ประชาสัมพันธ์
แนวรับ 1086 1080 1075 แนวต้าน 1096 1100 1110
ราคาทองคำแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อวานนี้ แต่ปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยมายังแนวรับ 1085 ซึ่งวันนี้ก็ติตดามแนวรับนี้เช่นเดิม ยังคิดว่าภาพรวมยังคงเป็นการปรับตัวสูงขึ้นได้ในระยะกลาง แนวต้านระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1095 ยาวไปจนถึง 1100 ปัจจัยบวกในช่วงนี้สำหรับตลาดทองคำยังมองว่าเป็นเรื่องของการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก และถึงแม้จีนจะประกาศ GDP ออกมาไม่ดี แต่คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1085 ลงมามองว่า จะเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งหนึ่ง
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ยังไม่หลุด low เดิม และเริ่มเห็น Bullish divergent ในระยะสั้นอีกครั้งหนึ่ง ในขณะครั้งที่แล้วราคาดีดขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ต้องติดตามว่าครั้งนี้จะดีดขึ้นได้แรงขนาดไหน โดยรวมแล้วยังขาดปัจจัยอะไรใหม่ๆที่เข้ามา ส่วนทิศทางค่าเงินบาทยังทรงตัวอยู่ในกรอบ มองทิศทางแข็งค่าลงมาเล็กน้อย แนวรับสำคัญจะอยู่บริเวณ 36.00-36.05
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- เมื่อวานไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกา เนื่องจากเป็นวันหยุด มาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ ในวันศุกร์โฆษกของทำเนียบขาว คุณ Josh Earnest กล่าวว่า การเคลื่อนไหวและความผันผวนของตลาดนั้น ถูกจับตามองโดย Treasury department และตลาดการเงินทั่วโลกก็ถูกจับตาดูอยู่เช่นกัน ทั้งนี้โดยปกติแล้ว ทำเนียบขาวไม่ค่อยได้ออกมาแสดงความกังวลกับเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก แต่รอบนี้เริ่มมาให้ความเห็นมากขึ้น
- ประธาน FED สาขาต่างๆออกมาให้ความเห็นในวันศุกร์เช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วให้ความเห็นไปในทางเดียวกันคือ ทิศทาง หรือ ก้าวการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดโลกเป็นหลัก
- นักเศรษฐศาสตร์ของทาง Bloomberg กว่า 60% มองว่า ECB จะมีมาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติมในปีนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแรงตั้งแต่ต้นปี และกดดันภาพรวมเงินเฟ้อของยูโรโซน ซึ่งทางเลือกที่มองไว้คือ 1.เพิ่มวงเงินการซื้อสินทรัพย์ต่อเดือน 2. ขยายระยะเวลาออกไปเพิ่มอีก 3. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้หลักจาก ECB เริ่มทำ QE ปัจจุบันกินระยะเวลากว่า 10 เดือนแล้ว แต่ราคาและเงินเฟ้อกลับแทบที่จะไม่เปลี่ยน นอกจากนี้ระยะเวลาที่จะถึงเงินเฟ้อเป้าหมายยังดูยาวมาก
- จีนประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสสุดท้ายของปี 2015 (ตุลาคม-ธันวาคม 2015) ออกมาขยายตัวระดับ 6.8% จากคาดการณ์ 6.9% ทำให้เป็นการออกมาน้อยกว่าคาดการณ์ ทั้งนี้เมื่อนับรวมตลอดทั้งปี 2015 พบว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.9% เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1990 ซึ่งปี 2015 เป็นปีที่เศรษฐกิจจีนมาถึงจุดเปลี่ยนผ่าน และปฎิรูปเศรษฐกิจให้มีความเป็นสากลมากขึ้นรวมถึงการเปลี่ยนปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากกภาคการผลิตสู่ภารบริการ เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของจีน
- OPEC ทำนายว่า ตลาดน้ำมันดิบจะปรับเข้าสุ่สมดุลในปี 2016 นี้เนื่องจาก Supply จากกลุ่มนอกประเทศ OPEC คาดว่าจะมีกำลังการผลิตที่ลดลง ประเมินไว้ 660,000 บาร์เรลต่อวัน (จากเดิมประเมินไว้ 380,000 บาร์เรลต่อวัน) เนื่องจาก ราคาน้ำมันดิบที่ต่ำลงมีแนวโน้มจะทำให้ความต้องการมากขึ้นขณะที่ปริมาณที่ผลิตได้ลดลง
- เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงนักวิเคราะห์มองว่า จะทำให้ Demand ทองคำจากจีนลดลง
ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นใน
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงช
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ยอดค้าปลีกของอเมริกาออกมาท
- ตัวเลขอัตราการใช้กำลังการผ
- ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยล
- ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุม ECB นักวิเคราะห์ต่างคาดหวังที่
- ในเช้าของวันพรุ่งนี้จะมีปร
- ยอดสินเชื่อใหม่ของจีนทรงตั
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู
- ข้อมูลจาก CFCT เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่า
แนวทางทองคำวันที่ 15-1-59
แนวรับ 1075 1071 1065 แนวต้าน 1087 1090 1095
ราคาปรับตัวลดลงหลุดแนวรับแรกบริเวณ 1085 ลงมา ซึ่งจะทำให้ฝั่งขึ้นชะลอตัวลง จึงมองว่า คาดว่าจะเป็นแนวโน้ม Sideways ไปอีกสักพัก ทั้งนี้โดยรวมแล้วยังเห็นแนวโน้มขาขึ้นในภาพรวมที่ยังไม่เสียทรงไปมากเท่าไรนัก ยังพอประคองตัวได้ ระยะสั้นในวันนี้มองขึ้นไปแนวต้านบริเวณ 1087-1090 ก่อนเป็นอันดับแรก แนวโน้มในภาพรายสัปดาห์เริ่มเห็นเป็นแนวโน้มของการชะลอตัวมากกว่าในระยะสั้น ปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้จะยังคงเบาบาง
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยยังมองว่า ท่ามกลางการขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาในช่วงนี้ จึงมีทิศทางการเคลื่อนไหวไปตามตลาดโลก แต่ทางฝั่งลบจะเปรียบมากกว่า ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นแนวโน้มการรีบาวน์ของดัชนีในภาพวัน จึงคาดว่าจะเป็นการชะลอตัวการลงในระยะสั้นและเริ่มเข้าสู่ Earning season ของไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ต้องติดตามว่า EPS ของดัชนีจะเติบโตพอให้ P/E ที่ปัจจุบัน 22 เท่า ลงมาต่ำกว่านี้ได้ไหม
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 284K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 277K และคาดการณ์ 275K เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ทองคำกลับได้รับปัจจัยบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้
- ช่วงนี้จนถึงเดือน กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงประกาศตัวเลขผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกำไรในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้วของอเมริกา Bloomberg คาดว่าจะหดตัว -7.2% และเข้าสู่ภาวะถดถอยของกำไร (Earning recession) สิ่งที่เป็นตัวกดดันผลกำไรของตลาดโดยรวมคือ กลุ่มของพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ (รวมเหมือง) นอกจากนี้ยังให้ความเห็นว่า หากอยากเห็นผลกำไรกลับตัวแบบ V-shape ต้องรอดูว่าเงินดอลลาร์จะหยุดแข็งค่าขึ้นหรือไม่หรือน้ำมันดิบจะหาฐานและเลิกปรับตัวลดลงแรง
- เมื่อวานมีรายงานจากทางที่ประชุม ECB ออกมาพบว่า คณะกรรมการหลายท่านของ ECB อยากเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากกว่านี้ในเดือนธันวาคม (รายงานจะออกมาหลังจากการประชุม) ซึ่งคณะกรรมการคาดการณ์ว่าจะออกมาปรับลด –0.2% แต่กลับลดจริงที่ –0.1% ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2017
- ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปยังคงทรงตัวระดับใกล้เดิม ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงนัก เนื่องจาก ยังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามา รวมถึง ราคาน้ำมันดิบเริ่มหยุดการลงระยะสั้น
- เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในเมือง จาการ์ตา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เหตุความไม่สงบดังกล่าวมีทั้งการวางระเบิด การยิงสู้ตอบโต้กัน สถานที่ที่เกิดเหตุจะอยู่บริเวณใกล้กับ สำนักงานสหประชาชาติ (UN) และทำเนียบรัฐบาลที่กรุงจาการ์ตา
- ในปีนี้นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจอินเดียในปีนี้จะเติบโตแซงหน้าเศรษฐกิจจีนไป หลังจากการเติบโตของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง
- ราคาน้ำมันดิบทรงตัวอยู่แถวระดับ $30 ซึ่งระหว่างวันมีการรีบาวน์ขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะลดช่วงบวกลงเนื่องจากยังเกิดความไม่แน่นอนของแนวโน้มในอนาคต หลังจาก สต๊อกน้ำมันดิบโดยเฉพาะเบนซินออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามปกติของไตรมาสแรก
- ทองคำปรับตัวลดลงจากความร้อนแรงของความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้บรรเทาลงเนื่องจาก การทรงตัวของน้ำมันดิบและตลาดหุ้น
