ประชาสัมพันธ์
แนวรับ 1123 1115 1111 แนวต้าน 1128 1132 1135
ทองคำเมื่อวานนี้ได้รับปัจจัยบวกจากภาคการผลิตของอเมริกา (PMI) ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และยังอยู่ระดับต่ำกว่า 50 จุด ทั้งนี้ทองคำปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านแถวบริเวณ $1130 + - พอดี ซึ่งบริเวณนี้มองว่าต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างมาก เพราะ ถือว่าเป็นแนวต้านสำคัญ รวมทั้งภาพรายชั่วโมงที่ส่งสัญญาณเริ่มชะลอตัวลงจึงมองว่า ถึงแม้ราคาจะยังปรับตัวสูงขึ้นต่อแต่ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้นและให้น้ำหนักทางฝั่งขึ้นต่อน้อยกว่า
ทางเลือกรอง : ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นผ่าน $1135 ขึ้นไปอีก จะยังพอมีช่องว่างให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกเล็กน้อยอีกประมาณ 10$ ซึ่งควรตั้งจุด Stop loss ฝั่งลงที่บริเวณแถว $1135 นี้
USD/THB
SET ปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้เล็กน้อยแต่ยังยืนอยู่บนแนวรับ 1280-1290 จุดซึ่งหากไม่หลุดบริเวณนี้ยังมองเป้าไว้ที่ระดับ 1340 จุด สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแรงกว่า 6% เมื่อวานนี้น่าจะคอยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและส่งผ่านไปยังดัชนีส่วนทิศทางค่าเงินบาทมองว่า เริ่มเห็น Bullish divergent mใหญ่ขึ้นในราย H4 อาจจะเป็นสัญญาณเตือนอีกครั้งว่าน่าจะมีการกลับตัวอ่อนค่าเล็กน้อยแนวต้าน 35.77
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของอเมริกาชะลอตัวลงสู่ระดับ 48.2 เท่ากับคาดการณ์ ขณะที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ 48.6 ทั้งนี้ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน (1 ปีกว่า) และอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งระดับที่ต่ำกว่า 50 จุดนี้บ่งบอกให้เห็นถึงภาคดารผลิตที่หดตัว
- ดัชนีเงินเฟ้อ PCE ที่เฟดใช้ตัวนี้เป็นเครื่องบ่งชี้เงินเฟ้อที่มีน้ำหนักกว่า CPI ทั่วไป ทรงตัวระดับ 0% จากเดือนก่อนหน้า 0.2% ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่ขยายตัวเช่นกัน โดยรวมแล้วกลุ่มตัวเลขของอเมริกาส่วนใหญ่แล้วออกมาไม่ดี แต่ทั้งนี้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ยังทรงตัวและยังอยู่ในแนวโน้มของการรีบาวน์ขึ่นไปได้ ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนส่วนใหญ่แล้วออกมาดีขึ้นเกือบทั้งหมดไปจนถึงทรงตัว ทั้งนี้เมื่อมองรวมๆ ดัชนี PMI ของยูโรโซนของทุกประเทศที่ประกาศออกมาอยู่เกินกว่าระดับ 50 หมด บ่งบอกถึงภาคการผลิตที่ยังคงขยายตัว เรียงตามประเทศได้ดังนี้ สเปน 55.4 จุด (ขยายตัวที่สุดในกลุ่มยูโรโซน) อิตาลีชะลอตัวเล็กน้อยสู่ระดับ 53.2 จุด ฝรั่งเศสทรงตัวที่ 50 จุด เยอรมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 52.3 จุด และเมื่อรวมของยูโรโซนทรงตัวระดับ 52.3 จุด ทั้งนี้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้
- ตลาดหุ้นทางฝั่งเอเชียไม่ได้มีอะไรประกาศออกมาใหม่ หลังจาก BOJ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยจนสู่ระดับ –0.1% ในวันศุกร์ตามมาด้วยตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีน และ กิจกรรมทางภาคเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และ ราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งทำให้ตลาดหุ้นทางฝั่งเอเชียปรับตัวลดลง แต่ปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย คาดว่าจะรับข่าวร้ายจากทางจีนไประดับหนึ่งแล้วนับจากต้นปี
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้หลังจาก ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนปรับตัวแย่ลง และมาซ้ำด้วย ซาอุดิอาระเบียที่ออกมาให้ความเห็นว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการประชุมฉุกเฉินเพื่อลดกำลังการผลิตลง ทั้งนี้นักวิเคราะห์ประเมินว่า หากราคาน้ำมันดิบอยู่ต่ำเช่นนี้ไปอีก 2 ปีซาอุอาจจะใช้เงินสำรองจนหมดและมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายได้ ส่วนข่าวในตลาดทองคำพบว่ากองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำ
