากราคาเพิ่งจะเริ่ม Breakout ออกมาจากกรอบแนวต้านด้านล่างทั้งนี้แนวต้านถัดไปที่เจอคือ 1080 ซึ่งแนวต้านนี้ราคาเคยขึ้นไปทดสอบ 2 ครั้งในระยะนี้และยังไม่ผ่าน ยังมีลุ้นให้ผ่านไปได้ หากผ่านไปได้จะกลับขึ้นไปซื้อ-ขายกันบริเวณ 1097-1100 ทั้งนี้ด้วยวันหยุดที่มีค่อนข้างมาก และ ข่าวที่เบาบาง จึงมองว่า การเคลื่อนไหวในช่วงนี้อาจจะเป็นไปอย่างจำกัด
USD/THB
ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 13 ต่อเนื่องกัน มูลค่ากว่า 5000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้มี Big lot หุ้น KCE ทำให้ปริมาณที่แท้จริงยังขายสุทธิแต่เหลือน้อยกว่า 1000 ล้านบาท ดัชนีคาดว่าจะมีการรีบาวน์ขึ้นมาท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นแรงในวันก่อน และต้องมาประเมินว่า การขึ้นนั้นจะเป็นไปอย่างยั่งยืนหรือไม่ ซึ่งน้ำหนักในตอนนี้ยังคงมองว่า เปราะบางอยู่ ค่าเงินบาทมองอ่อนค่าทดสอบ 36.17 อีกครั้ง
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหมวดไม่รวมยานพาหนะออกมาที่ระดับ –0.1% หดตัวมากกว่าเดือนก่อนหน้า ที่ 0.5% และคาดการณ์ 0.1% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนแบบปกติทรงตัว 0% จากเดือนก่อนหน้า 2.9% และคาดการณ์ –0.6%
- อัตราเงินเฟ้อ Core PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ FED ใช้วัด (น้ำหนักมากกว่า CPI) ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 0.1% เทียบกับเดือนก่อนหน้าทรงตัว 0%
- รายได้ผู้บริโภค (Personal income) ขยายตัว 0.3% เทียบกับ 0.4% ในเดือนก่อนหน้า แต่มากกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 92.6 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
- ยอดขายบ้านใหม่ออกมาระดับ 490K จากเดือนก่อนหน้า 470K แต่น้อยกว่าคาดการณ์
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ขึ้นมาแรงกว่า 3% และเริ่มขยับโซนการซื้อ-ขายไปสู่ระดับ $37-38/บาร์เรล ซึ่งสาเหตุที่ตลาดยุโรปจะเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันคือ การคาดการณ์เงินเฟ้อว่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น และจะช่วยแก้ปัญหาภาวะเงินฝืดของยุโรปได้ ถึงแม้ว่า การที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานทุกอย่างสูงขึ้นก็ตาม
- จีนมีแผนที่จะขยายเวลาการซื้อ-ขายเงินหยวน โดยให้กินเวลาเข้าไปในโซนของยุโรปเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ตลาดของจีนจะปิดทำการเวลา 16.30 ได้เลื่อนไปเป็น 23.30 ตามเวลาของประเทศจีน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้เงินหยวนมีบทบาทมากขึ้นและสามารถใช้ได้อย่างเสรีมากขึ้น
- BOJ กล่าวว่า การลงทุนในสินค้าทุนพวกเครื่องจักร ค่าจ้างที่เพิ่มน้อยลง เป็นเหตุผลมาจากการชะลอตัวของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และมองว่าในอนาคตจะดูอีกครั้ง
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลังจากมีการประกาศสต๊อกน้ำมันดิบ ถึงแม้ OPEC จะคาดว่า ความต้องการน้ำมันดิบ (Demand) จะค่อนข้างทรงตัวในช่วง 1-2ปีข้างหน้า
- ทองคำผันผวนในกรอบ เนื่องจากเมื่อวานนี้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาและเป็นปัจจัยลบกับทองคำ ส่วนราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวสูงขึ้นมา ซึ่งเป็นบวกกับทองคำ จึงทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบค่อนข้างทรงตัว
แนวทางทองคำวันที่ 23-12-58
แนวรับ 1073 1070 1065 แนวต้าน 1078 1082 1090
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวรุนแรงในช่วงนี้ยาวไปจนถึงสิ้นปีมองว่า เป็นไปอย่างจำกัดตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมาเหลือเพียงประมาณ 3 วัน นอกนั้นจะเป็นวันหยุดคริสมาสต์และปีใหม่ ภาพรวมราคาหลังจากผ่านกรอบแนวต้านบริเวณ 1070 มาได้ มองการปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีจุดเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้นบริเวณ 1070 บริเวณนี้ สำหรับแนวต้านแรกจะอยู่ระดับ 1078-1082 ก่อน หากผ่านไปได้ไปลุ้นกันระดับ 1097-1100