แนวทางทองคำวันที่ 14-1-59
แนวรับ 1090 1088 1085 แนวต้าน 1095 1100 1105
ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกอีกครั้งหลังจากมองว่าตลาดหุ้นที่เริ่มรีบาวน์นั้นหมดแรงรีบาวน์ ขึ้นได้เพียงวันเดียว ล่าสุดดัชนีหุ้นของอเมริกาเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (ปรับตัวลดลงเกินกว่า 20%) ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจึงทำให้ฝั่งพื้นฐานของราคาทองคำนั้นถูกได้รับปัจจัยบวกและลบไปในทางเดียวกัน ซึ่งภาพรวมแล้วทางบวกยังมีน้ำหนักมากกว่า รวมถึงกราฟก็ส่งมาทางบวก แนวต้านระยะสั้น 1095 แนวรับบริเวณ 1090
ทางเลือกรอง : ราคาเริ่มส่งมาทางบวกมากขึ้น ทั้งนี้โดยรวมแล้วยังต้องตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ที่ 1090—ต่ำกว่าเล็กน้อย เนื่องจากความผันผวนในช่วงนี้นั้นเพิ่มขึ้น
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ ต้องติดตามว่า มุมมองทางลบที่ส่งมาจากตลาดหุ้นทั่วโลกจะกระทบไปในทางไหนต้องติดตาม แต่คิดว่าน่าจะไม่น่ารอด ซึ่งแนวโน้มนั้นยังลุ้นดูที่จุดต่ำสุดเดิมว่าจะหลุดหรือไม่ ส่วนทิศทางค่าเงินบาทยังคงทรงตัวยังขาดปัจจัยอะไรใหม่ๆเข้ามา แนวรับที่เปิด GAP ไว้จะอยู่บริเวณ 36.00-36.05
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลดลงแรงกว่า 365 จุด ส่วน S&P500 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1900 จุดเป็นครั้งแรก (-2.5%) นอกจากนี้ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นตัววัดหุ้นอเมริกาในปริมาณที่มากขึ้น คือ 2,000 ตัว ซึ่งสะท้อนตลาดหุ้นโดยรวมได้ดีปรับตัวลดลงแรงเกินกว่า 20% นับจากจุดสูงสุด ซึ่งการปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดเกินกว่า 20% นั้นหมายความว่า ตลาดนั้นจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค สาเหตุหลักที่ดัชนีไม่สามารถปรับตัวขึ้นสูงได้นั้นเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ระหว่างวันพยายามปรับตัวสูงขึ้นไปกว่า 4% แต่ก็ได้พบแรงขายใส่ลงมาอย่างต่อเนื่อง และ ไม่สามารถรักษาช่วงบวกได้
- ประธาน FED สาขา Chicago คุณ Charles Evans ให้ความเห็นว่า ที่ประชุม FOMC ควรจะขึ้นในปีนี้เพียง 2-3 ครั้ง
- เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของทาง EU มีน้อยช่วงนี้จึงไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไรนักกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ แต่ทั้งนี้ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับตัวลดลงต่อท่ามกลางการอ่อนตัวของน้ำมันดิบเช่นเดียวกับตลาดหุ้นฝั่งอเมริกา
- รายงาน Beige book พบว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังแข็งแกร่งทั้งหมวดที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคทรงตัว ฝั่งการจ้างงานภาคเกษตรเป็นตัวที่กดดันเศรษฐกิจอยู่ เนื่องจากปัญหาภัยธรรมชาติ ทั้งนี้เงินเฟ้อยังทรงตัวระดับต่ำ
- ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง –14.4% ในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ตลาดหุ้น Nikkei 225 หลังจากปรับตัวขึ้นเมื่อวานกว่า -2.88% ได้ปรับตัวลดลงมาในวันนี้กว่า 3.86% และกดดันดัชนีหุ้นของเอเชียทั่วภูมิภาคในฝั่งจีนนั้นถึงแม้จะมีการแทกแซงเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเพื่อสร้างเสถียรภาพแต่ล่าสุดดัชนีปรับตัวลดลงไปใกล้ระดับต่ำสุดที่สร้างไว้ในปีที่แล้ว
- สต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาปรับตัวสูงขึ้นต่ออีก 234,000 ล้านบาร์เรล โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินที่มีการสต๊อกไว้เยอะกว่าปกติ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบล้างช่วงบวกกว่า 4% และเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้ง ล่าสุดซื้อ-ขายกันที่ระดับ $30-31/บาร์เรล
- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อวานนี้หลังจากระหว่างชั่วโมงการซื้อขายปรับตัวลดลงไปเล็กน้อยสู่ระดับ $1080 ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้น
แนวรับ 1080 1075 1070 แนวต้าน 1087 1092 1098
เมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่เร
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1075 ลงมาเป็นปัจจัยลบในระยะกลาง
USD/THB
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้น Dow30 ปรับตัวขึ้นแบบ Triple digit (หลักร้อยจุด) ปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ 0.72% หลังจากค่าเงินหยวนเริ่มเห็
- JOLTs Job Openings ซึ่งบ่งบอกถึงการรับสมัครงา
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวรีบาวน
- เกิดเหตุการณ์ระเบิดพลีชีพ (Suicide bomber) ที่ Istanbul และมีผู้เสียชีวิต 10 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป
- ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเล็ก
- ตัวเลขการส่งออกของจีนปรับต
- ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ขึ้นมา
- SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำอ
แนวทางทองคำวันที่ 12-1-59
แนวรับ 1092 1087 1083 แนวต้าน 1098 1108 1113
ราคาปรับตัวลดลงมาถึงระดับแนวรับ 1092 และยังไม่หลุดลง ซึ่งเมื่อวานมองว่า หากหลุดลงไปแล้วจะทำให้ขาขึ้นระยะสั้นเสียไปเล็กน้อย จึงใช้จุดตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1090-1092 แถวนี้สำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น ส่วนภาพรวมทองคำถึงแม้จะหลุดเกิน 1092 ลงมา แต่แนวโน้มโดยรวมจะพิจารณาสำหรับการเข้าซื้ออีกครั้งในแนวรับถัดไปหากราคายังปรับตัวลดลง แนวรับทีน่าสนใจคือ 1085 ซึ่งขณะนี้ยังไม่หลุด 1092 ก็ยังมองขึ้นไปอยู่ในกรอบจนถึงแนวต้าน 1113
USD/THB
เมื่อวานดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขาย ก่อนที่จะปรับตัวรีบาวน์มาปิดลดช่วงลบลง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณบวกเข้ามาในระยะสั้นสำหรับ SET Index และคาดหวังถึงมุมมองการรีบาวน์ เพียงแต่ให้ระมัดระวังกลุ่มพลังงานให้ดีเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 6% นอกจากนี้มีรายงาน World bank ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตช้าสุดในกลุ่มอาเซียน
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวผันผวนอยู่ในกรอบ หลังจากขาดปัจจัยบวกอะไรใหม่ๆที่เข้ามา นอกจากนั้นยังโดนซ้ำจากปัญหาเรื่องการตกต่ำของสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากล่าสุดราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแรงอีกกว่า 6% นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตอนนี้คนในตลาดต่างกำลังหาจุดต่ำสุดของดัชนี (Finding a bottom) ทั้งนี้ Goldman sachs คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นยุโรปในปีนี้จะน่าสนใจกว่าอเมริกา และมองว่า การตกของตลาดหุ้นในอนาคตจะเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อลงทุน
- วันนี้จะมีการประกาศ JOLTS job openings ซึ่งเป็นตัวเลขที่บริษัทเปิดรับสมัครงาน (ไม่รวมหมวด Farming industry) เพียงแต่ช่วง 3 เดือนมานี้หลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดเมื่อปีที่แล้วก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (บริษัทเปิดรับสมัครงานน้อยลง)
- จากข่าวด้านบนที่ Goldman sachs ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นยุโรปจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอเมริกาเนื่องจากดัชนีปัจจุบันมูลค่ายังถูกกว่าอเมริกาเนื่องจาก กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตขึ้น โดยประเมินไว้ว่าดัชนี Stoxx600 มี Upside 18% สำหรับ 12 เดือนข้างหน้า (มากกว่าตลาดหุ้นอเมริกาประมาณ 2 เท่า) นอกจากนี้คาดการณ์ว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัว 8% ในขณะที่โบรกอื่นประเมินไว้ที่ประมาณ 5.7% ทั้งนี้ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวานนี้เริ่มปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากปรับตัวลดลงแรงตลอดทาง
- นักวิเคราห์ต่างคาดการณ์ว่า ในปีนี้ GDP ของจีนน่าจะออกมาที่ระดับต่ำกว่า 6.8% หลังจากช่วงปี 2015 ประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ 6.9%-7%