แนวทางทองคำวันที่ 1-2-59
แนวรับ 1111 1109 1100 แนวต้าน 1125 1128 1135
ทองคำปรับตัวลดลงสู่แนวรับระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายก่อนปรับตัวสูงขึ้นโดยได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลข GDP ของอเมริกาที่ออกมาน้อยลง เบื้องต้นมองว่า ยังมี Upside ถึงบริเวณ 1128 ซึ่งโดยรวมแล้วยังไม่เสียทรงไปเท่าไร เพียงแต่ทิศทางตลาดหุ้นเริ่มให้น้ำหนักรีบาวน์มากขึ้นจากนโยบาย BOJ ที่ลดดอกเบี้ยสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรก และกระตุ้นให้คนวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากขึ้นเพื่อหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าพันธบัตร จึงต้องระมัดระวังเรื่องเงินที่จะไหลออกจากทองคำ
ทางเลือกรอง : แนวรับระยะสั้นจะยังอยู่ที่ 1108 เช่นเดิม หากราคาหลุดลงไปจากตรงนี้เท่านั้นจึงจะทำให้ฝั่งขึ้นเสียทรงไป
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้นต่อไปยังระดับ 1300 จุด (ผ่านแนวต้าน 1280-1290 ไปได้อย่างสวยงาม)ขอรอลุ้นดูอีกวันว่าจะสามารถทรงตัวแบบนี้ได้หรือไม่ หากลงแล้วไม่หลุด 1280 นี้ไปมองว่า ดัชนีมีแนวโน้มปรับไปทดสอบ 1340-1350 จุดซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญอีกแนวหนึ่ง ตลาดหุ้นได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นทั่วโลก และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของไทยปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องแนวรับ 35.60
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลข Advance GDP ของอเมริกาออกมาที่ระดับ 0.7% จากไตรมาสก่อนหน้า 2% และคาดการณ์ 0.8% หดตัวลงต่อเนื่องตามคาดการณ์ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่แล้วชะลอตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ส่วน Advance GDP Price index ชะลอตัวลงตามทิศทางของ GDP เช่นเดียวกัน บ่งบอกให้เห็นถึง เงินเฟ้อโดยรวมแล้วก็ยังคงปรับตัวลดลง และส่งผลให้ GDP ตัวหลักหดตัวลงด้วย
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคแบบตรวจทาน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 92 จุด จากเดือนก่อนหน้า 93.3 จุด และเงินเฟ้อคาดการณ์ของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 2.5% จาก 2.4% ทั้งนี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น 396 จุด (+2.47%) จากแนวโน้มเชิงบวกที่ออกมาจากตลาดหุ้นญี่ปุ่น
- เงินเฟ้อทั่วไป CPI ของฝั่งยุโรปขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า 0.2% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานหมวดไม่รวมสินค้าประเภทพลังงานและอาหารสด (Core CPI) ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกันสู่ระดับ 1% จาก 0.9% เป็นสัญญาณที่ดีที่เงินเฟ้อของยุโรปเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้จะยังห่างไกลจากเป้าธนาคารกลางที่ 2% แต่ก็ดูดีขึ้น
-ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลกถึงแม้จะมี GDP ของฝรั่งเศสจะชะลอตัวลง แต่ตลาดกลับไม่ให้ข่าวลบเท่าไร
- ผลการประชุม BOJ เมื่อวันศุกร์พบว่า ธนาคารกลางญ่ปุ่นคงเป้าการทำ QQE ไว้ที่ระดับเดิม เพียงแต่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ –0.1% เป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนถึงติดลบ ทั้งนี้การติดลบนั้นเป็นส่วนของธนาคารพาณิชย์ที่ต้องการมาฝากเงินไว้กับธนาคารกลางเฉพาะในส่วนที่เกินกว่า RRR (เงินสำรอง) ที่ธนาคารกลางกำหนดไว้
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 49.4 จากเดือนก่อนหน้า 49.7
- ตลอดเดือนมกราคมที่ผ่านมาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 5% จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว นำโดยจีน ส่วนนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ถ้าหากในเดือนถัดๆไปไม่ได้มีอะไรเลวร้ายกว่านี้ น่าจะเห็นแรงขายออกจากตลาดทองคำบ้าง แต่สิ่งที่เราเรียนรู้จากเดือนนี้คือ ทองคำยังคงเป็น Safe-haven อยู่ในช่วงนี้ ท่ามกลางคาดการณ์ว่า FED จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้ ซึ่ง MKS ให้แนวต้านไว้ที่ $1150 ในรอบนี้