USD/THB
ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 12 ต่อเนื่องกัน มูลค่าขายสุทธิเมื่อวานนี้อยู่ระดับ 5,000 ล้านบาทเกินกว่าค่าเฉลี่ยของกระแสเงินทุนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ประเด็นหลักในตลาดยังเป็นกลุ่มสื่อสารที่ประมูลใบอนุญาติในราคาที่สูงและหลายตัวยังคอยกดดันดัชนี ทิศทางค่าเงินบาทมองการแกว่งตัวในกรอบ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลข Final GDP ของอเมริกาออกมาที่ระดับ 2.0% จากรอบก่อนที่ 2.1% และคาดการณ์ 1.9% เป็นการออกมาน้อยกว่าไตรมาสก่อนหน้า แต่มากกว่าที่คาดการณ์ โดยเป็นผลมาจากการปรับการขยายตัวของสินค้าคงคลังจาก ทั้งนี้ตลาดทองคำไม่ได้รับข่าวเท่าไรนัก ราคายังคงผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆ ส่วนยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.76M จากเดือนก่อนหน้า 5.32M เท่ากับคาดการณ์
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ (DJIA) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 166 จุด จากสต๊อกสินค้าที่ลดลงที่สะท้อนออกไปยังตัวเลข GDP ที่ออกมาหดตัวน้อยกว่าคาดการณ์ ทั้งนี้เนื่องจากเข้าใกล้เทศกาลวันคริสมาสต์ทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะผันผวนในกรอบที่แคบลง จากปัจจัยที่ยังคงเบาบาง
- การเมืองในประเทศสเปนหลังจากพรรคฝ่ายขวา (Right-wing) คุณ Mariano Rajoy ได้รับการเลือกตั้งมาในช่วงสัปดาห์ที่แล้วและไม่สามารถมีเสียงส่วนใหญ่ในสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นสเปน (IBEX) ปรับตัวลดลงแรง (-3.5%)ก่อนที่จะมีรีบาวน์ขึ้นมาเมื่อวานนี้ เนื่องจาก ความกงัวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้เช่นเดียวกับประเทศกรีซ ทั้งนี้ตลาดอื่นไม่ได้รับข่าวตรงส่วนนี้เข้าไปมากนัก นอกจากนี้ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้
- ข่าวสารในประเทศเอเชียยังเบาบางช่วงนี้ ล่าสุดข่าวจากในประเทศไทย รมว.คลัง ได้คิดมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อ-ของช่วงวันที่ 25-31 ธันวาคม ซึ่งเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปีใหม่
- ปริมาณสัญญา Put option ในน้ำมันดิบที่หมดอายุ JUN16 (P25) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแรง และเป็นสัญญาที่มี Strike price ที่น้อยกว่าราคาตลาดปัจจุบันซึ่งจะทำให้คาดว่าจะส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงแรงไปจนเกินกว่าระดับ $20-$25/บาร์เรลในอนาคต
- โบรกเมืองนอกหลายโบรกปรับเป้าราคาทองคำลงสู่ระดับ $1000 เนื่องจากสภาวะที่ FED เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
แนวทางทองคำวันที่ 22-12-58
แนวรับ 1073 1070 1065 แนวต้าน 1078 1082 1090
ราคาทองคำขึ้นมาทดสอบกรอบบนบริเวณ 1078-1082 และยังไม่สามารถผ่านไปได้ เบื้องต้นมองการแกว่งตัวบริเวณนี้ก่อนแถว 1080 + - แต่คิดว่า โอกาสที่จะผ่านขึ้นไปนั้นมีสูง กรณีผ่านไปได้นั้นมองแนวต้านไว้ประมาณ 1097-1100 ที่น่าจะไปหยุดบริเวณใกล้ๆนั้นก่อน เนื่องจากวันนี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP ของอเมริกาซึ่งคาดการณ์ออกมาเป็นบวกกับทองคำ ซึ่งโดยรวมในภาพวัน ยังให้น้ำหนักการค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นไปในระยะกลาง
ทางเลือกรอง : ราคาที่หลุด 1070 ลงมานั้นมองว่า จะทำให้ฝั่งขึ้นที่มองไว้เสียความได้เปรียบไป
USD/THB
เมื่อวานนี้ดัชนีปรับตัวลดลงแรง นำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารที่แต่ละตัว ปรับตัวลดลงกันแรงกว่า 10% จากความกังวลเรื่องการประมูลคลื่นที่ราคาค่อนข้างแพง และได้ผู้เล่นรายใหม่เข้ามา ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่คอยกดดันดัชนีอยู่เมื่อวานนี้ เช้านี้เปิดตลาดรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อย ทิศทางโดยรวมเริ่มดูดีขึ้นตามตลาดหั้นทั่วโลก ทิศทางค่าเงินบาทมองว่า แข็งค่าในระยะสั้นแนวรับแรกบริเวณ 36.05