- ทางการจีนให้ความเห็นว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนแรงๆในอนาคตอย่างที่ตลาดคาดการณ์กันนั้นเป็นสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย ส่วนผู้นำจีนยืนยันว่าจะยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้
- หลังจากเปิดปีใหม่ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 20% ล่าสุดเมื่อวานนี้ WTI ปรับตัวลดลงประมาณ 6% มาซื้อ-ขายกันที่ระดับ $31-32/ บาร์เรล จากการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันดิบจะชะลอตัวลงไปอีกนอกจากนั้นสถานะ Short สะสมของกองทุน Hedge fund ยังอยู่ในปริมาณที่มาก
- ทองคำทรงตัวเมื่อวานนี้หลังจากไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ๆเข้ามา
- ตัวเลขดุลการค้าของญี่ปุ่นออกมาเกินดุลเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน
แนวรับ 1098 1090 1087 แนวต้าน 1109 1113 1125
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาปรับตัวดีขึ้นมากส่วนอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5% ซึ่งจริงๆแล้วเป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ แต่ทองคำกลับไม่ได้ปรับตัวลดลงมากนัก และยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แนวต้านระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1112-1115 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยปัจจัยบวกในช่วงนี้มาจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากรีบาวน์ขึ้นมาจึงคาดว่าจะเริ่มเห็นแรงขายออกมาจากตลาดทองคำ (ช่วงนี้ยังไม่มี)
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1092 ลงมาจะทำให้เป็นภาพลบทันทีในระยะสั้น ซึ่งโอกาสเกิดทางนี้ยังมองว่าน้อย
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่เนื่องจากมาเจอสภาพตลาดจีนที่เปิดขึ้นมาแล้วปิดลบรุนแรงเช่นนี้มองว่าน่าจะไม่น่ารอดเช่นเคย (เปิดตลาดติดลบเกือบ 1%) แนวรับสุดท้ายอยู่บริเวณ 1215 ซึ่งหลุดจากจุดนี้ไปมองว่าจะเปิดช่องว่างให้ดัชนีไหลลงไปอีก ซึ่งหากหลุด 1215 จริงมีแนวโน้มจะเกิดเป็นรูปแบบ Double bottom แต่ระยะสั้นเริ่มเห็น Bullish divergent ในรายชั่วโมง จึงอาจจะมีการลุ้นรีบาวน์ได้ในระยะสั้น
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll : NFP) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 292K จากเดือนก่อนหน้า 252K และคาดการณ์ 203K เป็นการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าทั้งเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ และปรับตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในช่วงเดือน ธันวาคม 2014 ที่ระดับประมาณ 320K ส่วนอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5%เท่ากับเดือนก่อนหน้า (ในปีนี้ FED คาดว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวลดลงชะลอตัวลงจากปีที่แล้ว คาดว่าจะอยู่ระดับ 4.7% ภายในปีนี้) ทั้งนี้รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงกลับไม่ขยายตัว (0%) ทั้งนี้โดยรวมแล้ว ทิศทางของตลาดแรงงานเปิดมาต้นปียังพบว่าใช้ได้
- ตลาดหุ้นของอเมริกาทั้ง DOW30 ,SP500, NASDAQ ต่างปรับตัวลดลงทุกตลาดจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนที่ยังคอยกดดัน Sentiment หุ้นทั่วโลก
- ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบเช่นเดิมจากทั้งราคาน้ำมันดิบและความผันผวนของตลาดหุ้นจีน ส่งผลให้ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงแรงกว่า 6.6% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมันปรับตัวลดลงกว่า 8.3% เทียบกับการปรับตัวลดลงครั้งที่แรงที่สุดเมื่อเดือน สิงหาคม 2011 ที่ปรับตัวลดลง 8.63%
- ที่ประชุม EU มีแผนที่จะเริ่มดำเนินมาตรการสร้างกำแพงภาษีสินค้าที่จะนำเข้ามาจากจีน โดยจะหารือวันแรกในอีก 2 วัน (13 ม.ค.) สินค้าเหล่านั้นเช่น เหล็ก
- ตลาดหุ้นจีนในวันศุกร์เป็นวันแรกที่มีการยกเลิกมาตรการ Circuit breaker ตลาดหุ้นปิดบวกประมาณ 1.8% ก่อนที่เช้าวันนี้จะสร้างจุดต่ำสุดใหม่ปรับตัวลดลงประมาณ 3% (H-share) ส่วนข่าวล่าสุด PBOC ประกาศแข็งค่าเงินหยวนขึ้นอีกเล็กน้อยสู่ระดับ 6.5626 จากเดิม 6.5636 แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้เกิด Sentiment ทางบวกแก่นักลงทุน ทั้งนี้มีความเห็นจาก George Soros ว่าวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหม่น่าจะมีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศจีน หลังจากทุนสำรองลดลงอย่างเรื่อยๆ (ถึงแม้จะมีมากก็ตาม)
- ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดซื้อ-ขายกันอยู่ระดับ $32-33/ บาร์เรลถึงแม้จะยังไม่มีข่าวบวกหรือข่าวลบแรงๆมาในช่วงนี้
- SPDR ปรับเพิ่มการถือครองทองคำอีก 4.2 ตัน นับจากต้นปีที่ผ่านมาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 4% ท่ามกลางความผันผวนจองตลาดการเงินทั่วโลกนำโดยจีน
แนวรับ 1098 1090 1087 แนวต้าน 1109 1113 1125
ทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ในปัจจุบันถ้ายึดจุดต่ำสุดที่ 1058 เเละขึ้นมาถึงระดับ 1109 (จุดสูงสุด 1113 เเต่เป็น Pin bar เลยใช้กลุ่มเเนวต้าน 1109) เเละเริ่มเห็นการพักตัวจากเเท่งเทียนเเดงยาวเเท่ง เเรกในรอบ 2 วันในรายชั่วโมงจึงให้น้ำหนักพักตัวลงมาด้านล่าง เมื่อลากฟิโบจะได้เเนวรับตามเเนว เเนวเเรก 23.6% ที่ 1098 ซึ่งมองเป็นเเนวรับระยะสั้น ในวันนี้จะมีการประกาศตัวเลข Non-farm payroll ในช่วง 20.30 ตามเวลาบ้านเราเป็นบวกกับทองคำ แต่ต้องระมัดระวังความผันผวนตัวนี้
ทางเลือกรอง : ราคาผ่าน 1109-1113 ไปอีกครั้ง จะมองขึ้นต่อ เพียงแต่ระยะสั้นยังมองลงก่อน และอยากให้รอติดตามข่าวในคืนนี้มากกว่า
USD/THB
เมื่อวานนี้ดัชนี Set index ปรับตัวลดลงแรงเกือบ 30 จุด จากความกังวลที่ส่งมาจากจีนที่ปรับตัวลดลง 7% ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก และข่าวลบในประเทศ รวมถึง World bank ที่ปรับประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลง (ข่าวนี้ไม่เกี่ยวมาก) วันนี้คาดว่าจะได้เห็นแรงซื้อรีบาวน์ขึ้นมาในระยะสั้นตามทิศทางของสินทรัพย์อื่นที่เริ่มรีบาวน์กลับขึ้นมาแต่ยังเป็นเพียงระยะสั้น เงินบาทมองแข็งค่าระยะสั้นมี GAP บริเวณ 36.00
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- จำนวนคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 277K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 287K และคาดการณ์ 271K แนวโน้มคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในระยะสั้นเริ่มเห็นแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนๆในช่วงท้ายปี 2015 แต่ทั้งนี้เมื่อมองภาพรวมที่ยาวกว่านั้น (ไกลไปปี 2008) พบว่าระดับปัจจุบันลดลงมากกว่า 50% ซึ่งสมัยเกิดวิกฤติคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ระดับถึงประมาณ 600K ทั้งนี้ถึงแม้จะเป็นข่าวลบกับทองคำเล็กน้อย แต่ทองคำก็ไม่ได้ปรับตัวลดลงเท่าไร เนื่องจากความกังวลเรื่องการตกของตลาดหุ้นจีนยังคอยสนับสนุน Safe-haven bid
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ของอเมริกาปรับตัวลดลงหลักร้อยจุด (Triple-digit) ปรับตัวลดลงกว่า 2% สาเหตุเช่นเดิมจากความกังวลเรื่องตลาดหุ้นและเศรษฐกิจจีน
- ตลาดหุ้นยุโรป ด้วยตัวของยุโรปเองไม่ได้มีข่าวที่คอยกดดัน Sentiment เท่าไร เพียงแต่ความกังวลรอบโลกทำให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงแรงทุกตลาด ถึงแม้จะมีแรงซื้อรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยังปิดแบบปรับตัวลดลงแรง ความกังวลมาจาก 1. เหตุการณ์เรื่องจีน (เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก) ถึงแม้การส่งออกจากเยอรมันไปจีนจะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2% ต่อ GDP ก็ตามแต่ตลาดก็ให้น้ำหนักกับการชะลอตัวของจีนค่อนข้างมาก 2. การปรับตัวลดลงแรงของราคาน้ำมันดิบ
- ตลาดหุ้นจีนปิดทำการเมื่อวานนี้หลังจากเปิดทำการได้ประมาณเพียงครึ่งชั่วโมง เนื่องจากดัชนีปรับตัวลดลงแรงกว่า 7% และเมื่อคืนนี้จีนได้ประกาศว่า จะยกเลิกมาตรการ Circuit breaker เพราะ มองว่ามาตรการนี้ส่งผลร้ายมากกว่าดี เพราะ จะทำให้คนในตลาดรีบแห่ขายหุ้นออกมามากกว่าที่ควรจะเป็น
- เงินหยวนปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการสู่ระดับ 6.5636 หยวนต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 6.5646 ในวันก่อนหน้า
- กองทุน SPDR เพิ่มสถานะการถือครองทองคำ 0.65% สู่ระดับ 645.13 ตัน เป็นการเพิ่มสถานะเป็นวันแรกในรอบ 3 สัปดาห์