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อว
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1118 ไป จะเริ่มเปิดฝั่งขึ้นระยะสั้
USD/THB
ทิศทางค่าเงินบาทที่มองอ่อน
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
-ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่า
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวสูงข
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้
- มีข่าวจากฝั่งอังกฤษที่ไม่ไ
- การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญ
- ราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ได
- ข่าวทางฝั่งทองคำยังไม่มีนั
แนวรับ 1117 1109 1100 แนวต้าน 1128 1130 1135
จากผลการประชุม FOMC เมื่อวานนี้ทองคำได้รับปัจจัยบวกจากการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม และแนวโน้มดอกเบี้ยในปีนี้ยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ จึงทำให้ปัจจัยบวกในเรื่องนี้มองว่า เริ่มเบาบางลง ส่วนภาพรวมทองคำปรับตัวไปทดสอบแนวต้าน 1125 ไปแล้วย ยังให้น้ำหนักของการพักฐานลงมาอยู่ มองไว้ระดับ 1109-1112 เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ภาพรวมยังอยู่ในแนวโน้มของการปรับตัวขึ้นในภาพรวม แต่มีความเสี่ยงเรื่องการพักฐานสั้นๆ
ทางเลือกรอง : ราคายังปรับตัวขึ้นต่อ หากหลุด 1125-1130 ไปได้ จึงจะมองว่า การพักน่าจะจบ และพร้อมจะปรับตัวขึ้นต่อ
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นสู่ใกล้แนวต้าน 1280-1290 ซึ่งระดับนี้เป็นแนวต้านกลุ่มแรกๆที่ค่อนข้างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ภาพรวมแล้วยังอยากเห็นสัญญาณการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเพื่อที่จะกลับตัวขึ้นมาได้ ในปัจจุบันการขึ้นยังดูไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงภาพรวมที่ยังเป็นลบให้ดีขึ้นได้ ทิศทางค่าเงินบาทยังเห็น Bullish divergent อยู่ และ มองว่าการแข็งค่าระยะสั้นน่าจะเริ่มกลับมาอ่อนค่า แนวต้านสำคัญ 36.00
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ผลการประชุม FOMC เมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่า ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม (0.5%) และจะติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกแบะภาวะตลาดทุนทั่วโลกอย่างใกล้ชิด คาดว่าในปีนี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนภาวะเศรษฐกิจของอเมริกาพบว่า เศรษฐกิจชะลอตัวลงในครึ่งปีหลัง (ตัวเลขที่ประกาศออกมาในช่วงหลังขึ้นดอกเบี้ย ส่วนใหญ่ออกมาแย่ลงกว่าเดิมทั้งหมด โดยเฉพาะ ภาคการผลิต ที่ดัชนี PMI ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง) ส่วนการใช้จ่ายของภาคเอกชนและภาคการลงทุนชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงกว่า 200 จุดจากความกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ และแนวโน้มการประกาศผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่แย่ลง
- ตลาดทางฝั่งยุโรปหลังการประชุม FOMC ออกอาการกังวลเช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ตลาดฝั่งยุโรปเริ่มกลับมากังวลถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น ถึงแม้จะได้รับปีจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบแต่ก็ได้รับแรงกดดันจากที่ประชุมที่ค่อนข้างกังวลเช่นเดียวกัน และถึงแม้ผลกำไรของบริษทจดทะเบียนในยุโรปจะเริ่มออกมาดี ขยายตัวเร็วกว่าอเมริกา แต่ก็ยังมีความกังวลในอนาคตอยู่ ทั้งนี้เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย
- สื่อจาก Bloomberg พาดหัวว่า เงินสำรองของจีนกำลังเผชิญกับสภาวะตึงตัว (under pressure) หลังจากจีนเคยมีทุนสำรองเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4 ล้านล้านหยวน ปัจจุบันปรับตัวลดลงสู่ระดับ ใกล้ 3.3 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นการลดลงอย่างรวดเร็ว และปรับตัวเข้าใกล้ระดับปี 2011-2012 จีนในปัจจุบันกำลังเผชิญกับเงินทุนไหลออกจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง และ การปรับตัวลดลงแรงของตลาดหุ้น ทั้งนี้ตลาดหุ้นจีนยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ $32/บาร์เรล ท่ามกลางข่าวบวกที่ยังคงเบาบาง มีการลดสถานะ Short ลงเท่านั้น ส่วน Supply จากทางอิหร่านรวมถึงกลุ่ม OPEC เดิมที่ยังคงกำลังการผลิต และ Demand ที่น้อยลงจากเศรษฐกิจโลกเติบโตช้าลงยังคอยกดดันราคาน้ำมันดิบในภาพรวม
- MKS มองว่าผลการประชุม FOMC นั้นค่อนข้าง Dovish น้อยกว่าที่คาดการณ์
แนวทางทองคำวันที่ 27-1-59
แนวรับ 1117 1109 1100 แนวต้าน 1128 1130 1135
ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและเข้าใกล้แนวต้านแถว 1120-1130 ซึ่งตรงนี้มองว่า ขึ้นมาแรงพอสมควร เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง แนะนำว่าทยอยลดสถานะซื้อลง ถึงแม้ราคาจะขึ้นต่อแต่ระดับปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อการพักฐานค่อนข้างมาก ส่วนปัจจัยบวกยังมีอยู่ค่อนข้างเยอะในตลาด ทั้งความต้องการ physical ที่มากขึ้น เม็ดเงินที่ไหลเข้าจากกองทุนต่างๆ มากขึ้น แต่ยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง วันนี้จะมีผลการประชุม FOMC ตลาดคาดการณ์ว่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ
ทางเลือกรอง : ราคาถึงแม้จะมองว่าให้ระวัง เต่ยังมีโอกาสยาวไปจนถึง 1135 ซึ่งเป็นแนวต้านสุดท้าย ต้องลองชั่งน้ำหนักระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงดู
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในแนวโน้มของการรีบาวน์ ซึ่งเมื่อวานนี้แข็งแกร่งเกินคาด หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง และ ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงแรง แต่ตลาดหุ้นไทยกลับปิดบวกเล็กน้อยได้ และวันนี้ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ยังมองแนวต้านเดิมประมาณ 1280-1290 โซนนั้นซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ มีประกาศตัวเลขส่งออกเป็นลบมากสุดในรอบ 6 ปีซึ่งเป็นข่าวร้าย ทิศทางค่าเงินบาทยังมองแข็งค่าไม่มาก
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB consumer confidence) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 98.1 จากเดือนก่อนหน้า 96.3 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดที่ประมาณ 103 ที่เคยทำไว้เมื่อ มกราคม 2015 ( 1 ปีที่แล้วพอดี ) ส่วนทางฝั่ง Flash service PMI ปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 53.7 จากเดือนก่อนหน้า 54.3
- Goldman sachs ปรับลดประมาณการณ์เป้าหมายของดัชนี SP500 ลงเล็กน้อย จากความกังวลว่าจะเกิดภาวะ Earnings recession ที่คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะชะลอตัวลงอีกไตรมาสติดต่อกัน และอาจจะส่งผลกระทบต่อภาค Real sector ด้วย ทั้งนี้ต้องติดตามตัวเลขจริงๆว่าจะออกมาในทิศทางไหน ส่วนวันนี้จะมีการประชุม FOMC ซึ่งตลาดคาดาการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม
- ข่าวทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรปยังไม่ได้มีนัยสำคัญมากเท่าไรนัก ยังคงเคลื่อนไหวไปตามทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบ หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามในช่วงนี้ ยังไม่ได้มีข่าวที่เฉพาะตัวของทางฝั่งยุโรป
- ผลประกอบการของกลุ่ม Hedge fund ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์พบว่า ส่วนใหญ่แล้วผลประกอบการออกมาไม่ดีในปีนี้และช่วงท้ายๆมา นับจากกลุ่มโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวลดลงแรงจากความต้องการที่น้อยลงจากจีน
- ตัวเลขการส่งออกของไทยปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี (จากปี 2010) ตัวเลขออกมาระดับ –5.78% ส่วนการนำเข้ายังหดตัวแรง ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเกินดุลการค้า นักวิเคราะห์คาดว่า การส่งออกที่ชะลอตัวลงจะยาวมาจนถึงปีนี้ที่คาดว่าการส่งออกก็มีแนวโน้มที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่
