ประชาสัมพันธ์
แนวรับ 1254 1250 1245 แนวต้าน 1260 1265 1270
ราคาทองคำเมื่อวานนี้ยังพยายามปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังจากผลการประชุม แต่มองว่า ระยะสั้นยังลุ้นการพักตัวลงมาถึงบริเวณแนวรับสีแดงแรกที่ 1255 และ แนวรับครึ่งแท่งที่ขึ้นมาช่วงผลการประชุมที่ 1245 ไปลุ้นตรงจุดนั้นดูว่า จะสามารถหลุดลงไปได้หรือไม่ ภาพรวมรายวันยังออกอาการพักฐาน - แกว่งตัวออกข้าง (Sideways) ประกอบกับช่วงนี้ข่าวที่มีนัยสำคัญค่อนข้างเบาบาง จึงมองว่าราคาน่าจะวิ่งในกรอบแนวรับ-แนวต้านสั้นๆไปก่อน
ทางเลือกรอง : ราคาหลุดเกินกว่า 1270 ขึ้นไปจึงจะมองว่า ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อไปแนวต้าน 1280 และ 1300
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงช่วงท้ายตลาดเมื่อวานนี้ หลังจากเปิดตลาดปรับตัวขึ้นแรง มองว่า รายวันเริ่มเข้าสู่ภาวะการปรับฐานลงมา ถึงแม้จะมีการรีบาวน์ขึ้นบ้างในระยะสั้น แต่ให้ระมัดระวัง เช่นเดียวกับค่าเงินบาทหลังจากแข็งค่ามาแรงช่วงก่อนหน้าเริ่มเห็นสัญญาณกลับตัวบริเวณใกล้ๆนี้ แต่เป็นเพียงอ่อนๆ แนวต้าน 35.85 –35.90
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 265K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 258K และคาดการณ์ 267K ไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าไรสำหรับตัวเลขนี้ ถึงแม้จะปรับตัวสูงขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ตรงตามความเห็นของ FED ที่มองว่า ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งขึ้นในปีนี้
- ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวอยู่ในแดนบวกเป็นครั้งแรกในปีนี้เมื่อวาน หลังจากเปิดปีมา ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และ Dow transport หรือ หุ้นกลุ่มขนส่ง สามารถยืนเหนือค่าเฉลี่ย 200 วันเป็นวันแรกนับตั้งแต่ 8 พ.ค. 2015 เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดหุ้น ซึ่งปัจจัยบวกที่ได้รับเมื่อวานนี้จะเป็นเรื่องของ น้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เติมด้วยหุ้นกลุ่ม Material และ Industrial
- ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปิดลบ สวนทางกลับตลาดหุ้นอเมริกา หลังจาก กลุ่ม Bank เป็นตัวดันดัชนีลงมา เนื่องจากปัญหาเรื่องธนาคารในอิตาลี Banco Popolare ปรับตัวลดลงกว่า 14% จากความกังวลเรื่องหนี้ (ก่อนหน้านั้นก็มีประเด็นนี้) ถึงแม้ตลาดหุ้นยุโรปจะมีปัจจัยบวกราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และ หุ้นกลุ่มเหมืองที่ outperform ตลาดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นแรง แต่ก็ไม่สามรถพยุงดัชนีได้
- Final CPI (อัตราเงินเฟ้อ) ของยูโรโซนยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก –0.2%
-เมื่อวานนี้ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเล็กน้อย หลังจากผลการประชุม FOMC ซึ่งหลายคนมองว่า วันนี้น่าจะเริ่มมีการพักฐานลง เพราะ ตลาดรับรู้ข่าวไปส่วนหนึ่งแล้วประกอบกับ โทนที่ออกมาก็ไม่ได้ Dovish มากๆอย่างที่คาดการณ์กันไว้ จึงเตือนว่า ให้ระมัดระวังการขายทำกำไรในระยะสั้นนี้
- ตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยบวกจากอเมริกาเช่นกัน ถึงแม้คาดการณ์การเปิดจะออกมาผสมกันมีทั้งบวกและลบ ในช่วงนี้ยังไม่มีอะไรใหม่
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นแรงไปทดสอบระดับ $40/บาร์เรล หลังจากมีการคาดการณ์ว่าจะมีผลการประชุม OPEC ในเดือนนี้-เดือนหน้า ซึ่งคาดว่าจะคงกำลังการผลิต-ลดกำลังการผลิต ประกอบกับ Demand ที่ยังมากในอเมริกา ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันได้เจอจุดต่ำสุดไปแล้ว ทั้งนี้การประชุม OPEC ที่สำคัญในรอบถัดไปจะอยู่วันที่ 17 เมษายน 2016
