บทวิเคราะห์

ย้อนกลับ

บทวิเคราะห์ประจำวันที่ 26 เม.ย.2559

 

แนวรับ 1232 1225 1215 แนวต้าน 1240 1245 1247

ราคาทองคำยังทรงตัวแต่ให้น้ำหนักฝั่งลงมากกว่า หลังจากการปิดไม่ได้สูงจนทำให้มีนัยสำคัญมากนัก ทางฝั่งจุดทีแนวโน้มจะเปลี่ยนจะอยู่บริเวณ 1240 ขึ้นไป หากหลุดออกไปจะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปอีก ส่วนแนวรับที่มองไว้อยู่มองว่า 1225 ระยะนี้ยังมองการเคลื่อนไหวไม่มากนัก วนไปวนมา หลังจากข่าวตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย วันนี้จะมีการประกาศข่าวบ้างในช่วง 19.30 ก่อนจะไปติดตาม FOMC ตี1 พรุ่งนี้

ทางเลือกรอง : ราคาปรับตัวเลยกว่า 1240 ขึ้นไป จะมองว่า ชะลอการลง

 

 

USD/THB

ตลาดหุ้นไทยทรงตัวเมื่อวานนี้ (ปรับตัวลดลงเล็กน้อย) ยังให้น้ำหนักการพักตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่มองว่าระยะสั้นน่าจะมีการรีบาวน์กลับขึ้นมาแต่เป็นเพียงเล็กน้อย ภาพรวมยังส่งสัญญาณทางลงมากกว่า ต่างชาติเริ่มขายสุทธิและ Short สุทธิแต่เป็นไปในปริมาณที่น้อย ค่าเงินบาทยังมองการอ่อนค่าไปยังระดับ 35.25-35.28 ตามการอ่อนค่าของทั่งภูมิภาค เมื่อวานมีการประกาศตัวเลขการส่งออกของไทยพบว่าขยายตัวเดือนที่สองต่ออีก 1.3%

ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ

- ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New-home sales) ออกมาระดับ 511K ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า 519K และคาดการณ์ 521K เป็นการชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่เมื่อออกมาดูภาพรวมให้กว้างขึ้นจะเห็นว่า นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ทิศทางของยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ระหว่างเดือนจะมีขยายตัวบ้าง หดตัวบ้างก็ตาม บ่งบอกถึงแนวโน้มการขยายตัว (ทั้งนี้ยังห่างไกลจากระดับสูงสุดแถว 1200K ในช่วงปี 2005 ที่ตลาดบ้านค่อนข้างขยายตัวอย่างแรง )

- Goldman sachs บ่งบอกถึงกลยุทธ์การลงทุนของธนาคารท่ามกลางตลาดหุ้นไม่เคลื่อนไหว (Flat) หลังจากหุ้นหลายตัวไปซื้อ-ขายกันที่ 96 เปอร์เซนไทล์เมื่อเทียบกับในอดีต และ กำไรขยายตัวเพียง 1.6% จึงใช้กลยุทธ์ มีพอร์ตการลงทุน 50%

- ดัชนีความเชื่อมั่น German Ifo Business climate หดตัวเล็กน้อยสู่ระดับ 106.6 จุด จากระดับ 106.7 จุดในเดือนก่อนหน้า เป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นหลัก (เยอรมันพึ่งพาการส่งออกสินค้าประเภท รถยนต์ และ สินค้าฟุ่มเฟื่อย แบรนเนมด์ ไปยังประเทศจีนค่อนข้างมาก) ทั้งนี้ความแข็งแกร่งของเยอรมันชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกของปีนี้พอสมควรและซ้ำมาด้วยความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลก

- ตลาดหุ้นยุโรปโดยรวมชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ หลังจากประกาศตัวเลขออกมา

- กองทุนบำนาญที่ใหญ่ที่สุดในโลก ($1.3 Trillion) ซึ่งคือ กองทุนบำนาญของญี่ปุ่น (GPIF) มีแผนจะใช้การประกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน (Currency hedging) หลังจากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ก่อนหน้านั้น GPIF เพิ่มการถือครองหุ้นและพันธบัตรต่างชาติท่ามกลางเงินเยนที่อ่อนค่า

- กองทุน 1MDB (1 Malaysia development) จะเริ่มผิดนัดชำระหนี้ $50 millions และอาจจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลง

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆวันละนิด ล่าสุดมาซื้อ-ขายกันระดับ $43/บาร์เรล หลังจากช่วงนี้ไม่ได้มีข่าวอะไรใหม่

- ความต้องการทองคำในอุตสาหกรรมการแพทย์ อย่างเช่น หมอฟัน ปรับตัวลดลง ท่ามกลางการเข้ามาของ เซรามิค และส่งผลให้ความต้องการปรับตัวลดลงกว่า 60% ทั้งนี้ในปัจจุบันทองคำก็มีสัดส่วนความต้องการที่ไม่มากอยู่แล้วในด้านการแพทย์