บทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์ประจำวันที่ 13 พ.ค.2559
แนวรับ 1263 1260 1256 แนวต้าน 1272 1275 1280
เมื่อวานนี้ราคาปิดแท่งเทียนขึ้นก่อนหน้าจนเกือบหมด เกิดเป็นแท่งเทียน Bearish ในรายวัน จึงให้น้ำหนักทางฝั่งการปรับตัวลดลงต่อสูงขึ้น มองแนวรับแรกบริเวณ 1260 และ ถัดไปบริเวณ 1255 ยังมองการค่อยๆปรับตัยวลดลงมากกว่าที่จะลงแรง ทั้งนี้ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายอาจจะมีรีบาวน์ขึ้นได้บ้าง มองแนวต้านประมาณ 1270-1272 จากนั้นไปติดตามข่าวตัวเลขค้าปลีกช่วง 19.30 เบื้องต้นคาดการณ์เป็นลบกับทองคำ
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ และทำให้ค่า Basis ของฟิวเจอร์เริ่มกลับเป็นบวกเล็กน้อย หลังจาก Basis ติดลบมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นการผ่านแนวต้าน Downtrend ระยะสั้นออกมา ยังให้น้ำหนักทางบวกสำหรับตลาดหุ้นไทยอยู่ ถึงแม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะส่งมาทางลบ ทั้งนิ้ทิศทางค่าเงินบาทหลังจากหลุดแนวต้านยังมองการอ่อนค่าต่อ แนวต้านระยะสั้นอยู่บริเวณ 35.45-35.50
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแรงสู่ระดับ 294K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 274K และคาดการณ์ 277K เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงสุดในรอบปี นับตั้งแต่ ช่วงเดือน กรกฎาคม 2015 นอกจากนี้ยังเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสามสัปดาห์ติดต่อกัน แนวโน้มดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก และ อาจนำไปสู่การคาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานที่จะประกาศในเดือนหน้า อาจจะออกมาไม่ดี ทั้งนี้ยังต้องติดตามตัวเลขจริง
- ประธาน FED สาขา St.louis คุณ James Bullard มองว่า อเมริกามีโอกาสกลับเข้าสู่สภาวะถดถอยอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับปกติ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า จะเกิดการถดถอยเมื่อไร ส่วนประธาน FED สาขา ชิคาโก ยังประเมินเศรษฐกิจอเมริกาเติบโต 2.5% และ ยังอยาก Wait and see ในเรื่องนโยบายการเงินก่อน
- ตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมัน German CPI ออกมาระดับ 0.3% เท่ากับเดือนก่อนหน้า ยังไม่มีนับสำคัญเท่าไรนัก ภาพรวมตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงถึงแม้ระหว่างวันจะปรับตัวขึ้นแรง ได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่แย่กว่าเดิมมาก และ น้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแรงจากจุด High
- มูลค่าหุ้นของ Alphabet (Google) ได้ขึ้นกลายเป็นบริษัทที่มี Market cap ใหญ่ที่สุดเรียบร้อยแล้ว แซงหน้า Apple ที่ราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง (ต่ำสุดนับจากปี 2014)
- ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของญี่ปุ่นที่จะทยอยประกาศออกมา คาดการณ์ว่าจะออกมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ทำให้มาร์จิ้นส่วนต่างระหว่าง อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและกู้ปรับตัวลดลง
- อัตราเงินเฟ้อ CPI ของอินเดียปรับตัวขึ้นแรงสู่ระดับ 5.39%นอกจากนี้คาดการณ์ว่าในปีนี้ในช่วงเดือน มิถุนายน-กันยายน อินเดียจะมีปริมษรน้ำที่สูงกว่าเฉลี่ย โดยรวมแล้ว ตลาดยังไม่ให้น้ำหนักไปทางอินเดียเท่าไร (อินเดียดี ความต้องการทองคำอาจจะดีขึ้น)
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับเกินกว่า $46/บาร์เรล จาก IEA ที่ประเมินว่า อุปทานส่วนเกินของน้ำมันดิบจะน้อยลง จากความต้องการของอินเดียที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับประเทศจีน
- ทองคำปรับตัวลดลงหลังจากเงินดอลลาร์เมื่อคืนนี้แข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขาย จะมีการปรับตัวขึ้นแรงถึงระดับ $1280