บทวิเคราะห์

ย้อนกลับ

บทวิเคราะห์ประจำวันที่ 8 ก.ย. 2558

แนวทางทองคำวันที่ 8-9-58

เเนวรับ 1118 1112 1110 เเนวต้าน 1126 1130 1133

ราคาเมื่อวานค่อนข้างทรงตัว แต่ได้เกิดลักษณะคล้าย Dead cross ขึ้น (จากเส้นค่าเฉลี่ยที่ใช้) ทำให้มองว่า ราคาจะเริ่มไหลลง ทั้งนี้จุดเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1126-1130 ขึ้นไป หากราคาปิดเหนือกว่านี้ได้นั้นจึงจะมองว่า การไหลลงเริ่มหมดความได้เปรียบ และราคาจะค่อนข้างทรงตัว แต่ยังให้น้ำหนักในฝั่งนี้น้อย ยังมองราคาปรับตัวลดลงต่อไปยังระดับแนวรับ 1112 และการเคลื่อนไหวช่วงนี้มีข่าวค่อนข้างน้อยทำให้มองว่า ราคามจะมีลักษณะค่อยๆไหลลงไปด้านล่าง สำหรับข่าวยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม ตลาดยังรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ ซึ่งรอบนี้มองว่าสำคัญและต้องติดตามให้ดี เนื่องจากจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายของ FED ในอนาคต

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1936 ล้านบาท และยัง Short สุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้มีการขึ้นประกาศ XD ของกลุ่ม Bank เช่น BAY KBANK BBL แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่า จะมีผลต่อดัชนีเพียงเล็กน้อย ภาพรวมตลาดยังคงแกว่งตัวออกข้าง แต่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เริ่มส่งมาทางบวก ยังมีหวังสำหรับการขึ้นต่อ ค่าเงินบาทอ่อนค่าผ่านระดับ 36 ไปอย่างรวดเร็ว และไม่มีทีท่าจะชะลอ ส่วนหนึ่งเกิดจากเงินหยวนส่วหนึ่ง ปัจจัยภายในประเทศส่วนหนึ่งและจากการเก็งกำไรค่าเงินบา

ทางเลือกหลัก : จากน้ำหนักข่าวที่น้อย ยังมองว่า วันนี้ราคายังมีแนวโน้มจ่ะอ่อนตัวลงต่อไปยังแนวรับ 1112

ทางเลือกรอง : สำหรับการปรับตัวเกินกว่า 1126 ขึ้นไป หากยิ่งสูงเท่าไร จะยิ่งชะลอการลงเท่านั้น


รายละเอียด

- เมื่อวานไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมา เนื่องจากเป็นวันหยุดของอเมริกาทำให้ราคาไม่เคลื่อนไหวเท่าไรนัก แต่ก็มีความเห็นเรื่องต่างๆเข้ามารวมทั้งการเคลื่อนไหวของประเทศอื่น เช่น เมื่อคืนมีนักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมานั้นดีพอที่จะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้แล้ว นอกจากนี้เทรดเดอร์ทองคำก็มองว่า ราคาทองคำน่าจะได้รับแรงกดดันจากที่ประชุม FOMC ในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ ส่วนแรงซื้อจากจีนเริ่มเข้ามาค่อนข้างทรงตัว ค่าพรีเมียมทรงตัวอยู่ที่ระดับ $4 

- ตัวเลขทุนสำรองของจีนที่ประกาศออกมาเมื่อวานนั้นพบว่า ทุนสำรองของจีนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 3.56 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดือนก่อนหน้า 3.65 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากช่วงที่ผ่านมาจีนได้มีมาตรการทำให้เงินหยวนอ่อนค่า และได้ทำการขายสกุลเงินดอลลาร์ในรูปของพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นกระแส QT (Quantitative tightening) ซึ่งลามไปยังธนาคารประเทศกลุ่ม Emerging market ที่ทยอยขายพันธบัตรของอเมริกาเพื่อหยุงไม่ให้ค่าเงินของประเทศตนอ่อนเกินไป จนทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศเหล่านี้ เริ่มลดลง และ ค่าเงินก็ยังอ่อนค่าอยู่ต่อเนื่อง ค่าเงินบาทของประเทศเราก็ได้รับปัจจัยเหล่านี้ด้วย ทำให้อ่อนค่าลงไปแตะระดับ $36 ประกอบทั้งปัจจัยในประเทศที่ยังไม่มีข่าวดีใหม่ๆเข้ามา ทั้งนี้ทางการจีนได้พิจารณานำมาตรการ Circuit breaker มาใช้ (คาดว่าหลังวันที่ 21 กันยายน) หลังจากมูลค่าของตลาดหุ้นจีนโดยรวมแล้วหายไปกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ มาตรการเซอร์กิตนั้นจะหยุดทำการ 30 นาที หลังจากดัชนีร่วงลง 5% เหตุผลที่ต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรงจนเกินไป และยังได้ออกมาตรการควบคุมการไหลออกของเงินทุนผ่านการไม่ให้อนุมัติสถาบันของจีนนำเงินไปลงทุนต่างประเทศ

- ตัวเลขตรวจทาน GDP ไตรมาสที่ 2 ของญี่ปุ่น พบว่าหดตัวน้อยกว่าเดิมเล็กน้อยออกมาที่ระดับ –1.2% จากเดิม –1.6% แต่ Capital expenditure กลับปรับตัวลดลงแรงกว่าคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทำให้คาดว่าจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมจาก BOJ และข่าวล่าสุด นาย ชินโซ อาเบะ ได้รับเสียงข้างมากให้อยู่ต่อ จึงคาดว่า การดำเนินนโยบายของญี่ปุ่นยังมีความต่อเนื่อง ถึงแม้นโยบายที่ออกมานั้นจะยังไม่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่

- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.7% น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 1.1%