แนวรับ 1254 1250 1245 แนวต้าน 1260 1265 1270
ผลการประชุม FOMC เมื่อวานนี้พบว่าที่ประชุม คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม และปรับลดการขึ้นดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้งจากเดิม 4 ครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำ ทั้งนี้ถึงแม้ว่า จะเป็นปัจจัยบวกจะมีมาก แต่มองว่า ให้ระวังการรับรู้ของตลาดมาสักพักหนึ่งแล้ว และไปเจอสถิติของ CNBC ว่า ให้ซื้อก่อนที่ประชุม FOMC 1 วัน และขายหลังจากนั้น 3 วัน พบว่าผลตอบแทนสามวันให้หลังเป็นลบ จึงต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ระยะสั้นมองการย่อตัวลงมาแถวบริเวณ 1245-1250 ก่อน
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะมีปัจจัยบวกที่ส่งมา ล่าสุดดัชนีกระโดดขึ้นแรงและเปิด GAP ทิ้งไว้ ในเบื้องต้นมองว่า ระดับ 1386 นี้ขึ้นมาติดระดับแนวต้านระยะสั้นแล้ว หากหลุดไปได้ ดัชนีมีแนวโน้มไปทดสอบที่ระดับจุดสูงสุดเดิมแถวใกล้ 1400 ทิศทางค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าหลุด 34.90 มา มองว่า จะรีบาวน์อ่อนค่าเล็กน้อย ต้องติดตามว่าจะอ่อนแรงขนาดไหน เป็นผลมาจากการรับรู้ข่าวไปส่วนหนึ่งแล้วเช่นกัน
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ผลการประชุม FOMC เมื่อวานนี้พบว่า คุณ เจเนต เยลเลน ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.25% -0.50% ที่เดิม แต่มีสิ่งที่น่าสนใจที่เป็นมุมมองเชิงบวกกับทองคำและหุ้นคือ การคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปีนี้ จากเดิม 4 ครั้ง คาดว่า จะเหลือ 2 ครั้ง และ จะไปปรับอีก 2 ครั้งในปีหน้า นอกจากนี้ยังมีการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจลงเหลือ 2.2% จากเดิม 2.4% และปรับลดการคาดการณ์เงินเฟ้อสิ้นปีเหลือระดับ 1.2% จากเดิม 1.6% ผลการประชุมครั้งนี้ออกไปในทาง Dovish มากกว่า นอกจากนี้ เฟดแสดงความกังวลถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกและการเงินมากขึ้น หลังจากการประชุมในเดือน ธ.ค. เป็นเพียงแค่การติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวเป็นสิ่งที่คาดการณ์กันไว้อยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นปัจจัยบวกกับทองคำ
- ข่าวตัวเลขเงินเฟ้อของอเมริกา (CPI) หดตัวลงอีก –0.2% จากเดือนก่อนหน้าทรงตัว 0% ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อหมวดไม่รวมสินค้าประเภทพลังงานและอาหารสดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.3% เท่ากับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่คาดการณ์เพียง 0.2%
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อวานนี้ และ ปรับตัวขึ้นก่อนผลการประชุม FOMC จากนั้น ซ้ำการบวกให้มากขึ้นอีกในช่วงหลังการประชุม และ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ $39/บาร์เรล ซึ่งถือว่าค่อนข้างแรง
- ตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมแล้วปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกือบทั้งหมด จากแนวโน้มทางบวกที่ฝั่งยุโรปและอเมริกาส่งมาหลังผลการประชุม FOMC
- รัฐบาลจีนเตรียมเชื่อมโยงตลาดหุ้นฮั่งเส็ง-เซินเจิ้นภายในปีนี้ หลังจากช่วงก่อนหน้ามีการเชื่อมระหว่างเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ซึ่งรอบที่แล้วเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวสูงขึ้นแรงของตลาดหุ้นจีน
- ตัวเลขการส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง –4% จากเดือนก่อนหน้า –12.9%
