บทวิเคราะห์

บทวิเคราะห์วันที่ 20 พฤษภาคม 2557
แนวทางทองคำวันที่ 20-5-57
เเนวรับ 1290 1285 1280 เเนวต้าน 1295 1300 1305
ราคาทองคำยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม เมื่อวานนี้ไปทดสอบด้านบนแต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ และเกิดเป็นแท่งเทียน Shooting star แต่บริเวณที่เกิดนั้นเป็นกลุ่มของราคาและยังอยู่ในกรอบ มองว่า ไม่ได้แสดงถึงนัยสำคัญออกมาเป็นเพียงแค่แรงขายธรรมดาๆ และหลังจากลงมาทดสอบ 1290 นั้นก็สามารถรับอยู่ ในเบื้องต้นมองการรีบาวน์ขึ้นไปก่อนและแกว่งไปแกว่งมา ตลาดน่าจะรอผลการประชุม FOMC ในคืนพรุ่งนี้ที่จะเป็นตัว Breakout ของทองคำ สำหรับตลาดอื่นน้น พันธบัตรอายุ 10 ปี ยังให้ปัจจัยบวก และ ค่าเงินนั้นก็ให้ปัจจัยบวกอยู่ เงินยูโรมองการแข็งค่าขึ้นในระยะถัดไป
ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 544 ล้านบาท และไปเปิดสถานะ Long สุทธิในฟิวเจอร์ 951 สัญญา ส่วนทิศทางค่าเงินบาทนั้น หลังจากประกาศกฏอัยการศึกอ่อนค่าไปยังระดับ 32.60 จากน้นกลับลงมา 32.50 ซึ่งระดับ 32.50 นั้นเป็นแนวรับหนึ่ง ถ้าเกิดเงินบาทจะอ่อนนั้น 32.50 ต้องรับให้อยู่ไม่อย่างนั้นมองว่า การอ่อนไปทดสอบ 32.60 นั้นจะกลายเป็นโมฆะไป SET 50 index ปรับตัวลดลงตอนเปิดตลาดร่วม 10 จุด มองรีบาวน์นิดหน่อยแล้วมาดูกันต่อ
ภาพ DAY : ราคาวิ่งอยูในกรอบสามเหลี่ยมเช่นเดิม เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถึงบริเวณ 1305 แต่ก็เกิดแรงขายกลับลงมาเช่นเดิม เกิดเป็นแท่งเทียน Shooting star ซึ่งเป็นทางลบ แต่บริเวณที่เกิด เกิดในกรอบ และกลุ่ม Sideways จึงไม่ได้มองว่า มีนัยสำคัญ แต่ก็ค่อนไปทางลบ ว่าตลาดยังไม่เห็นด้วยกับราคาด้านบน จากนั้นลงทดสอบกรอบล่าง 1290 ก็ยังไม่สามารถผ่านไปได้ และ คาดว่าจะมีรีบาวน์กลับในกรอบ ก่อนที่จะมีผลการประชุม FOMC ออกมาในวันพรุ่งนี้
ภาพ H4 : ยังไม่ได้มีทิศทางที่สำคัญๆเท่าไรนัก
ภาพ H1 : มองเกิดการรีบาวน์ขึ้นไปอีกรอบ จากการ support จากแนวรับ 1290
รายละเอียด
- ช่วงเวลาตี 3 ในวันนี้ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก หลังจากการชุมนุมมาเกือบ 7 เดือน เพื่อป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น โดยกล่าวว่า นี่ไม่ใช่การปฏิวัติ สื่อต่างประเทศหลายสื่อก็ได้แสดงความเห็นไปในทางที่ห่วงเศรษฐกิจของประเทศไทย หลังจากประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสแรกออกมาที่ระดับ –0.6% yoy จากที่ขยายตัว 0.6% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว สาเหตุที่หดตัวมาจาก การชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ การลงทุนที่น้อยลงจะเห็นเม็ดเงินต่างชาติในปีนี้เข้ามาลงทุนในไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่ไปยัง อินเดีย ไต้หวัน และ อินโดนีเซียแทน ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐบาลก็ไม่มี เพราะ ยังไม่มีรัฐบาลเป็นเพียงรักษาการณ์ ส่วน ยอดส่งออกหักด้วยนำเข้า ก็พบว่า ส่งออกยังไม่ดี เมื่อรวมสมการทั้งหมดเข้าด้วยกัน GDP ของไทยเลยออกมาหดตัวลง ต้องมาดูทีท่าของนักลงทุนต่างประเทศว่าจะยังไงกันอีกรอบ แต่ค่อนไปทางลบสำหรับมุมมองโดยรวมในตอนนี้ ทำให้หลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ GDP ของไทยจะเติบโตเพียงประมาณ 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ทั้งปีที่ประมาณ 3.5%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF ได้ออกมากล่าวว่า เยอรมันควรจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเพื่อกระตุ้นการเติบโตในระยะยาว และ สนับสนุนค่าเงินยูโร ซึ่ง IMF กล่าวว่า เยอรมันสามารถลงทุนได้เพิ่มอีก 0.5% ของ GDP โดยไม่ไปกระทบกับฐานะการคลัง และกระทบอัตราส่วน Debt / GDP ในระดับที่ต่ำ ซึ่งถ้าลงทุนไปนั้นจะได้รับ GDP ที่เพิ่มขึ้น และ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในยูโรโซนได้อีก
- ทางฝั่งยุโรปนั้นมีการสำรวจจากทาง Bloomberg พบว่า 90% ของนักเศรษฐศาสตร์มองว่า ECBน่าจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งหน้าในเดือน มิถุนายน หลังจาก มีท่าทีจากการประชุมครั้งที่ผ่านมาว่า พร้อมที่จะผ่อนคลายเพิ่มเติม
- มีข่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป จะนำกฎหมายมาประมวลใหม่ เกี่ยวกับ การจำกัดการเทขายทองคำ แต่ยังไม่ได้กำหนดเพดานไว้แน่นอน