- ตลาดหุ้นจีน (CSI 300 ) ปรับตัวลดลงแรงกว่า 6% ถึงแม้จะมีการประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบการเงินก็ตาม
- ธนาคารโลกปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบลงอีกสู่ระดับ $37/บาร์เรลในปีนี้ จณะที่รอบก่อนมองไว้ที่ $51/บาร์เรล ทั้งนี้ได้มีการปรับลดเป้าหมายกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ลงอีก จากอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์ลดลง
- ตัวเลขการนำเข้าทองคำของจีนจากฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ส่วนธนาคารกลางคาซัคสถานยังมีการซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีก ข้อมูลเปิดเผยจาก IMF
แนวรับ 1110 1105 1100 แนวต้าน 1115 1125 1130
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่แนวต้านแรก $1110 มองว่ายังมีแรงปรับตัวขึ้นต่อ แต่ตอนนี้ก็เป็นจุดที่สามารถทยอยลดสถานะได้ โดยมีแนวต้านอีกแนวหนึ่งบริเวณ 1120-1130 ซึ่งมองว่าตรงนั้นเป็นแนวต้านสำคัญมากๆแนวต้านสุดท้ายที่ควรจะลดสถานะฝั่งซื้อ (ถึงแม้ราคาจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้อีกก็ตาม) เพื่อความชัวร์ ส่วนข่าวที่มีผลกับทองคำยังคงเหมือนเดิม ทองคำในช่วงต้นปียาวมาจนถึงปีนี้ได้รับแรงบวกจากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยยามที่อย่างอื่นให้ผลตอบแทนต่ำ
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1110 ลงมาแรงๆจะทำให้กลายเป็น False break ที่แนวต้านไป ทั้งนี้โอกาสเกิดมองว่าน้อยกว่า
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อดัชนีโดยรวม ทั้งนี้ยังมองว่า โดยรวมแล้วยังอยู่ในแนวโน้มของการรีบาวน์ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทเริ่มเห็น Bullish divergent ในรายชั่วโมง มองว่า ระยะสั้นการแข็งค่าจะไม่น่ามากไปกว่านี้เยอะ น่าจะเริ่มอ่อนค่าได้ถึงทรงตัวแนวต้านบริเวณ 36.00
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้กว่า 1% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ นักลงทุนต่างติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศในท้ายสัปดาห์นี้ และผลการประชุม FOMC ในคืนวันพุธ ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่า ที่ประชุมจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม (หลังจากขึ้นมาแล้วในเดือน ธันวาคม 2015) ในปีนี้สิ่งที่น่าติดตามจากการประชุมแต่ละครั้งคือ ก้าวการขึ้นดอกเบี้ยว่าจะเร็วหรือช้าขนาดไหน
- ถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่มีนัยสำคัญกับการเคลื่อนไหวของดัชนีเท่าไรนัก เบื้องต้นนักวิเคราะห์ประเมินว่า ผลกำไรต่อหุ้นที่จะประกาศอาจจะออกมาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และปัจจุบันอเมริกาเริ่มเผชิญกับอากาศหนาวอีกแล้ว (ทุกต้นปี)
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ ถึงแม้ในสัปดาห์ก่อนหน้าจะมีการประชุม ECB ที่คุณ ดรากี้กล่าวไปในทำนองที่ว่า มีเครื่องมือที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจรอการใช้งานอยู่ หากอัตราเงินเฟ้อและ เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะตกต่ำอยู่ ซึ่งตลาดรับข่าวเพียงเล็กน้อย และ ไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องดังกล่าวเท่าไร
- German Ifo business climate ที่เป็นตัววัดคล้ายๆกับความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเดือนที่ผ่านมา และแนวโน้มโดยรวมยังชะลอตัวลง
- ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มให้กับระบบการเงินล่าสุดเพิ่มอีก 440 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบ ขณะที่เพื่อไม่ให้เกิดการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจนเกินไป ก่อนที่เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน และเพื่อเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- GDP ของรัสเซียหดตัวสูงสุดสู่ระดับ –3.7% จากรอบก่อนหน้าขยายตัว 0.6% ทั้งนี้ยังดีกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยไว้ที่ –3.8%