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ $39/บาร์เรล จากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหลังจากผลการประชุม FOMC เป็นไปในทิศทางเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ $1260/บาร์เรล ได้รับข่าวบวกจากผลการประชุม FOMC เช่นเดียวกัน ซึ่งทองคำนั้นดูจะเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ
แนวทางทองคำวันที่ 16-3-59
แนวรับ 1230 1226 1215 แนวต้าน 1235 1238 1241
จากรูปนำมาจาก CNBC ซึ่งเป็นความเห็นของนักวิเค
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงเ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขค้าปลีกของทางอเมริกา
- ดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิต (PPI) หดตัวเพิ่มอีก –0.2% ในขณะที่ ดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิตพื้น
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล
- ตลาดยังคงรอผลการประชุม FOMC ในคืนวันนี้ (ตี2 ตามเวลาบ้านเรา) หลังจากสัปดาห์ก่อนหน้า ECB มีการประกาศลดดอกเบี้ยก่อนแ
- ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ
- กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่มอีกประมาณ 2 ตัน เมื่อวานนี้ ทำให้กองทุนในปัจจุบันถือคร
- ในปัจจุบันความเห็นจากนักวิ
แนวรับ 1226 1220 1215 แนวต้าน 1232 1235 1241
ทองคำปรับตัวลดลงเป็นวันที่
ทางเลือกรอง : ถึงแม้จะเริ่มพักฐาน แต่ต้องระมัดระวังผลการประช
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยพักฐานลงมาหลังจ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาทรงตัวเมื่อ
- สำหรับการคาดการณ์ผลการประช
- ตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันปรับตัวเพิ่
- วันนี้จะมีการประกาศผลการปร
- มีข่าวลือว่าทางการจีนจะนำ Tobin tax มาใช้ เพื่อลดการเก็งกำไรค่าเงินห
- กองทุน SPDR ลดสถานะการถือครองทองคำอีก 1.08% สู่ระดับ 790.14 ตัน ในวันจันทร์ ลดลงจาก 798.77 ตัน ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นการปรับลดสถานะการถ
- ฝั่งการเปิดสถานะในฟิวเจอร์
แนวรับ 1250 1245 1240 แนวต้าน 1256 1260 1264
ราคาทองคำได้เจอรูปแบบ Bearish engulfing เมื่อวันศุกร์ สังเกตุจากแท่งเทียนวันศุกร์นั้นปิดทับการขึ้นในวันพฤหัสเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นปัจจัยลบในระยะวัน ทั้งนี้สถานที่เกิดไม่ได้เกิดแบบเป็นจุดสูงสุด แต่เป็นการเกิดในกลุ่มของ Sideways จึงให้น้ำหนักว่า ถึงแม้จะเป็นสัญญาณของการปรับตัวลดลงแต่นัยสำคัญลดลงมาเล็กน้อย จากสถานที่เกิดที่เป็นกลุ่มมากกว่าเป็นจุดสูงสุด แต่ก็ยังมองว่า จะปรับตัวลดลงต่อ แนวรับบริเวณ 1240-1245 อีกครั้งในช่วงนี้
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1240 ลงมามองว่าการขึ้นนั้นจะเสียเปรียบไปในทันทีราคามีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงไปจนถึง Sideway down
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในวันศุกร์และเข้าใกล้ระดับ 1400 แต่วันนี้เปิดตลาดมา แตะระดับ 1400 จุดเรียบร้อยแล้ว ยังมองมุมมองในทางบวกสำหรับตลาดหุ้นไทย ปัจจัยบวกส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากการทำ Euro-carry trade แต่ยังมีข้อควรระวังคือ การขึ้นของตลาดหุ้นค่อนข้างต่อเนื่องและรวดเร็ว ต้องระมัดระวัง ส่วนทิศทางค่าเงินบาทมองว่า ระยะสั้นเข้าสู่ภาวะ Oversold มาสักพักแล้ว มองการแข็งค่าเริ่มจำกัด
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1% เมื่อวันศุกร์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องรวมทั้งนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมของทางยุโรป หลังจากผลการประชุม ECB ในวันพฤหัส นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ (ช่วงต้นปีกังวลเรื่องการอ่อนค่าของเงินหยวน ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน) ส่งผลให้ดัชนีหุ้น SP500 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นยืนเหนือระดับ 2000 จุด นอกจากนี้ยังเป็นวันแรกที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (ครั้งแรกนับตั้งแต่ 30 ธ.ค. 2015)