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้ หลังจากวันศุกร์ปรับตัวลดลงแรง ท่ามกลางสภาวะที่ไม่มีปัจจัยใหม่ๆและกำลังเข้าใกล้สู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ปริมาณการซื้อ-ขาย เบาบางลง โดยรวมแล้วนักวิเคราะห์ยังให้ความเห็นว่า ยังไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัดสำหรับการลงที่ค่อนข้างแรงของดัชนีหุ้นดาวโจนส์ , SP500 คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
- ประธาน FED สาขา Atlanta คุณ Dennis Lockhart ให้ความเห็นว่า ในปีหน้า FED มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป (Gradually) หมายความว่า จะไม่ได้มีการขึ้นดอกเบี้ยในทุกๆเดือนที่มีการประชุม ทั้งนี้ คุณ Lockhart จะไม่ได้อยู่ในที่ประชุม FOMC ในปีหน้า
- คุณ Jens Weidmann หนึ่งในสมาชิกของ ECB ให้ความเห็นว่า ภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนมีแนวโน้มจะฟื้นตัวมากขึ้น ในปีหน้า แต่ยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้อัตราว่างงานต่ำลงมากกว่านี้ ซึ่งสิ่งที่ท้าทายคือ ปัญหาหนี้ของกลุ่มยูโรโซนที่ยังค่อนข้างมาก และหากอัตราดอกเบี้ยเริ่มขึ้นนั่นจะทำให้ปัญหาเหล่านี้น่าหนักใจขึ้น
- ผลการเลือกตั้งของสเปนพบว่าพรรค the ruling people’s ได้รับเลือกอีกครั้งแต่ไม่ได้ครองเสียงส่วนใหญ่ในสภา และคาดว่า จะทำให้เป็นปัญหาเหมือนกรีซในอนาคต
-ทางการจีนได้ออกมาให้ความเห็นว่าจีนน่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม และคาดว่าจะเพิ่มการขาดดุลการคลังมากขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่จะปฎิรูปเศรษฐกิจฝั่ง Supply หรือที่เรียกว่า Supply-side reform เพื่อสร้างเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ สาเหตุที่ต้องการปฎิรูป Supply-side เนื่องจาก มองว่าการเติบโตของจีนจะเป็นแบบ L-shape (เศรษฐกิจดิ่งลง และทรงตัวออกข้าง) ซึ่งภาวะแบบนี้ให้ความเห็นว่า Demand-side reform ไม่สามารถกระตุ้นได้
- กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองทองคำลงอีก 0.46% สู่ระดับ 645.94 ตัน เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี ส่วนข่าวอื่นๆนั้นยังพบว่า ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม เมื่อวานนี้ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเนื่องจาก คาดการณ์การเติบโตปีหน้าของอเมริกาที่อ่อนแอลง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมา
- ราคาน้ำมันดิบเกิด Bullish divergent ในระยะสั้นมองการดีดตัวขึ้นมาเล็กน้อย
แนวทางทองคำวันที่ 21-12-58
แนวรับ 1065 1060 1055 แนวต้าน 1073 1078 1082
ราคาเริ่มรีบาวน์ออกมาจากกร
ทางเลือกรอง : จุดเปลี่ยนแนวโน้มในระยะสั้
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลข Flash PMI ภาคบริการปรับตัวลดลงสู่ระด
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ของอเมริกา
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล
- BOJ ได้ประกาศการผ่อนคลายนโยบาย
-ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีการประกา
- ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังจาก
- กองทุน SPDR ขายทองคำอีก 4.5 ตัน สู่ระดับ 630.17 ตัน ทำให้ในรอบเดือนที่ผ่านมามี
แนวรับ 1050 1047 1044 แนวต้าน 1058 1063 1067
ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาสู่ร
ทางเลือกรอง : ราคาที่ปิดเกินกว่า 1065 เท่านั้น (ครึ่งแท่งของแท่งที่ลงมาแร
USD/THB
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงข
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่าง
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลง
- ดัชนี German Ifo business climate ปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดั
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มส
- ตัวเลขราคาบ้านของจีนปรับตั
- จีน-ฮ่องกงเตรียมออกมาตรการ
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล
- ทองคำปรับตัวลดลงกว่า 2% เมื่อวานนี้ เป็นการปรับตัวลงแรงสุดในรอ