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้หลังจากขึ้นแรงรอบสองวันกว่า 11% ซึ่งมองว่าเป็นการพักตัวจากการขึ้นแรงเท่านั้น ส่วนข่าวที่ใช้ประกอบ คือ การที่อิรักเพิ่ม Supply ของโลกขึ้นไปอีกในเดือน ธันวาคม ( Oil production เพิ่มสู่ระดับสูงสุด)
- เป้าราคาทองคำเฉลี่ยปีนี้ CNBC ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ $1118 ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009
แนวรับ 1098 1093 1090 แนวต้าน 1102 1107 1110
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลุดแนวต้านขึ้นมา มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการปรับตัวขึ้นต่อ แนวต้านที่ประเมินไว้จะอยู่ใกล้บริเวณ $1120-1130 ซึ่งเป็นแนวต้านในภาพรวม ส่วนแนวต้านแรกจะอยู่แถว $1110 ทั้งนี้ปัจจัยบวกที่มาสนับสนุนช่วงนี้คือ การเพิ่มสถานะ Long สุทธิในฟิวเจอร์ และ เม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน ETP และ SPDR ส่วนปัจจัยบวกเรื่องตลาดหุ้นพบว่า เบาบางลง และคาดว่า ตลาดหุ้นจะเข้าสู่แนวโน้มรีบาวน์ในช่วงนี้แล้ว ให้ระมัดระวังตรงนี้ด้วยระดับหนึ่ง
USD/THB
ตลาดหุ้นรีบาวน์แรงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นใกล้แนวต้านแรกที่บริเวณ 1290 จากกลุ่มราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแรง ทำให้กลุ่มพลังงานได้รับปัจจัยบวกและดึงดัชนีขึ้นมา ทั้งนี้ ช่วงนี้จะเป็นช่วงการประกาศกำไรไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ส่วนในฟิวเจอร์พบว่าต่างชาติเพิ่ม Long สุทธิค่อนข้างมากในช่วงนี้ สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นหลุดระดับ 36.00 (แข็งค่าเกิน GAP ที่มองไว้) และยังมีแนวโน้มแข็งค่าอีกเล็กน้อย
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- Flash PMI ของอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 52.7 จากเดือนก่อนหน้า 51.2 และคาดการณ์ 51.5 ซึ่งตัวนี้ยังไม่ใช่ Official PMI ที่มีนัยสำคัญเท่ากับ ISM-PMI ที่ประกาศทุกสัปดาห์แรกของต้นเดือน ทั้งนี้ยังเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นสำหรับตลาดหุ้น
- ตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง Existing home sales ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแรงสู่ระดับ 5.46 ล้านหลัง จากเดือนก่อนหน้า 4.76 ล้านหลัง และคาดการณ์ 5.21 ล้านหลัง เป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 5 ปี และขึ้นไปใกล้กับระดับสูงสุดเดิมเมื่อปี 2009 (ไม่ใกล้มาก)
- ดัชนีชี้นำ (CB Leading index) ซึ่งเป็นตัวใช้วัดสภาวะที่คาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตโดยใช้ข้อมูลในอดีต (เป็นหมวดดัชนีชี้นำ) หดตัวติดลบทั้งนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์รีบาวน์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากแนวรับสำคัญ
- Flash ของกลุ่มยูโรโซนปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 52.3 จากเดือนก่อนหน้า 53.2 โดยรวมแล้ว Flash PMI ของยูโรโซน ทั้งภาคบริการและภาคการผลิตต่างชะลอตัวลง และทุกประเทศสำคัญ อย่าง เยอรมัน ฝรั่งเศส ก็ชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน
- ประธาน ECB คุณ ดรากี้ แสดงความกังวลถึงภาวะเงินเฟ้อที่ยังชะลอตัวอยู่ระดับต่ำ เมือเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ทั้งนี้ ECB จะยังคงเตรียมเครื่องมือสำหรับดำเนินนโยบายทางการเงินให้มากขึ้น ทั้งนี้ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์
- รองประธานาธิบดีของจีนยืนยันว่า จะไม่มีแผนการลดค่าเงินหยวนในอนาคต ในอดีตการลดค่าเงินหยวนนั้นเป็นแค่การแก้ไขเรื่องการผูกค่าเงินดอลลาร์เท่านั้น
-ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียรีบาวน์ขึ้นท่ามกลางปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปรับตัวสูงขึ้นหลังจากตกลงมานานนับตั้งแต่ช่วงเปิดปีใหม่
- ความเห็นจากธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ พบว่า ยังไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนดุลการค้าของญี่ปุ่นประกาศออกมาเกินดุล จากการนำเข้าที่ลดลงเพราะ น้ำมันถูกลง
