บทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์วันที่ 27 ม.ค.59
แนวทางทองคำวันที่ 27-1-59
แนวรับ 1117 1109 1100 แนวต้าน 1128 1130 1135
ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและเข้าใกล้แนวต้านแถว 1120-1130 ซึ่งตรงนี้มองว่า ขึ้นมาแรงพอสมควร เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง แนะนำว่าทยอยลดสถานะซื้อลง ถึงแม้ราคาจะขึ้นต่อแต่ระดับปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อการพักฐานค่อนข้างมาก ส่วนปัจจัยบวกยังมีอยู่ค่อนข้างเยอะในตลาด ทั้งความต้องการ physical ที่มากขึ้น เม็ดเงินที่ไหลเข้าจากกองทุนต่างๆ มากขึ้น แต่ยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง วันนี้จะมีผลการประชุม FOMC ตลาดคาดการณ์ว่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ
ทางเลือกรอง : ราคาถึงแม้จะมองว่าให้ระวัง เต่ยังมีโอกาสยาวไปจนถึง 1135 ซึ่งเป็นแนวต้านสุดท้าย ต้องลองชั่งน้ำหนักระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงดู
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในแนวโน้มของการรีบาวน์ ซึ่งเมื่อวานนี้แข็งแกร่งเกินคาด หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง และ ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงแรง แต่ตลาดหุ้นไทยกลับปิดบวกเล็กน้อยได้ และวันนี้ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ยังมองแนวต้านเดิมประมาณ 1280-1290 โซนนั้นซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ มีประกาศตัวเลขส่งออกเป็นลบมากสุดในรอบ 6 ปีซึ่งเป็นข่าวร้าย ทิศทางค่าเงินบาทยังมองแข็งค่าไม่มาก
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB consumer confidence) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 98.1 จากเดือนก่อนหน้า 96.3 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดที่ประมาณ 103 ที่เคยทำไว้เมื่อ มกราคม 2015 ( 1 ปีที่แล้วพอดี ) ส่วนทางฝั่ง Flash service PMI ปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 53.7 จากเดือนก่อนหน้า 54.3
- Goldman sachs ปรับลดประมาณการณ์เป้าหมายของดัชนี SP500 ลงเล็กน้อย จากความกังวลว่าจะเกิดภาวะ Earnings recession ที่คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะชะลอตัวลงอีกไตรมาสติดต่อกัน และอาจจะส่งผลกระทบต่อภาค Real sector ด้วย ทั้งนี้ต้องติดตามตัวเลขจริงๆว่าจะออกมาในทิศทางไหน ส่วนวันนี้จะมีการประชุม FOMC ซึ่งตลาดคาดาการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม
- ข่าวทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรปยังไม่ได้มีนัยสำคัญมากเท่าไรนัก ยังคงเคลื่อนไหวไปตามทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบ หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามในช่วงนี้ ยังไม่ได้มีข่าวที่เฉพาะตัวของทางฝั่งยุโรป
- ผลประกอบการของกลุ่ม Hedge fund ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์พบว่า ส่วนใหญ่แล้วผลประกอบการออกมาไม่ดีในปีนี้และช่วงท้ายๆมา นับจากกลุ่มโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวลดลงแรงจากความต้องการที่น้อยลงจากจีน
- ตัวเลขการส่งออกของไทยปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี (จากปี 2010) ตัวเลขออกมาระดับ –5.78% ส่วนการนำเข้ายังหดตัวแรง ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเกินดุลการค้า นักวิเคราะห์คาดว่า การส่งออกที่ชะลอตัวลงจะยาวมาจนถึงปีนี้ที่คาดว่าการส่งออกก็มีแนวโน้มที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่
- ตลาดหุ้นจีน (CSI 300 ) ปรับตัวลดลงแรงกว่า 6% ถึงแม้จะมีการประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบการเงินก็ตาม
- ธนาคารโลกปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบลงอีกสู่ระดับ $37/บาร์เรลในปีนี้ จณะที่รอบก่อนมองไว้ที่ $51/บาร์เรล ทั้งนี้ได้มีการปรับลดเป้าหมายกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ลงอีก จากอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์ลดลง
- ตัวเลขการนำเข้าทองคำของจีนจากฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ส่วนธนาคารกลางคาซัคสถานยังมีการซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีก ข้อมูลเปิดเผยจาก IMF