- นักวิเคราะห์ต่างประเทศหลายท่านให้ความเห็นว่า สภาวะที่เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นนี้จะเป็นปัจจัยบวกกับทองคำในระยะสั้น เนื่องจากทองคำจะถูกมองเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความผันผวนของตลาดเงิน ตลาดทุน
แนวทางทองคำวันที่ 7-1-59
แนวรับ 1095 1090 1082 แนวต้าน 1100 1110 1125
ทองคำได้รับปัจจัยบวกจากการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงแรงโดยเฉพาะจีนที่ในช่วงสัปดาห์นี้มีการทำ Circuit breaker ถึง 2 ครั้ง (ครั้งที่ 2 ในวันนี้ ) และคาดว่าความผันผวนที่หนักนี้จะทำให้เงินส่วนหนึ่งไหลเข้าไปยังทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่เป็นการหลบความผันผวนของตลาดการเงิน ส่วนแนวต้านระยะสั้น 1100 มองว่า จะชะลอตรงนี้สักพักหนึ่ง ยังให้น้ำหนักแนวต้านสุดท้ายที่ระดับ 1125 ซึ่งบริเวณนั้นน่าจะทยอยลดสถานะซื้อลง เนื่องจากเป็นแนวต้านสำคัญมาก
ทางเลือกรอง : ระดับ 1125 นั้นหากราคาไปถึงมองว่าสำคัญเนื่องจากเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันในภาพวัน ตลอดเวลาที่ลงมานับตั้งแต่ปี 2012 ราคาขึ้นไปทดสอบถึง 5 ครั้งและไม่เคย
ผ่านไปได้
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องถึงแม้เมื่อวานนี่จะเริ่มเห็นปัจจัยบวกจากกาที่ราคาลงแนวรับและรีบาวน์ขึ้นมา ซึ่งควรจะเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นหากไม่มีเหตุการณ์พิเศษในวันนี้คือ จีนที่มีการทำ Circuit breaker เป็นครั้งที่ 2 ในระยะเพียงสัปดาห์เดียว ซึ่งดัชนีปรับตัวลดลงแรงในวันนี้ -7% ทำให้ทิศทางของหุ้นไทยได้รับผลกระทบเชิงลบนี้เข้าไปด้วย ส่งผลให้เกิดเงินไหลออกและค่าเงินบาทอ่อนซึ่งมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (ADP Non-farm employment change) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงสู่ระดับ 257K จากเดือนก่อนหน้า 211K และคาดการณ์ 193K เป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน (เกือบ 1 ปีครึ่ง) ทั้งนี้ราคาทองคำกลับปรับตัวลดลงไม่มากนัก ระหว่างข่าวออกลงไปทดสอบระดับ 1080 ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา
- ประธาน FED หลายท่านยังให้ความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ถึงแม้จะยังมีความไม่แน่นอนที่เงินเฟ้อจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม โดยรวมแล้วคาดว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะสามารถปรับขึ้นได้ต่ออีกในปีนี้
- ดุลการค้าอเมริกาขาดดุลน้อยกว่าคาดการณ์เป็นผลมาจากการนำเข้าที่หดตัวแรงกกว่าการส่งออก ส่วน PMI ภาคบริการปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้
- ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน ที่ระดับ 56 จุด แต่ทั้งนี้ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ข่าวดีในยุโรปจะออกมาค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตแซงหน้าอเมริกาไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงแรงของหุ้นจีนที่ยุโรปและเยอรมันมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปยังจีนที่สูง เช่น กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยประเภทแบรนด์เนม และรถยนต์
- ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงแรงอีกในช่วงแรกของการซื้อ-ขาย (-7%) และได้มีการทำ Circuit breaker อีกครั้งในวันนี้ (เป็นวันที่ 2 หลังจากเปิดปีใหม่มา) ความกังวลหลักๆมาจากการที่กฎหมายห้ามผู้บริหารขายหุ้นออกมาเกินกว่า 5% จะหมดอายุในวันพรุ่งนี้ จึงเห็นแรงขายออกมาก่อนจากการกังวลว่าผู้บริหารจะกลับมาขายอีกครั้ง และถึงแม้จะมีนโยบายตั้งกองทุนเข้ามาอุ้มตลาดหุ้นจีนแต่กลับไม่เห็นความประสบความสำเร็จมากนัก ดัชนียังปรับตัวลดลงแรงต่ออีกในวันนี้
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแรงกว่า 5% เมื่อวานนี้และเป็นการปรับตัวลดลงแรงที่สุดในรอบ 11 ปี โดยมีสาเหตุจาก ความไม่สงบระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านที่มีแนวโน้มเป็นปัญหาทางการฑูตเท่านั้น และ ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาออกมามาก รวมทั้งประเด็นสำคัญคือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน (ถึงแม้จะยังนำเข้าเพิ่ม)
- ทองคำปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์หลังจากเกิดความไม่แน่นอนขึ้น
แนวทางทองคำวันที่ 5-1-59
แนวรับ 1073 1069 1065 แนวต้าน 1078 1083 1097
ราคาขึ้นมาทดสอบกรอบบนของสามเหลี่ยมบริเวณ $1078 (เลยขึ้นไปจนถึง $1083) ให้น้ำหนักทางฝั่งขึ้นต่อไปยังระดับใกล้ $1100 แต่มีข้อแม้คือ ต้องเกินกว่า 1078 เพราะหากไม่เกินยังจะมีแนวโน้มกลับมาแกว่งในกรอบอีกครั้ง ปัจจัยบวกเรื่องซาอุดิอาระเบียมองว่า ผลกระทบน้อยแล้วเพราะเป็นสงครามทางการฑูตกับอิหร่านมากกว่า ผลกระทบที่ 2 ที่ตอนนี้ที่ส่งผลคือ ความผันผวนของตลาดหุ้นนำโดยจีนที่มีการ Circuit breaker เมื่อวานนี้ถึงสองรอบหลังจากปรับตัวลดลงกว่า 7%
ทางเลือกรอง : หากราคายังไม่ผ่าน 1078 ไปได้ ยังมองว่า จะลงมาแกว่งในกรอบตรงนี้ใหม่ ซึ่งให้น้ำหนักฝั่งนี้น้อยกว่า
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องเมื่อวานนี้จากภาวะรอบโลกโดยเฉพาะจีนที่ปรับตัวลดลงแรงกว่า 7% ทำให้เปิดมาต้นปีดัชนีปิดลบไปกว่า 1.9% และยังไม่เห็นสัญญาณกลับตัวที่เกิดขึ้นในตลาดเลย แนวโน้มไปติดตามตรง Low เดิม 1253 ปัจจุบัน P/E ของหุ้นไทยกระโดดไป 22 เท่า ถึงแม้ดัชนีจะปรับลง แต่เนื่องมาจาก EPS ของบริษัทลดลงตามไปด้วย (โดยเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำมัน) จึงทำให้ P/E ยังอยู่ระดับสูงกว่าเฉลี่ย
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอเมริกาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 48.2 จากเดือนก่อนหน้า 48.6 และคาดการณ์ 49.1 ระดับ 48.2 นี้เป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 13 เดือน นับจากจุดสูงสุดที่ระดับ 53 จุด เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2014 และระดับที่ต่ำกว่า 50 จุดนั้นบ่งบอกถึงการหตัวของภาคการผลิต ซึ่งภาคการผลิตของอเมริกาหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นอเมริกาได้รับปัจจัยลบเพิ่มเติมไปอีกและทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงแรงในวันทำการวันแรกของปี 2016
- สถานการณ์ในซาอุดิอาระเบียและอิหร่านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะไม่บานปลายและจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นการทะเลาะกันในด้านของการฑูตมากกว่าที่จะเป็นสงครามโดยตรง
- ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเยอรมันหดตัวลงอีกสู่ระดับ –0.1% จากเดือนก่อนหน้า 0.1% และคาดการณ์ 0.2% ตัวเลขเงินเฟ้อยังออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังแต่ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อยุโรปโดยรวมเลยว่าจะออกมาเท่าไรในวันนี้ช่วงบ่ายตามเวลาบ้านเรา (ตัวเลขคาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น)
- ดัชนีหุ้นฝั่งยุโรปโดยเฉพาะเยอรมันปรับตัวลดลงแรงตามการปรับตัวอย่างหนักของตลาดหุ้นจีน ซึ่งเยอรมันเป็นประเทศที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับจีนค่อนข้างมาก
- ตลาดหุ้นจีนเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงกว่า 7% และมี Circuit breaker ถึงสองครั้ง ครั้งแรกที่ 5% และอีกครั้งที่ 7% มาจากการผิดหวังตัวเลขภาคการผลิต Caixin PMI และมีการปรับลดเงินหยวนให้อ่อนค่าลงอีก (หลังจากปีที่แล้วประกาศว่าจะไม่ลดค่าเงินแล้ว)ทำให้ทางการต้องเฝ้าระวังความผันผวนของตลาดหุ้นจีนในวันนี้ นอกจากนี้การที่ตลาดหุ้นจีนซึ่งเป็นเบอร์ 2 ของเศรษฐกิจโลกปรับตัวลดลงแรงนั้นส่งผลต่ออารมณ์นักลงทุนในหุ้นทั่วโลกให้เร่งขายสินทรัพย์อย่างหุ้นออกมาเพิ่มอีก
- หลังจากเหตุการณ์ไม่สงบระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านเป็นแค่สงครามทางการฑูต ทำให้ผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบเป็นไปอย่างจำกัด เพียงแต่มีข่าวบวกระยะสั้นคือ การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 8% และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มอีก 8%
- ข้อมูลจาก CFCT เมื่อช่วงท้ายปีที่ผ่านมา ยังพบว่า กองทุน Hedge fund ยังเพิ่มสถานะ Short สุทธิในทองคำอย่างต่อเนื่อง ต้องติดตามความผันผวนของตัวนี้ให้มากในระยะนี้