- มีข่าวบวกสำหรับตลาดทองคำคือ กองทุน Hedge fund เพิ่มสถานะ Bullish bet ในทองคำเป็นสองเท่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนเม็ดเงินที่ไหลออกจากกองทุน ETP พบว่าจากช่วงต้นปีมีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์ที่ลงทุนในทองคำ
- กองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำอีกเล็กน้อยสู่ระดับ 664.17 ตัน จาก 662.09 ตัน ซึ่งเห็นทิศทางเชิงบวกกับราคาทองคำมากขึ้น
แนวทางทองคำวันที่ 22-1-59
แนวรับ 1095 1093 1090 แนวต้าน 1102 1110 1120
ทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ตลอดเมื่อวานที่ผ่านมาที่ได้รับปัจจัยลบจาก ECB ทองคำได้แกว่งตัวในรูปแบบคล้าย Bull flag ซึ่งในทางทฤษฎีเป็นสัญญาณของการขึ้นต่อ (Continuous pattern) นอกจากนี้ยังได้เห็น False break กรอบล่างที่เกิดไส้เทียนยาวๆออกมาและกลับเข้าไปในกรอบ ทั้งนี้ทุกอย่างไม่ 100% ถึงแม้จะชัดเจน แต่ก็ยังควรมีจุด stop ซึ่งมองไว้ใต้ธงแถว $1090-1095 ส่วนเป้าหมายหากหลุดกรอบบนที่ $1102 + - คาดว่าจะขึ้นไปอีก $20 จากเสาธง และแนะนำให้ทยอยปิด
ทางเลือกรอง : ราคาไม่หลุด 1102 ขึ้นไป แต่หันมาแกว่งตัวในกรอบออกข้างแทน จะทำให้รูปแบบนี้เสียไป และกลายเป็นแนวโน้ม Sideways แทน
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงรีบาวน์ (ไม่หลุด Low เดิม) ถึงแม้เมื่อวานจะปรับตัวลดลงมาแต่ก็ยังไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไรนัก ช่วงนี้ความผันผวนจะกว้างมากขึ้น (ขึ้น-ลงแรง) ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ผันผวนมาตั้งแต่ต้นปี สำหรับแนวต้านระยะสั้นของ SET อยู่บริเวณ 1280-1290 ควรจะผ่านออกไปให้ได้ จึงจะเริ่มชะลอการลง ปัจจุบันลงแนวรับสำคัญเช่นเดียวกับดัชนีดาวโจนส์เลย ค่าเงินบาททิศทางแข็งค่าแนวรับ 36.00-36.05
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 293K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 283K และคาดการณ์ 279K สูงขึ้นที่สุดในรอบ 27 สัปดาห์ และเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ต่ำสุดนั้นจะอยู่ที่ 255K ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ส่วนทางฝั่ง Philly FED ปรับตัวลดลงน้อยลงสู่ระดับ –3.5 จาก –5.9 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ Philly FED ไม่ได้มีนัยสำคัญกับราคาทองคำเท่าไรนัก
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์รีบาวน์ออกจากแนวรับบริเวณ 15430-15450 จุดซึ่งเป็นบริเวณแนวรับสำคัญที่ไม่ควรจะหลุด ระหว่างวันปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ท้ายตลาดเห็นแรงขายลงมาปิดบวก แต่บวกน้อยลง ก็ยังมองว่า เป็นสัญญาณที่ดีระดับหนึ่งที่อย่างน้อยบริเวณแนวรับยังเห็นแรงเข้ามาพยุงดัชนีบ้าง ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นช่วงนี้ให้ดี
- ผลการประชุม ECB เมื่อวานนี้ยังพบว่า ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 0.05% แต่คุณ ดรากี้ส่งสัญญาณในเชิงที่ว่าพร้อมจะดำเนินนโยบายในอนาคตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากความผันผวนของ Financial market และ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ คุณ ดรากี้ ยังประเมินว่า Downside risk ของเศรษฐกิจยูโรโซนได้เพิ่มสูงขึ้นอีก ทั้งนี้ช่วงเวลาที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันถึงนโยบายที่จะออกมาเพิ่มเติมนั้นคือการประชุมเดือน มีนาคม 2016 นี้
- George Soros ออกมากล่าวถึงจีนว่า ท้ายที่สุดแล้วจีนน่าจะเจอกับ Hard landing (เศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรง) ซึ่ง คุณ โซรอสมองว่า Hard landing นั้นในทางปฎิบัติเป็นสิงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เค้าไม่ได้คาดหวัง แต่เค้าแค่สังเกตุอยู่ (I am not expecting it, I am observing it) และการถดถอยของจีนจะส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเงินฝืดไปทั่วโลก ปัจจุบันเค้ามีสถานะ Short ในดัชนี SP500
- ทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้หลังตามค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์การกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือน มีนาคม ช่วงที่มีผลการประชุม ECB ส่วนข่าวทางฝั่ง Physical นั้นยังพบว่า ความสนใจของคนยังน้อยลง ค่าพรีเมียมในจีนปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนข่าวทางเหมืองคาดการณ์กันว่า Supply จากเหมืองในปีนี้น่าจะปรับตัวลดลงจากราคาที่ต่ำลงเยอะ
ทิศทางโดยรวมยังอยู่ในเเนวโ
ค่าเงินบาท : แนวโน้มทรงตัวถึงเเข็งค่าใน
ข่าวสำคัญ
- จีนประกาศอัดฉีดสภาพคล่องคร
-ตลาดหุ้นอเมริกาเผชิญกับคว
แนวทางทองคำวันที่ 20-1-59
แนวรับ 1086 1080 1075 แนวต้าน 1096 1100 1110
ราคายังผันผวนในกรอบ แต่เริ่มหลุดออกจากแนวต้านเส้นแนวโน้มในระยะสั้นออกมาแล้ว ยังมองในทางบวกแนวต้านระยะสั้น $1096 ยาวไปจนถึง $ 1100 ขณะที่แนวรับระยะสั้นจะอยู่ตั้งแต่ $1080- 1085 ภาพรวมทั้งรายวันและสัปดาห์ยังอยูในฝั่งขึ้นที่มีความได้เปรียบกว่าโดยเฉพาะ ภาพวันที่โดยรวมแล้ว ยังอยู่ในแนวโน้วขึ้นชัดเจนกว่ารายสัปดาห์สังเกตุจากการยืนค่าเฉลี่ยของราคา และยังเหลืออีกเส้นหนึ่งที่เป็นเส้น 200 วันที่ระดับประมาณ $1125
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยรีบาวน์แรงขึ้นมาเมื่อวานนี้ จากเรื่องจีนที่ประกาศจะอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม ในวันนี้เปิดตลาดมาปรับตัวลดลงแรงใกล้เคียงกับที่ขึ้นไป แต่โดยรวมแล้วยังอยู่ในช่วงแนวโน้มของการรีบาวน์ขึ้นมาในระยะสั้น และยังลุ้นจุดต่ำสุดบริเวณ 1425 ว่าจะยังสามารถรับอยู่ ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวในกรอบ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขดัชนีตลาดบ้านเดือน มกราคมออกมาที่ระดับ 60 จุด เท่ากับเดือนก่อนหน้าแต่น้อยกว่าคาดการณ์ ซึ่งดัชนีนี้โดยรวมแล้วไม่ได้มีนัยสำคัญกับราคาทองคำมากเท่าไรนัก ทั้งนี้ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ก็เคลื่อนไหวแคบๆเช่นเดียวกัน ดัชนี SP500 ยังไม่หลุดจุดต่ำสุดเดิมที่บริเวณ 1,867 และนักวิเคราะห์ยังมองว่า ระดับที่อยู่บน 1,867 จุดนี้มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการรีบาวน์ชะลอการลดลงจากช่วงต้นปีที่ปรับตัวลดลงแรง
- IMF ลดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงเนื่องจาก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง คาดว่าในปีนี้จะเติบโต 3.4% ในปีนี้เทียบกับ 3.6% ในครั้งก่อน และ 3.6% ในปีหน้าเทียบกับครั้งก่อน 3.8% กลุ่มประเทศที่ถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์การเติบโตมีเพียงกลุ่มเดียวคือ ยูโรโซน
- German ZEW ที่เป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคต (Leading indicator) โดยจะไปทำการสำรวจนักวิเคราะห์ต่างๆที่มีข้อมูลอยู่ในมือมากกว่าคนธรรมดาว่ามองเศรษฐกิจในอนาคตอย่างไร ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 10.2 จุด จาก 16.1 จุดในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดประมาณ 50 จุดในช่วงกลางปี 2015 ส่วน ZEW ของยุโรปรวมๆนั้นก็ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเช่นเดียวกันสู่ระดับ 22.7 จุด
- ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของยุโรปปรับตัวขึ้น 0.2% เท่ากับเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์
- หลังจากที่จีนประกาศตัวเลข GDP ออกมาที่ 6.8% ธนาคารกลางจีนก็ได้ออกมาประกาศว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบวงเงินกว่า 600 ล้านหยวน ($91.22 Billion) เข้าสู่ระบบการเงินเพื่อช่วยการแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินนโยบายในทันที แต่วางแผนไว้ว่าจะเริ่มการอัดฉีดก่อนช่วงตรุษจีน (ต้นกุมภาพันธ์) ทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี่ เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วภูมิภาคในขณะที่วันนี้ชะลอตัวลงเล็กน้อย
- ข่าวในตลาดทองคำในช่วงนี้ยังไม่ค่อยมีมากนัก นักลงทุนต่างไปสนใจกับน้ำมันดิบที่เคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างรุนแรง และใกล้กับระดับต้นทุนการขุดเจาะแถว $25 ซึ่งเมื่อนับจากระดับ $28 ตรงนี้นับเป็นอีกแค่ 10% เท่านั้น รวมถึงเกิดภาวะ Bullish divergent ในภาพรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าติดตาม