บทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์วันที่ 4 พ.ย.58
แนวรับ 1118 1115 1110 แนวต้าน 1125 1130 1135
จากระดับปัจจุบันราคาลงมาทดสอบแนวรับ 1120 พรวดเดียว (จากเมื่อวานที่มองรีบาวน์ แต่รีบาวน์เล็กน้อยก่อนที่จะลง) ระดับนี้มองว่ายิ่งเข้าใกล้แนวรับสำคัญ ยิ่งมีโอกาสลุ้นดีดตัวขึ้น ทั้งนี้ให้ระมัดระวังหากหลุดระดับนี้ลงไปต่ำกว่า 1120 มองว่า ราคาจะไปสู่โซนการซื้อ-ขายใหม่ที่มองลึกลงไปหลุด 1100 ภาพรวมยังเป็นขาลงชัดเจน แต่ด้วยภาวะ Oversold รายทางมาตลอด ยังลุ้นการดีดรีบาวน์และรอขายน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าขายในตอนนี้
ทางเลือกรอง : ราคาไม่ยอมรีบาวน์และไหลลงมาต่อเนื่อง ก็มองว่า จะยังคงลงต่อ แต่ไม่อยากให้รับความเสี่ยงหลังจากราคาลงมาโดยไม่มีการรีบาวน์เลย 5 วันติดต่อกัน
USD/THB
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ยังมองว่า ต้องใช้เวลารอดูทิศทางเพิ่มเติม หลังจากมองลงมาช่วงก่อนหน้าแต่ดัชนีก็ดีดสวนกลับมาแรง รวมถึงสถานะ Long สุทธิของต่างชาติยังอยู่ในระดับที่สูง ทั้งนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวน บวก ลบ สลับกัน จึงทำให้ยังไม่เห็นแนวโน้มที่ชัดเจน ส่วนค่าเงินบาทเป็นไปในทางเดียงกันคือ ยังแกว่งตัว Sideways เช่นเดิม
ข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
- ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเมื่อวานนี้ หลังจากกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 4% ไปอยู่ที่ระดับ $47/บาร์เรล ส่งผลให้กลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2.5% เมื่อวานนี้ ทั้งนี้ตลอดทั้งปีกลุ่มพลังงานยังปรับตัวลดลงสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ปรับตัวลดลง 10% YTD
- ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง –0.1% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ส่วนยอดขายรถยนต์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ Dow transport เป็นดัชนีวัดกลุ่มบริษัทขนส่งที่จดทะเบียนในดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้
- พันธบัตรอายุ 10 ปีของอเมริกา ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 2.2% เป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ธันวาคม
- ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางผลประกอบการกลุ่มแบงค์ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น UBS และ Standard charter (SC) โดยเฉพาะ SC ที่ประกาศงบออกมาขาดทุนและกำลังจะยกเลิกการจ่ายเงินปันผล และคาดว่าจะมีการเพิ่มทุน สาเหตุหลักมาจากการที่ธนาคารเร่งลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และจีน ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้งนี้ตลาดหุ้นถึงแม้จะได้รับข่าวลบจากกลุ่มธนาคารและรถยนต์ แต่กลับปรับตัวขึ้นท่ามกลางน้ำมันดิบที่รีบาวน์ขึ้นมา
- ตัวเลข PMI ภาคบริการของจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 52 จุด เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กรกฎาคม 2015 เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ Caixin ที่ปรับตัวดีขึ้น
- ราคาเปิดตลาดของ Japan Post holding ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง JP Holding นี้ถือว่าเป็นการ IPO ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปีนี้ ซึ่งกิจการดำเนินเกี่ยวกับ ธนาคาร และประกันภัยเป็นหลัก
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยตอนเปิดตลาดเช้านี้ (+0.2%)
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น 4% ไปอยู่ระดับ $47/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะมี Supply ออกมาน้อยลง
- กองทุน SPDR ขายทองคำออกมาอีก 3 ตัน เมื่อวานนี้ คงเหลือการถือครองระดับ 689.28 ตัน ซึ่งคิดเป็นระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์
- แรงซื้อจากกองทุน ETF เข้ามาค่อนข้างน้อยในช่วงครึ่งปีหลัง