- ราคาสินค้านำเข้า (Import price) ของอเมริกายังคงหดตัวลงอีก –0.3% หลังจากในเดือนก่อนหน้าหดตัวแรงถึง –1.1% ทั้งนี้น้อยกว่าคาดการณ์ที่ –0.7%
- ดัชนีเงินเฟ้อ CPI ของเยอรมันขยายตัว 0.4% เท่ากับเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ แนวโน้มโดยรวมของตัวนี้ยังค่อนข้างผันผวน บวกลบสลับกันไปในแต่ละเดือน แต่ตลาดลุ้นให้อยู่ทางฝั่งบวกมากกว่า เพราะ หากยังอยู่ในแดนลบก็จะมีโอกาสเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางยุโรปกำลังกังวลอยุ่
- ตลาดหุ้นยุโรปในวันศุกร์โดยรวมแล้วปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 3% รับข่าวบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ ECB
- PBOC (ธนาคารกลางจีน) ตั้งค่ากลางเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น 6.4905 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์หลังจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากผลการประชุม ECB เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา เงินหยวนปรับตัวแข็งค่าขึ้น 0.34% ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดใน 1 วัน นับตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2015
- ธนาคารกลางจีนให้ความเห็นว่า จะเน้นมาตรการทางการเงินที่ยิดหยุ่นมากกว่าเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
- ราคาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยบวกจาก IEA ที่ออกมาให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบน่าจะเจอจุดต่ำสุดไปแล้ว จากผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC ที่ส่งออกน้ำมันได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ในช่วงกลางเดือนจะมีการประชุมขึ้นอีกครั้งถึงเรื่องกำลังการผลิต
- เม็ดเงินยังคงไหลเข้ากองทุน SPDR อย่างต่อเนื่อง (แต่ชะลอตัวลง) ในขณะที่แรงซื้อ Physical จากจีนถูกเปิดเผยว่าชะลอตัวลง
แนวทางทองคำวันที่ 11-3-59
แนวรับ 1270 1266 1259 แนวต้าน 1276 1280 1285
ทองคำปรับตัวลดลงสู่แนวรับ $1237 ในช่วงประกาศผลการประชุม ECB หลังจากนั้นเกิดแรงซื้อกลับเข้ามาแรงจนทำ New-high ที่ $1280 ทิศทางค่อนข้างผันผวน ในเบื้องต้นมองว่า การขึ้นมานั้นค่อนข้างแรงเกินไป คาดว่าจะพักตัวลงมาก่อนแนวรับแรกบริเวณ 1270 ถ้าจะให้ฝั่งขึ้นชะลอตัวลงต้องปรับตัวลดลงเกินกว่าระดับนี้ให้ได้ และหากหลุดลงมาจริง จะเกินครึ่งแท่งที่ขึ้นมาก่อนหน้า จะทำให้ฝั่งขึ้นชะลอตัวลง วันนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ
USD/THB
เมื่อวานนี้ SET ปรับตัวลดลง แต่วันนี้คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากผลการประชุม ECB ในการทำ Euro-carry trade มากขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วยังเห็นความผันผวนที่ค่อนข้างมากในตลาด แต่ทางฝั่งบวกน้ำหนักมากกว่า และ มองว่าอาจจะทดสอบระดับ 1400 ในระยะนี้ ล่าสุดต่างชาติหันกลับมา long สุทธิในฟิวเจอร์กว่า 9000 สัญญาเมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 259K ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบปีนี้ ขณะที่คนขอรับสวัสดิการว่างงานในช่วงนี้ต่ำสุดจะอยู่ระดับ 255K ถือว่าระดับที่ประกาศออกมาเมื่อวานค่อนข้างดี ทั้งนี้ข่าวนี้กลับไม่ได้ส่งผลต่อราคาทองคำเท่าไรนัก เพราะ ได้รับความผันผวนจาก ECB
