บทวิเคราะห์

ย้อนกลับ

บทวิเคราะห์วันที่ 18 ก.พ.59


 

 

แนวรับ 1203 1195 1180 แนวต้าน 1213 1217 1225

ราคาทองคำจากที่เคยมองไว้ว่าเป็น Head and shoulder ล่าสุด ราคาแกว่งตัวออกข้างนานเกินไป จนมองว่า ระยะสั้นกำลังทำรูปแบบสามเหลี่ยมแทน และ กรอบสามเหลี่ยมเป็นแบบสมมาตร และบีบเข้าเรื่อยๆ ใกล้จะเลือกทางแล้ว กรอบบนอยู่ระดับ $1210 และกรอบล่าง $1195 โดยปกติแล้วรูปแบบนี้มีโอกาสที่จะกลับสู่แนวโน้มเดิมมากกว่า ในที่นี้คือลง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะขึ้นอยู่เช่นกัน จึงมองว่า ติดตามการหลุดกรอบทางใดทางหนึ่งน่าจะดีกว่า ปัจจัยลบมากขึ้นช่วงนี้ หลังตลาดหุ้นรีบาวน์

ทางเลือกรอง : ถึงแม้ว่าจะมอง Bias ฝั่งลงมากกว่า แต่หากราคาหลุดกรอบบนขึ้นไปเกินกว่า $1210 จริงๆ ก็ต้องยอมและราคาจะปรับตัวขึ้นต่อ

USD/THB

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้หลังจากระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และ ก่อนที่จะปิดมีแรงซื้อขึ้นมาปิดใกล้กับระดับที่เปิด จากราคาน้ำมันดิบที่รีบาวน์ขึ้นมาแรงกว่า 7% รวมทั้งตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปและอเมริกาที่เขียวส่งมา ยังพอมีหวังให้ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อในวันนี้ แต่ยังต้องระมัดระวังหากปรับตัวขึ้นแล้วไม่ไปไหนสักทีกลับมาที่เดิม ทิศทางเงินบาทดูเริ่มแข็งค่าอีกครั้งแนวรับ 35.50

ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ

- ผลการประชุม FOMC เมื่อวานนี้ ประธาน FED คุณ เจเนต เยลเลน ให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำทั่วโลก รวมทั้ง ความผันผวนของตลาดการเงินที่รุนแรงตั้งแต่ต้นปี เป็นความเสี่ยงต่อฌศรษฐกิจอเมริกา และเปิดช่องว่างให้เกิดความไม่สมดุลของ Risk เพราะ มอง Downside risk เพิ่มมากขึ้นจากระดับปัจจุบัน ทั้งนี้ในอนาคตเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยจะยังขอดูสภาพเศรษฐกิจและตลาดการเงินในอนาคตเป็นหลัก ขณะที่เศรษฐกิจของอเมริกาเองยังไปได้อยู่โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ล่าสุดอัตราว่างงานปรับลดลงสู่ระดับ 4.9% และ ยังมองว่าน่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ส่วนตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป้นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาดี และ น้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น

- มีการประกาศสถานการณ์ความคืบหน้าของกรีซพบว่า รมว.คลังของกรีซ ยืนยันว่าจะเข้าไปควบคุมการขายหนี้เสียของสถาบันการเงิน และ หนี้เสียที่จะโอนเข้ากองทุน Distressed debt ส่วนทางฝั่ง EU ก็อยากให้กรีซมีความยืดหยุ่นเรื่องกฎหมายในการดำเนินงานเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขายหนีเสียของธนาคาร

- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแรงกว่า 2% เมื่อวานนี้ หลังจากน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นแรงกว่า 7% ทำให้ Sentiment ของตลาดหุ้นทั่วโลกดูดีขึ้น

- ตัวเลขการส่งออกของญี่ปุ่นหดตัวลงสี่เดือนติดต่อกัน (-12.9%ในเดือนมกราคม) และเป็นการชะลอตัวลงแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นผลจากการส่งออกไปยังจีนที่เป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 18% ก่อนหน้านั้นเองญี่ปุ่นก็มีประกาศ GDP พบ่วาออกมาแย่ รวมถึง การใช้จ่ายและความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็หดตัวลง ยังดูไม่ค่อยดีสำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงนี้ถึงแม้จะมี Abenomics มากว่า 3 ปีแล้ว

- CPI ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงกว่า 7% สู่ระดับ $31/บาร์เรล จากการคาดการณ์การประชุมถึงการลดกำลังการผลิตระหว่าง อิหร่านและ OPEC ที่เหมือนจะมีความคืบหน้าขึ้นมาเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ยังต้องติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

- Barrick gold ซึ่งเป็นเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปรับประมาณการณ์ทองคำที่ผลิตได้ในปีนี้จะมีออกมาลดน้อยลง