แนวรับ 1063 1060 1055 แนวต้าน 1069 1075 1078
ผลการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้พบว่า เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก 0.25% สู่ระดับ 0.5% และทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งโดยรวมแล้ว ตลาดได้รับรู้ข่าวเข้าไปส่วนหนึ่งจึงทำให้เกิดความผันผวนและปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ภาพรวมยังมองการแกว่งตัวแบบ Sideway down โดยมีเป้าหมายบริเวณเดิมคือ 1060 หรือต่ำกว่า ในขณะที่แนวต้านสำคัญสุดท้ายจะอยู่บริเวณ 1078 ต้องผ่านระดับนี้ไปจึงจะชะลอการลง ภาพรวมยังดูลง
ทางเลือกรอง : ราคาที่ผ่าน 1078 ขึ้นไปได้นั้นมองว่าเป็นแนวต้านระยะสั้น และถ้าหลุดไปจะมองการปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อย
USD/THB
กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เดิมที่ 1.5% และให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนความกังวลนั้นไปอยู่ที่ทิศทางเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวยากขึ้นเมื่อเทียบกับการประชุมเดือนก่อนหน้า วันนี้ติตตามผลการประชุม 4G อย่างต่อเนื่อง หลังจากการประมูลใบ 900 ทั้งสองใบนั้น มีราคาจะเกินกว่าคลื่น 1800 แล้ว และ ไม่เป็นผลดีกับบริษัทกลุ่มสื่อสารที่จะมีต้นทุนสูงขึ้น
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ผลการประชุม FOMC เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งเเรกในรอบ 7 ปี นับจากเดือน ธันวาคม 2008 พอดี ( ปรับเพิ่ม 0.25% เข้าไปอยู่โซนระดับ 0.50% ) ท่าทีของที่ประชุมเป็นโทนกลาง (สาย Dovish ผสมกับ Hakwish) เเละคาดว่าจะค่อยๆทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ไม่ได้ขึ้นแบบชันหรือรวดเร็ว นอกจากนี้มองว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับเข้าใกล้ 2% ในช่วงปี 2017-2015 ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจอเมริกาในระยะ 3 ปีข้างหน้า อยู่ประมาณ 2.3-2.4% ซึ่งเป็น Growth ที่ค่อนข้างเบาบาง เเละ อัตราว่างงานมีเเนวโน้มปรับตัวลดลงสู่ 4.5-4.9% จากระดับปัจจุบันที่ 5%
- ดัชนี Flash PMI ของอเมริกาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.3 จากเดิม 52.8 เป็นการปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวลงในภาคการส่งออก
- ทางฝั่งยุโรปนั้นไม่ได้มีข่าวที่มีนัยสำคัญเมื่อวานนี้ แต่ตลาดหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้นต่ออีก ทางฝั่งค่าเงินยูโรพบว่าเริ่มอ่อนค่าลงภายหลังการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้ โดยรวมแล้วเงินยูโรที่อ่อนค่าลงนั้นมองว่าเป็นผลดีกับประเทศกลุ่มยุโรปที่จะช่วยเพิ่มการส่งออก
- ดัชนี Flash PMI ของยูโรโซน ออกมาที่ระดับ 53.1 จุดจากเดือนก่อนหน้า 52.8 ส่วน Flash PMI ของเยอรมันออกมาที่ระดับ 53 จากเดือนก่อนหน้า 52.9 นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อ CPI ยังเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 0.2% จากก่อนหน้า 0.1%
- ธนาคารกลางจีนปรับลดคาดการณ์การเติบโตในปีหน้าเหลือระดับ 6.9% จากก่อนหน้าประเมินไว้ว่า 7% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 1.8% จากเดิมในปีนี้ที่ 1.5% ทั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวน้อยลง
- ตัวเลขการส่งออกของญี่ปุ่นยังคงหดตัว –3.3% จากคาดการณ์หดตัว –1.6% นำโดยการส่งออกไปยีงจีนที่ปรับตัวลดลงแรง ส่วนการนำเข้ายังคงหดตัว และส่งผลให้ญี่ปุ่นยังคงมีการเกินดุลบัญชีอยู่ ทั้งนี้ตลาดหุ้นนิเคอิยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในช่วงแรกของการซื้อ-ขาย จากสต๊อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่จะมีแรงซื้อรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ ภาพรวมยังไม่ได้มีทิศทางที่มีนัยสำคัญเท่าไรนัก ยังคงได้รับปัจจัยลบกดดันอยู่
- กองทุน SPDR ในปัจจุบันยังคงเห็นการลดสถานะลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยังอยู่ระดับที่ต่ำกว่าช่วงกันยายน 2008