- ตลาดหุ้นอเมริกาส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างผันผวน ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายปรับตัวลดลงประมาณใกล้เคียง 1% แต่ช่วงท้ายตลาดกลับมีแรงซื้อเข้ามาทำให้ปิดลบเล็กน้อย ถึงปิดบวกหน่อยๆบางตลาด ตลาดมีลักษณะของ Price pattern เป็นโดจิหมายความว่า ตลาดยังไม่สามารถชี้ขาดได้ว่า นโยบายของ ECB นั้นจะเป็นอย่างไรในอนาคต นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกและลบจากราคาน้ำมันดิบที่ค่อนข้างผันผวน
- ผลการประชุม ECB เมื่อวานนี้พบว่า คุณ ดรากี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 0% จาก 0.05% ฝั่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับลดลงสู่ –0.4% จากเดิม –0.3% และยังมีการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่อเดือนเป็น 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิม 6หมื่นล้านยูโร/เดือน มีผลตั้งแต่ต้นเดือนหน้า ทั้งนี้มีการเพิ่มประเภทสินทรัพย์ให้สามารถเข้าซื้อได้อีก คือ Corporate bond (หุ้นกู้ภาคเอกชน)
- ตลาดหุ้นในยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงมาเมื่อวานกว่า 1% ทุกตลาดหลัง ECB
- ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ได้รับความผันผวนมาจากตลาดหุ้นฝั่งยุโรปและอเมริกาเมื่อคืนนี้ ในช่วงเปิดตลาด ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงก่อนที่จะมีแรงซื้อรีบาวน์กลับเข้ามา เช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาเช่นเดียวกัน
- ข่าวอื่นๆยังไม่มีในฝั่งตลาดเอเชีย แต่มีเพียงความเห็นจากว่า อัตราดอกเบี้ยที่ติดลบของ ECB จะไม่สามารถช่วยอะไรในทางบวกกับธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ ทั้งนี้ปัจจุบัน ธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ยังคงใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเช่นเดียวกัน
- ทองคำปรับตัวลดลงในช่วงแรกของการประกาศผลการประชุม ECB ลงไปสู่ระดับ $1237 ก่อนจะปรับตัวกลับขึ้นมาแรงสู่ระดับ $1280 ส่วหนึ่งเป็นเพราะ การปรับตัวขึ้นแรงของค่าเงินยูโร จากความผิดหวัง ถึงคำของ คุณ ดรากี้ ที่คาดว่าในอนาคตอาจจะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย และปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจลง
- กองทุน SPDR ยังคงมีสถานะซื้อเพิ่มต่อเนื่อง แต่ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้
แนวรับ 1245 1240 1235 แนวต้าน 1254 1258 1265
ราคาทองคำปรับตัวลดลงสู่แนวรับ 1240-1245 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตรงจุดนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงแนะนำให้ทยอยปิด S บางส่วน เพราะ ถือว่าเป็นแนวรับสำคัญ และในวันนี้ไปติดตามผลการประชุม ECB ซึ่งตลาดคาดการณ์ไปว่า จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้ติดลบ และจากรูปแสดงให้เฆ้นว่า แรงขายจากกองทุน SPDR เริ่มเห็นการพักตัวลงในระยะกลางแล้ว ให้ระมัดระวัง ลุ้นระดับ 1240-1245 ว่าจะหลุดลงไปไหม
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1240 มอง่วาจะเริ่มลงอีกครั้ง ในทางกลับกันหากราคาขึ้นเกิน 1258 ในช่วงนี้ก็จะกลับขึ้นอีกครั้ง ต้องติดตาม
USD/THB
ตลาดหุ้นไทย SET index ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับใกล้ 1400 อีกครั้ง หลังจากปรับตัวลดลงแรงในวันก่อนหน้า บ่งบอกถึงความผันผวนที่ค่อนข้างมากในช่วงนี้ ขึ้นลงวันละกว่า 10 จุด ทั้งนี้สถานะ Short สุทธิในฟิวเจอร์ของต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งคาดว่า จะเป็นการปิดสถานะ Long ในรอบก่อนหน้า ส่วนทิศทางค่าเงินบาทมองว่า ยังเห็น Bullish divergent รออ่อนค่าอยู่ แต่การแข็งค่าอาจยาวไปจนถึง 35.15 ได้
