บทวิเคราะห์

ย้อนกลับ

บทวิเคราะห์ประจำวันที่ 20 ม.ค. 2558

แนวทางทองคำวันที่ 20-1-58

เเนวรับ 1270 1266 1260 เเนวต้าน 1280 1283 1290

ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวเมื่อวานนี้ท่ามกลางปริมาณการซื้อ-ขายที่เบาบาง ในวันนี้ก้ยังมองมุมเดิมคือ ราคามีแนวโน้มจะลงมาก่อน แต่ในเบื้องต้นมองว่า Divergent ที่เคยทำไว้ไม่ได้ส่งผลทางลบมากนัก และราคาน่าจะยังทรงตัวอยู่ระดับแถวนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง แต่ก็ยังมองว่า หากราคาดีดขึ้นไปก็ยังไม่ใช่จังหวะซื้อที่ดี จังหวะซื้อที่ดีจะอยู่แถวบรเวณ 1270-1260 หรือต่ำกว่านั้น ควรรอราคพักตัวลงมาก่อนจะดีกว่า เงินยูโรเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังจากปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้ ส่วนตลาดพันธบัตรหลังจากที่มองทดสอบแนวต้าน ก้ทดสอบแล้วและแรงขายเมื่อวานก็กลับไม่ได้มากเท่าไรนัก จึงยังมองว่า ในตลาดพันธบัตรยังคงเป็นบวกกับทองคำอยู่

ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1000 ล้านบาท ขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันในขณะที่ Lomg สุทธิในฟิวเจอร์ 1,517 สัญญา จากที่มองไว้ว่า SET ขาดปัจจัยในทางบวกและอาจจะปรับตัวลดลง แต่ตอนนี้กลับบวกสวนขึ้นมายังมองว่า การปิด GAP ด้านล่างอาจจะต้องชะลอไปก่อน และต้องติดตามข่าววันที่ 22 มค นี้ให้ดีว่าจะมีผลกระทบอย่างไร ค่าเงินบาทหลังจากแข็งค่าก็กลับอ่อนมาทดสอบแนวต้าน 32.70 มองว่า หากไม่สามารถผ่านตรงนี้ไปได้ เงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าอีกครั้งหนึ่ง

ทางเลือกหลัก : มองราคาลงไปด้านล่างบริเวณ 1266-1270 ก่อน และยังมองว่าเป็นจุดซื้อที่ดีในระดับที่ต่ำ หากราคาดีดขึ้นก่อน ยังไม่แนะนำให้ซื้อตาม

ทางเลือกรอง : -

รายละเอียด

- ข่าวตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆค่อนข้างน้อย ในวันนี้จะมาดูภาพรวมแนวโน้มราคาทองคำในระยะนี้กันครับ โดยปัจจัยเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงนี้ที่น่าจะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดทองคำมีอยู่ด้วยกัน 2 วันคือ วันที่ 22 มีผลการประชุม ECB ที่คาดว่าจะมีการทำนโยบาย QE และวันอาทิตย์ที่ 25 จะมีการลงคะแนนเลือกตั้งในกรีซซึ่งตลาดคาดาการณ์ว่าพรรคฝ่ายซ้ายจะได้รับเลือกเข้ามา ซึ่งสองข่าวนี้ต้องติดตามให้ดี ส่วนแนวโน้มนั้นเมื่อวัดจากจุดต่ำสุดที่ 1130 และจุดสูงสุดแถวบริเวณ 1170 จะได้ระดับการพักตัวของทองคำในแนวโน้มขาขึ้นหากระดับราคาไม่หลุดฟิโบที่ 61.8% หรือ 1210 ก็ยังมองการลงแต่ละรอบนั้นเป็นเพียงการพักตัว โดยมีแนวรับแต่ละฟิโบที่ระดับ 1260 1240 และ 1228 ตามลำดับ ซึ่งยังมองว่า หากราคาจะขึ้นต่อนั้นแนวรับแต่ละแนวจะมีหน้าที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแนวโน้มยิ่งพักตัวลงมาลึกเท่าไร แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอมากเท่านั้น 

- เศรษฐกิจจีนเติบโตที่ระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปีในปีที่ผ่านมา ขยายตัวที่ 7.4% จากระดับ 7.7% ในปี 2013 ตามเป้าหมายของการเติบโตของรัฐบาลนั้นมองไว้ที่ระดับ 7.5% ซึ่งการเติบโตของจีนในอดีตนับตั้งแต่ปี 1990 ไม่เคยต่ำกว่า 7.6% ซึ่งในปีนั้นเป็นเหตุการณ์ที่จตุรัสเทียนอันเหมินและส่งผลให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 3.8% ส่วน GDP เฉพาะไตรมาสที่ 4 ขยายตัว 7.3% มากกว่าที่คาดการณ์ 7.2% จากตัวเลขที่ออกมานั้นมีนักวิเคราะห์ออกมาให้ความเห็นค่อนข้างเยอะว่า ถึงแม้เศรษฐกิจจีนจะยังไม่ขยายตัวเยอะแต่เราก็จะไม่ได้เห็นเศรษฐกิจจีนหดตัวแรงเช่นเดียวกัน และ ดัชนีชี้นำในส่วนของภาคการผลิตยังคง Stable อยู่มา 2 ปีแล้ว และคาดว่าในปีนี้จะมีการควบคุมที่มากยิ่งขึ้นให้เศรษฐกิจจีนโตไปในทิศทางที่มีคุณภาพกว่าเดิม

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมาซื้อ-ขายกันที่ระดับ $47 ต่อบาร์เรล หลังจากตัวเลขการเติบโตของจีนออกมาลดน้อยลง ในขณะที่ตลาดหุ้นจีนและเอเชียกลับกลายเป็นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

- ตลาดคาดการณ์กันว่า ECB จะใช้วงเงินจำนวน 5 แสนล้านยูโรในการประชุมรอบนี้ แต่รายละเอียดในการเข้าซื้อยังคงไม่ชัดเจนนัก อาจจะเป็นลักษณะของการเข้าซื้อแบบ Hybrid ซึ่งธนาคารกลาง ECB จะซื้อเป็นจำนวนวงเงินหนึ่งขณะที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศก็จะแยกกันซื้ออีกส่วนหนึ่ง