บทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์วันที่ 17 ก.พ.59
แนวรับ 1200 1195 1180 แนวต้าน 1206 1210 1215
ราคาทองคำกำลังทำรูปแบบคล้าย Head and shoulder ซึ่งมีเส้นคอ (Neck-line) อยู่ที่ระดับประมาณ $1195 หากหลุดระดับนี้ไปมองว่า จะเปิดช่องว่างฝั่งลง (Downside) ให้เพิ่มมากขึ้นอีก ในขณะที่หากราคาทรงตัวหรือขึ้นไป ก็จะทำให้รูปแบบนี้หมดความได้เปรียบไป และจะกลายเป็นรูปแบบอื่นๆไปแทน จุดที่มองไว้ว่าจะเปลี่ยนคือ หากราคาเกินกว่า 1206-1210 ขึ้นไป ซึ่งใช้ตัวนั้นเป็นจุดตัดขาดทุน โดยสรุป ลุ้นให้หลุด 1195 หากอยากให้ลงตามรูปแบบ Head and shoulder
ทางเลือกรอง : หากราคาไม่หลุด และปรับตัวสูงกว่า 1206-1210 จะมองว่า ฝั่งบวกจะเริ่มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยพยายามขึ้นไปใกล้ระดับ 1300 จุดแต่ยังไม่สามารถถึงได้ ถอยลงมาแนวรับที่เดิมตลอด หากเป็นแบบนี้มองว่า ไม่สวย และให้ระมัดระวัง หากดัชนียังไม่สามารถบวกแรงๆได้ ปัจจัยลบเพิ่มเติมคือ ราคาน้ำมันดิบที่ถึงแม้จะยังปรับตัวลงไม่มาก แต่ก็ทำให้กลุ่มพลังงานขาดปัจจัยบวกไป ทั้งนี้โดยรวมแล้วน้ำมันดิบยังอยู่ในแนวโน้มรีบาวน์อยู่ ส่วนทิศทางค่าเงินบาทมองแกว่งตัวอยู่ในกรอบ ไม่ได้มีทิศทางที่มีนัยสำคัญ
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ดัชนีภาคการผลิต Empire state ออกมาที่ –16 จุด หดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ –10 จุด แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ประมาณ –19 จุด โดยรวมแล้วออกมาดีขึ้นแต่ก็ยังติดลบอยู่ ทั้งนี้ ดัชนีประเภทนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญต่อราคาทองคำเท่าไรนัก ทำให้ทองคำไม่ค่อยรับข่าวนี้เท่าไร เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ไม่ค่อยรับข่าวนี้เมื่อวานนี้
- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นกว่า 200 จุด (2%) จากมุมมองตลาดที่เริ่มหันกลับมาลงทุนในหุ้นมากขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมที่นำตลาดเมื่อวานนี้จะเป็นกลุ่มของ สินค้าฟุ่มเฟือย และ สถาบันการเงิน ส่วนดาวโจนส์ภาคการขนส่ง ( Dow transport) ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับเฉลี่ย 50 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 1 ธันวาคม เป็นปัจจัยเชิงบวกกับตลาดหุ้น รวมถึง พัฒนาการของจีนที่เงินหยวนหยุดการอ่อนค่าลงเป็นผลบวกกับหุ้นทั่วโลก
- คุณ ดรากี้ ประธาน ECB ให้ความเห็นเมื่อวานนี้ว่า “Ready to do its part to make the euro area more resilent” หรือแปลประมาณว่า พร้อมที่จะทำหน้าที่ (นโยบายทางการเงิน) เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ยูโรโซนฟื้นตัวได้ดีกว่านี้ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึง การกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมยังอยู่ในแผนของคุณ ดรากี้ ตลาดรับข่าวเชิงบวกนี้เข้าไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ส่วนยอดขายรถยนต์ในกลุ่มยูโรโซนประกาศออกมาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดดัชนีหุ้นยุโรปเริ่มทรงตัวหลังจากตกลงแรง
- พัฒนาการที่สำคัญของจีนคือ ค่าเงินหยวนเมื่อ 2 วันมานี้เริ่มแข็งค่าขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันทำการ ซึ่ง PBoC ก็ยังออกมายืนยันว่า แผนการลดค่าเงินหยวนน่าจะมีอีกไม่มากแล้ว ทำให้คาดว่าเงินไหลออกจากจีนจะชะลอตัวลง (แต่ก็ยังไหลออกอยู่) ทั้งนี้ตลาดหุ้น H-Share ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 8000 จุด ในช่วงต้นสัปดาห์
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อสองวันมานี้หลังจากปรับตัวลดลงแรงกว่า 10% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยรวมแล้วไม่ได้มีนัยสำคัญ
- ผลการประชุมระหว่าง OEPC และรัสเซียเมื่อวานนี้พบว่า ยังคงกำลังการผลิตไว้ที่เดิม ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ $29/บาร์เรล โดยรวมแล้วยังทรงตัว
- Goldman Sachs ปรับเป้าราคาทองคำลงสิ้นปีสู่ระดับ $1100 ขณะที่ในระยะกลางมองไว้ที่ $1000 ให้ความเห็นว่า ถึงเวลาที่จะขายสินค้าที่อ้างอิงกับความกลัวออก (Fear barometers) หลังจากพบว่า ตลาดหุ้นถึงจุดที่น่าสนใจซื้อ อ้างอิงจาก Goldman sachs