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ปริมาณการซื้อ-ขายในตลาดหุ้นอเมริกาเมื่อวานค่อนข้างเบาบาง ผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆแบบไม่ได้มีนัยสำคัญ และถึงแม้จะผันผวนในกรอบ แต่การลากขึ้น-ลงนั้นเป็นไปค่อนข้างเร็ว (ผันผวนแรงในกรอบแคบ) ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ ตลาดกำลังจับตาผลการประชุม ECB ในวันนี้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆออกมาหรือไม่
- สต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาหดตัวลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้า ออกมาที่ระดับ 3.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่สัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล เป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ $38/บาร์เรล นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่น่าจะมีการประชุมถึงเรื่อง Freeze กำลังการผลิตในวันที่ 20 มีนาคมนี้
- วันนี้เวลา 20.30 ตามเวลาบ้านเรา จะมีผลการประชุม ECB ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม อย่างเช่น ลดอัตราดอกเบี้ยจนสู่ระดับติดลบเพิ่มเติม หรือไม่ก็มีการขยายวงเงิน/ ระยะเวลา เข้าซื้อสินทรัพย์ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์กันไว้อยู่แล้ว หากไม่เข้าเป้าที่ต้องการ ให้ระมัดระวังแรงขายในตลาดหุ้น ในปัจจุบันนักวิเคราะห์หลายแห่งมองว่า ปัญหาของ ECB นั้นค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องหนี้ ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ และปัญหาเรื่องการเติบโต
- ตัวเลขเงินเฟ้อของจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 2.3% จากเดือนก่อนหน้า 1.8% เท่ากับคาดการณ์ ถึงแม้จะออกมาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ตลาดหุ้นกลับไม่รับข่าวบวกเท่าไรนัก เพราะ ตัวเลขการส่งออกที่ประกาศออกมาในช่วงก่อนหน้ายังพบว่า ไม่ค่อยดี
- ธนาคารกลางเกาหลีคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม โดยให้เหตุผลว่า ระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันเป็นระดับที่เหมาะสมกับการเติบโตแล้ว
- นักวิเคราะห์มองว่า ทองคำอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไร (Take-profit) หลังผลการประชุม ECB เนื่องจากการปรับตัวขึ้นมาที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งเห็นแรงขายจากกองทุน SPDR เป็นวันแรกเมื่อวันอังคาร –2.4 ตัน เป็นแรงขายแรกในรอบ 4 สัปดาห์ ทั้งนี้โดยรวมแล้วทองคำยังอยู่ในสภาวะ Uptrend อยู่ ยังต้องติดตามผลการประชุมในวันนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
EUR
20.30 ECB Press conference
USD
20.30 Unemployment claims 272K 278K
แนวรับ 1250 1248 1245 แนวต้าน 1257 1260 1265
ราคายังคงไหลต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นการไหลลงทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น หุ้น น้ำมัน ทองคำ และ โภคภัณ์อื่นๆบางตัว ส่วนหนึ่งมาจากการขายทำกำไร (Profit-taking) และ การออกมาเตือนถึงราคาน้ำมันดิบของ Goldman sachs เช่นเดียวกับทองคำที่ยังมองเป้าปลายปีไว้ระดับ $1100 ทั้งนี้เมื่อมาดูปัจจุบันยังพบว่า หากราคามาแถว 1240 นี้มองเป็นจุดที่น่าสนใจพิจารณาซื้อ หากไม่หลุดลงไปด้านล่าง เพราะเป็นแนวต้านเก่าที่ราคาเคยผ่านออกมา
ทางเลือกรอง : ราคาปรับตัวลดลงหลุด 1240-1245 มองว่า ฝั่งขาขึ้นจะเสียรูปไป
USD/THB
ดัชนีหุ้นไทย SET index ปรับตัวลดลงกว่า 20 จุดเมื่อวานนี้ และเป็นสัญญาณกลับตัวแท่งแรกในรายวัน มองว่า ดัชนีน่าจะเข้าสุ่ภาวะการปรับฐานแล้ว สอดคล้องกับการที่ ธปท ออกมาปรับลด GDP และ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ในภาพรวมยังมองเป็นการพักฐาน ยังไม่ได้ปรับตัวลดลงแบบรุนแรง ส่วนค่าเงินบาทหลังจากอ่อนค่าได้วันเดียว แต่กลับแข็ค่าขึ้นมาแรง ลงมาทดสอบระดับแนวรับพอดี
