ย้อนกลับ
บทวิเคราะห์วันที่ 3 ธ.ค.58
แนวทางทองคำวันที่ 3-12-58
แนวรับ 1050 1045 1040 แนวต้าน 1052 1056 1064
ราคาปรับตัวลดลงแรงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่บริเวณ $1045 ซึ่งหลังจากจุดนี้ในภาพรวมจะมีแนวรับอีกทีที่สำคัญที่ $1030 และอีกทีหนึ่งที่ $1000 ทั้งนี้เป็นมุมมองรวมๆไม่ได้หมายความว่าจะปรับตัวลดลงพรวดเดียว ส่วนในวันนี้ระยะสั้นมองการรีบาวน์ขึ้นไปก่อนเล็กน้อย โดยมีแนวต้าน $1052 เป็นแนวต้านแรก ซึ่งต้องเอาให้ผ่านเพื่อไปปิด GAPที่เปิดไว้ในช่วงเมื่อวานตอนข่าวออกที่บริเวณ $1064 นอกจากนี้ภาพรายย่อยต่ำกว่าชั่วโมงเจอ Bullish divergent จึงให้น้ำหนักขึ้นก่อน
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1045 ลงมาอีกครั้งก็จะเริ่มลงต่อไปเลย และหมดรอบรีบาวน์
USD/THB
เมื่อวานนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงกว่า 1% ปรับตัวลดลงเกือบทุกภาคอุตสาหกรรม ทั้งสื่อสาร และพลังงาน และภาพรวมในวันนี้ยังดูอ่อนแอ และได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งในต่างประเทศอย่างดาวโจนส์กลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงกว่า 3% ทำให้ภาพรวมดูไม่ดี ส่วนค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่ากลับมาอีกครั้ง แนวต้าน 35.90-36.05 ต้องให้ผ่านไปให้ได้จึงจะอ่อนค่าลงอีก
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ADP non-farm employment change ที่เป็นการสำรวจการจ้างงานนอกภาคเกษตรของภาคเอกชน ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 217K จากเดือนก่อนหน้า 196K และคาดการณ์ 191K ซึ่งตัวเลขที่ออกมานั้นสวนทางกับการคาดการณื NFP ของจริงในวันศุกร์ที่คาดว่าจะออกมาน้อยลงในเดือนนี้
- รายงาน Beige book พบว่า ประธาน FED คุณ เยลเลน ได้มีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจ และคาดว่าจะเริ่มตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยได้หลังจากรอมาเป็นเวลานาน และ การรอเป็นเวลานานเกินไปจะเกิดเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเขตต่างๆเติบโตขึ้นอย่างเรื่อยๆ ในระดับปานกลางถึงดีขึ้นเล็กน้อย การบริโภคปรับตัวดีขึ้น เพียงแต่การผลิตยังออกมาผสมกัน
- ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน (CPI) ชะลอตัวลงเล็กน้อย ออกมาขยายตัว 0.1% เท่ากับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่คาดการณ์ไว้ 0.2% ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาแย่ลงนั้นทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า ที่ประชุมในวันนี้อาจจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) เพิ่มอีก ในขณะที่ปัจจุบัน ECB มีการซื้อพันธบัตรวงเงิน 60 ล้านล้านยูโรต่อเดือน และจะไปสิ้นสุดในช่วงกลางปีหน้า ทางเลือกที่มีในขณะนี้คือ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หรือ ขยายวงเงิน / ยืดเวลา
- มีการประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการของจีนออกมายังพบว่า ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.6 จากเดือนก่อนหน้า 53.1 ซึ่งกิจกรรมภาคบริการนั้นจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมประเภท อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก โรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งในอดีตตัวนี้นักลงทุนต่างไม่ให้ความสำคัญมากนัก แต่ปัจจุบันคนต่างหันมาจับตาตัวเลข PMI ภาคบริการมากขึ้น (รวมทั้งอเมริกาด้วยที่กำลังปรับเศรษฐกิจตนเอง) เนื่องจากเป็นนโยบายของประเทศพัฒนาแล้วที่มาเน้นการบริการเป็นหลัก
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู่ระดับ $40/บาร์เรล และเข้าไปใกล้จุดต่ำสุดเดิมแถวบริเวณ $37 อีกครั้ง จากปัจจัยลบที่กดดันสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมด โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยที่จะถึงช่วงกลางเดือน และส่งผลให้ทองคำทำจุดต่ำสุดใหม่อีกรอบหนึ่งในรอบ 6 ปี ที่บริเวณ $1045 เมื่อวานนี้ ภาพรวมยังคงไม่มีข่าวบวกเข้ามาในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงระยะสั้นนี้