บทวิเคราะห์

ย้อนกลับ

บทวิเคราะห์ประจำวันที่ 26 ส.ค. 2558

แนวทางทองคำวันที่ 26-8-58

เเนวรับ 1135 1125 1121 เเนวต้าน 1144 1147 1150

จากการทดสอบแล้วไม่ผ่านของภาพรวมบริเวณ 1165 และได้เกิดแรงขายอย่างต่อเนื่อง ในระยะสั้นคาดว่า จะมีแรงชะลอตรงบริเวณ 1135 แถวนี้ก่อน แต่ยังให้น้ำหนักการปรับตัวลดลงต่อไปยังแนวรับ 1120-1125 ซึ่งบริเวณนั้นมองว่า สำหรับคนที่มีสถานะ Short หรือขายก่อนควรจะปิดออกมารอดูตลาดกันก่อน ส่วนคนที่ยังไม่มีสถานะติดตามว่าจะลองเสี่ยงซื้อตรงบริเวณแนวรับนั้นได้หรือไม่ ข่าวยังมีทั้งบวกและลบผสมกันเช่นเดิม เลยมองว่า ในระยะสั้นทองจะยังคงแกว่งตัวตามเทคนิคไปอีกสักระยะหนึ่ง กรณีกลับกันหากราคาในวันนี้ขึ้นไปเหนือกว่า 1145 จะให้น้ำหนักทางฝั่งลงเริ่มเสียไปแต่จะเป็นการกลับไปแกว่งในกรอบ 1145-1160 อีกครั้ง น้ำหนักฝั่งนี้ยังน้อยอยู่

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 3312 ล้านบาท แต่หันกลับไป Long สุทธิในฟิวเจอร์มากถึง 16625 สัญญา เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นมาแรงเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก (ยกเว้นจีนและอเมริกา) ซึ่งมุมมองระยะสั้นเริ่มเห็นอาการดีขึ้นบ้าง (เล็กน้อย) สำหรับตลาดหุ้น เมื่อวานนี้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าลงมาทดสอบระดับ 35.50 แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้และยังรีบาวน์ขึ้นมาอ่อนค่าต่อจากนโยบายของจีนที่เข้ามาซ้ำ มองว่าตราบใดที่ยังไม่หลุด 35.50 ก็ยังอ่อน ถึงแกว่งในกรอบ

ทางเลือกหลัก : มองราคาชะลอตัวบนแนวรับ 1135 ตรงนี้มองว่า จะรีบาวน์เล็กน้อยก่อนที่จะปรับตัวลดลงต่อไปยังระดับ 1120 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ

ทางเลือกรอง : ราคาปรับตัวเกินกว่า 1145 ขึ้นไปมองว่า จะกลับไปแกว่งในกรอบใหม่

รายละเอียด

- ตัวเลขดัชนีราคาบ้านแต่ละตัวออกมาผสมกัน ทั้งนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเท่าไรนัก ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 101.5 จากเดือนก่อนหน้า 91 และคาดการณ์ 92.8 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์ ส่วนตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New home sales ) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 507K จากเดือนก่อนหน้า 481K และคาดการณ์ 512K ส่วนใหญ่แล้วเป็นข่าวค่อนข้างลบกับราคาทองคำ จึงเป็นตัวกระตุ้นให้ทองคำปรับตัวลดลงหลังจากตลาดหุ้นเริ่มรีบาวน์

- ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวสูงขึ้นหลังจากวันก่อนหน้าที่ตกลงมาอย่างรุนแรง ส่าวนหนึ่งเป็นเพราะ จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.6% (เป็นการปรับลดครั้งที่ 9 ในรอบปีนี้) นอกจากนี้ยังประกาศการลดอัตราเงินสำรองที่ธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองลงอีก 0.50% เหลือระดับ 18% เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐฏิจทั้งนี้หลังจากประกาศข่าว ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวรีบาวน์ขึ้น เพียงแต่ท้ายตลาดนั้นเกิดแรงขายออกมาบางส่วน แต่เมื่อมาดูฝั่งตลาดของอเมริกาพบว่า ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่างวันถึง 500 จุดแต่กลับปรับตัวลงมาลบถึง 200 จุดซึ่งบ่งบอกถึงความผันผวนที่ค่อนข้างมากของสินทรัพย์การเงินทั่วโลกในระยะนี้

- ผู้จัดการกองทุน Hedge fund ระดับโลก คุณ Ray dalio ได้ออกมาให้ความเห็นว่า ท่าทีที่เราจะได้เห็นนโยบายของ FED ในช่วงต่อๆไปนั้นไม่ใช่เป็นการดำเนินนโยบายแบบเข้มงวด (tighten) แต่เป็นการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแทน (Loosen) ซึ่งต้องติดตามว่าหมายความว่าอย่างไร

- กระแสการทำ Carry-trade ในปัจจุบันเริ่มมีกระแสออกมาว่า ทำได้ยากขึ้น และ มีแนวโน้มจะขาดทุนมากขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนและกลุ่มประเทศ Emerging market เกิดเงินอ่อนค่ามา และ อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มห่างกันมากขึ้นทำให้เม็ดเงินที่ไหลวนอยู่นั้นไม่สามารถหาที่ลงได้

- ตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมันปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการส่งออกที่ขยายตัว 2.2% และการขยายตัวของการบริโภคที่ระดับ 0.2% ทั้งนี้การลงทุนยังหดตัว ส่วนนโยบายการคลังยังคงเป็นแบบเกินดุล ทั้งนี้ตลาดหุ้น DAX เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 4% หลังจากลงมาต่อเนื่องในวันก่อนหน้า 

ปัจจัยที่ต้องติตตาม

19.30 USD

Durable goods orders -0.4% 3.4%
Core Durable goods orders 0.3% 0.6%