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์และ SP 500 ปรับตัวลดลงจากการปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 5 วันทำการก่อนหน้า เป็นผลมาจากการขายทำกำไร (Profit taking),ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแรง และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาชะลอตัวลง ทั้งนี้ภาพรวมนักวิเคราะห์ยังมองว่า ไม่เสียหายเท่าไรนัก ยังมองเป็นแค่การพักตัวจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น กลุ่มที่เป็นบวกกับดัชนีเมื่อวานนี้จะเป็นพวก Mcdonald’s และ Home depot ส่วน Caterpillar และ Goldman sachs ปรับตัวลดลงดึงดัชนีเมื่อวานนี้
- Donald Trump แสดงความเห็นผ่าน Bloomberg ว่า Monetary policy increasingly made in china หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยที่เฟดประเมินว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นนั้นเป็นผลมาจาก เศรษฐกิจจีนเป็นหลักในช่วงนี้ ซึ่งเหมือนกับว่า จีนเป็นผู้กำหนดนโยบายไป
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงพอสมควรเมื่อวานนี้ ได้รับปัจจัยลบเรื่องเดิมๆจากการส่งออกของจีนที่ปรับตัวลดลงแรง และ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ หุ้นกลุ่มเหมืองอย่าง Glencore และ Anglo American ปรับตัวลดลงแรงกว่า -18% และ -15% ตามลำดับ ถึงแม้ช่วงก่อนหน้าสองตัวนี้จะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันปรับตัวเพิ่ม 3.3% ดีกว่าคาดการณ์และ เป็นการฟื้นตัวที่ดีที่สุดในรอบ 3 เดือน
-ตลาดหุ้นโซนเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้หลังจากจีนประกาศตัวเลขส่งออกออกมาติดลบมากถึง 25% และ ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นของญี่ปุ่นยังไม่ค่อยออกมาดี
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจลง และคาดว่าจะต่ำกว่า 3.5% หลังจากประเมินว่า ภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างผันผวนจนส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก นอกจากนี้ยังเจอปัญหาภัยแล้งที่คาดว่ารุนแรงกว่าที่คาดการณ์
- ทองคำปรับตัวลดลงแรงเมื่อวานนี้หลังจาก Goldman sachs ออกมาแสดงความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมานั้นไม่ยั่งยืน (Unsustainable) และคาดว่าสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกา จะยังเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต ล่าสุดราคน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู่ระดับ $36/บาร์เรล
- Goldman sachs ยังคงเป้าทองคำเช่นเดิมที่ระดับ $1100 ในสิ้นปีนี้
แนวรับ 1257 1248 1245 แนวต้าน 1270 1275 1277
ราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ระดั
ทางเลือกรอง : หากราคาปรับตัวลดลงเลยเกินก
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวเพิ่ม
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาปรับตัว
- รองประธาน FED คุณ Stanley Fischer กล่าวว่า ได้เห็นสัญญาณของภาวะเงินเฟ
- ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปเปิดมา
- เงินทุนสำรองของจีนปรับตัวล
- ตัวเลขการส่งออกของจีนปรับต
- Final GDP ของญี่ปุ่น ออกมาที่ระดับ –0.3% จากรอบก่อนหน้า –0.4%
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้
- กองทุน SPDR ขายทองคำออกในวันศุกร์เล็กน
แนวรับ 1254 1250 1245 แนวต้าน 1262 1266 1271
