ย้อนกลับ
บทวิเคราะห์ประจำวันที่ 9 ก.ย. 2558
แนวทางทองคำวันที่ 9-9-58
เเนวรับ 1118 1112 1110 เเนวต้าน 1126 1130 1133
ราคายังเคลื่อนไหวเล็กน้อยเมื่อวานนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก แต่ภาพรวมเริ่มย่อตัวลงมาเรื่อยๆ จึงมองว่า จะยังคงโดนกดดันต่อไป แนวรับสำคัญที่มองไว้จะอยู่บริเวณ 1112-1115 แต่หากระยะสั้นราคาได้ปรับตัวเกินกว่า 1130 ขึ้นไปนั้นมองว่า จะทำให้การลงเสียความได้เปรียบไป และราคาจะเริ่มกลับมาแกว่งตัวในกรอบถึงขึ้นเล็กน้อย แต่การขึ้นช่วงนี้มองอย่างจำกัดเช่นกันเนื่องจากใกล้ช่วงเวลาพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ต้องระมัดระวังให้ดี สำหรับมุมมองตลาดในระยะสั้นนักลงทุนเริ่มกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น (โหมด Risk-on) หลังจากมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของจีน ทำให้มองว่า แรงซื้อในทองคำน่าจะหายไปบางส่วนจากตรงนี้
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1150 สัญญา และ ยังคง Short สุทธิในฟิวเจอร์เพิ่มอีก รวมถึงเมื่อวานนี้ได้ขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างมาก ภาพรวม SET เริ่มรีบาวน์ขึ้นมานอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นรอบโลกที่รีบาวน์ขึ้นแรงเมื่อวานนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มองว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีแนวโน้มรีบาวน์ต่อไปแต่ขึ้นก็ยังมองจำกัดหากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา ค่าเงินบาทเริ่มปรับตัวแข็งค่าลงมาแต่ยังไม่มาก แนวรับระยะสั้น 35.85
ทางเลือกหลัก : มองราคาปรับตัวขึ้นไม่เยอะ และยังมองการปรับตัวลดลงไปยังระดับ 1112
ทางเลือกรอง : ราคาหลุด 1130 มองว่าจะทำให้ขาลงเสียความได้เปรียบไป
รายละเอียด
-ทองคำยังซื้อ-ขายกันที่กรอบแคบๆ แต่ปรับตัวลดลงมาที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางสิงหาคม (1 เดือน) ที่ระดับบริเวณ $1116 หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาจากวันศุกร์ได้นำไปสู่การคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้การปรับตัวขึ้นของทองคำยังได้รับแรงกดดันจากตัวนี้ด้วย
- ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งยุโรปพบว่ายังคงเติบโตได้ดี ถึงแม้บางรายการจะมีการชะลอตัวลงบ้าง พร้อมทั้งได้รับปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนผ่านนโยบายการคลังเพิ่มเติมที่ออกมาเมื่อวานนี้ โดยจะเน้นที่ การลงทุนในพวก Major construction การปฎิรูปหนี้ของรัฐบาล และ มาตรการทางภาษี ส่วนทางญี่ปุ่นตลาดหุ้นก็ปรับตัวขึ้นแรงเช่นเดียวกันจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าและการปรับลดภาษี Corporate tax ทำให้มีมุมมองในทางบวกเพิ่มมากขึ้นสำหรับตลาดหุ้นทั่วโลก และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นักลงทุนจะเข้าสุ่โหมด Risk-on มากขึ้น
- อินโดนีเซีย คาดว่าจะมีการพิจารณากลับเข้าสู่ OEPC อีกครั้งในเดือน ธันวาคม ซึ่งหากกลับเข้าจริงจะทำให้ Supply ของน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีก 3% ซึ่งในปัจจุบันนั้นปริมาณที่ผลิตได้ยังคงแตะอยู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีอยู่ ในอดีตอินโดนีเซียเคยเป็นประเทศเดียวที่อยู่ในกลุ่มอาเซียนที่อยู่ในกลุ่มประเทศ OPEC มากว่า 50 ปี แต่ได้ลาออกจากกลุ่มเมื่อปี 2009 เนื่องจาก ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสู่ Record high , การเพิ่มขึ้นของความต้องการน้ำมันในประเทศ และ การปรับตัวลดลงของการผลิตที่ผลิตออกมาได้ ทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นประเทศ Net-importer น้ำมันดิบ ซึ่งคาดว่าในเดือนธันวาคมนี้น่าจะรู้คำตอบ
- World bank ได้ออกมาเตือนว่า อยากให้ FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปหลังเดือนกันยายน เนื่องจากหากขึ้นดอกเบี้ยตอนนี้จะทำให้กลุ่มประเทศ Emerging market นั้นมีปัญหา และเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวอยู่หากขึ้นดอกเบี้ยผิดจังหวะจะเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก
- Warren buffet ได้ออกมาให้ความเห็นว่า การเติบโตของเศรษฐกิจอเมริการะดับปัจจุบันนี้ที่ 2% นั้นพบว่า ไม่ได้เป็นการเติบโตที่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดี (not a bad rate but not a boomig rate,either)และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า หากอัตราดอกเบี้ยอเมริกสูงกว่ายุโรปจะทำให้การส่งออกเริ่มแย่ลง