บทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์วันที่ 4 มี.ค.59
แนวรับ 1257 1250 1245 แนวต้าน 1265 1270 1275
ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับเกินกว่า 1245 ซึ่งเป็นการหลุดกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมาด้านบนมองว่า เป็นปัจจัยบวกในระยะกลางทันที อย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนที่จะไปติดตามผลการประชุม FOMC ในช่วงกลางเดือน แต่มีข้อแม้คือ การประกาศตัวเลข Non-farm payroll ในวันนี้ต้องไม่ดีจนราคาหลุด 1245 ลงมา หากดีมากจนหลุด 1245 ลงมาจะกลายเป็น False breakout และขาขึ้นจะเสียทรงไปทันที ทั้งนี้หากไม่หลุดยังมองขึ้นต่อเนื่องไปอีกประมาณ $40 ใกล้เคียง $1300
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน บวกร่วม 50 จุด จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนทิศทางค่าเงินบาทมองว่า แข็งค่ามาค่อนข้างรวดเร็ว และช่องว่างให้แข็งค่าจากตรงนี้ไปค่อนข้างน้อยแล้ว เข้าสู่ภาวะ Oversold ทุกช่วงเวลา จึงมองการลุ้นรีบาวน์ขึ้นไประดับ 35.40-35.50 อีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ทั้งนี้ยังต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 278K จากสัปดาห์ก่อนหน้า 272K และคาดการณ์ 271K แนวโน้มโดยรวมยังไม่ได้มีนัยสำคัญ
- ตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการชะลอตัวลงสู่ระดับ 53.4 จากเดือนก่อนหน้า 53.5 ซึ่งชะลอตัวลงจากจุดสูงสุดในรอบ 8 เดือนต่อเนื่องกัน และเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม เพราะ ชะลอตัวลงทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ
- หลังจากประกาศข่าวพบว่า ดัชนีหุ้นค่อนข้างผันผวน แต่โดยรวมแล้วยังเป็นบวกมากกว่า นักลงทุนยังติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ซึ่งตลาดค่อนข้างจับตามากเป็นพิเศษ เพราะ ตอนนี้หลายคนยังอยากได้การยืนยันจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของอเมริกาหลังจากเศรษฐกิจทั่วโลก
- ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปทรงตัวเล็กน้อย แต่ในช่วงนี้ได้รับปัจจัยลบจากกลุ่มอุตสาหกรรม Health care จากการที่ Moody’s ปรับลดมุมมองโดยรวมของกลุ่ม Pharma จาก Positive สู่ Stable ในขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองก็มีผลงานที่ดีมาตลอดในช่วงต้นปี หลังจาก กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งทองคำปรับตัวสูงขึ้นแรงนับตั้งแต่ต้นปี
- Final service PMI โดยรวมแล้วออกมาดีขึ้น และดีกว่าฝั่งอเมริกา ยังอยู่ระดับที่มากกว่า 50 จุดมีแนวโน้มที่ยังขยายตัว ยกเว้นฝรั่งเศสที่ยังหดตัว
-ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของจีนออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายที่กำลังออกมา เพราะ นโยบายการเงินของจีนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการนำเงินไปลงทุนในภาคอสังหา และจะเกิดภาวะฟองสบู่ขึ้นเนื่องจากคาดว่าจะมีการเก็งกำไรมากขึ้น ทั้งนี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่แล้วยังทรงตัวหลังจากปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ ความเชื่อมั่นในรายได้ในอนาคต
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ $35/บาร์เรล ถึงแม้จะยังไม่มีข่าวอะไรที่ประกาศออกมา มีเพียงคาดการณ์ว่า กำลังการผลิตจะไม่เพิ่มไปกว่านี้
- เม็ดเงินที่ไหลเข้าในทองคำยังไหลเข้าไปต่อเนื่อง ล่าสุด ปริมาณเม็ดเงินยังไหลเข้าพร้อมกับ ปริมาณ Open interest ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยบวกกับทองคำในระยะนี้ และล่าสุดราคาสามารถผ่านแนวต้าน 1245 มาได้แล้ว