ราคาเริ่มเห็นการพักฐานลงมาในระยะสั้น มองแนวรับสำคัญที่สุดบริเวณ 1245 เนื่องจาก 1245 เดิมเคยเป็นกรอบบนของสามเหลี่ยม หากลงมาทดสอบแล้วไม่หลุด จะเปิดขาขึ้นในระยะกลางไป 1300 บริเวณนั้น ส่วนระยะสั้นนี้มองลงแนวรับแรก 1254 ยาวจนถึง 1250 ต้องติดตามแต่ละแนวรับว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาหรือไม่ ส่วนข่าวบวกยังพอมีอยู่ ยังเห็นเม็ดเงินยังไหลเข้ากองทุน SPDR อย่างต่อเนื่อง และมูลค่า NAV ยังสูงขึ้นเรื่อยๆทั้งนี้ต้องระมัดระวังเพราะ ยังไม่เคยมีการพักตัวเลย
ทางเลือกรอง : ราคหลุด 1245 ลงมา มองว่า จะเกิดเป็น False signal ขาขึ้นทันที และ แนะนำออกมารอดูตลาดก่อน
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเข้าใกล้ระดับ 1400 จุด นำโดยกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบถึงแม้จะมีการขึ้น XD ของ PTT แต่กลับไม่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้เริ่มเห็น Bearish divergent ย่อยๆในรายชั่วโมง ประกอบกับตลาดหุ้นเอเชียที่เริ่มปรับฐานจึงมองว่า เป็นสัญญาณให้ระมัดระวังแรก ค่าเงินบาทเริ่มเห็น bullish divergent และมองการอ่อนค่า แนวต้าน 35.55
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 242K จากเดือนก่อนหน้า 172K และคาดการณ์ 195K ปรับตัวสูงขึ้นแรงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยลบกับราคาทองคำ ทั้งนี้เมื่อออกมาดูภาพรวมการจ้างงานนอกภาคเกษตรยังอยู่ระดับเกินค่าเฉลี่ยและอยู่ระดับค่อนข้างสูง บ่งบอกถึงทิศทางการจ้างงานที่ค่อนข้างดี ส่วนอัตราว่างงานคงที่ ณ ระดับ 4.9% ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง บ่งบอกถึงทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน (ช่วงวิกฤติ 2008 เคยขึ้นไปแตะระดับ 10%) และตัวสุดท้าย รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงหดตัวแรง –0.1% ซึ่งมีตัวนี้ตัวเดียวที่ยังไม่ดี เมื่อรวมแล้วตีความได้ว่า การจ้างงานออกมาดีขึ้น แต่คุณภาพของการจ้างงานยังไม่ดี เพราะ ค่าจ้างลดลง ทั้งนี้ดัชนีดาวโจนส์สามารถยืนเหนือ 17000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
- ตลาดหุ้นยุโรปยังไม่ได้มีข่าวใหม่ ยังรอผลการประชุม ECB มากกว่า กลุ่มที่ยังปรับตัวขึ้นจะเป็นกลุ่มเหมืองอยู่เหมือนเดิม จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะทองคำที่ฟื้นตัว รวมถึง ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นแรงเกินกว่า $36/บาร์เรล จะช่วยทำให้ตลาดหุ้นยุโรปมีมุมมองในทางบวกขึ้นมาในระยะนี้
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมัน ให้ความเห็นว่า ไม่อยากให้อังกฤษฮอกจากกลุ่มยูโรโซน เพราะ จะกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลก ของทั้งยูโร และ อังกฤษเอง
-ในวันเสาร์มีการประชุมสภาประชาชนจีน (NPC) มีการตั้งเป้าหมายการเติบโต GDP ที่ระดับ 6.5%-7% ฝั่งเงินเฟ้อ CPI คาดการณ์ไว้ที่ 3% และการขาดดุลงบประมาณคาดว่าจะอยู่ 3% ของ GDP ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบของธนาคารกลางจีน รวมทั้งมีการแทรกแซงตลาดหุ้นด้วย
- เปิดตลาดเอเชียเช้านี้ตลาดหุ้นจีนเปิดในแดนบวก แต่ญี่ปุ่นเริ่มหดตัวลงสู่ช่วงลบข่าวดีในเบื้องต้นที่ส่งมาคือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาดี
- ราคาน้ำมันดิบก็ได้รับปัจจัยบวกจากเรื่องการจ้างงานเช่นกัน รวมทั้ง ได้รับแรงซื้อในรูปแบบของ Technical buying หลังจากราคาน้ำมันดิบผ่านแนวต้านระยะสั้นบริเวณ $34/บาร์เรลออกมา ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบซื้อ-ขายกันที่ระดับ $36/บาร์เรล
- กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่มอีก 5 ตันในวันพฤหัสที่ผ่านมา ยังเห็นเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุนอยู่ในช่วงนี้