ย้อนกลับ
บทวิเคราะห์ประจำวันที่ 11 ธ.ค. 2557
แนวทางทองคำวันที่ 11-12-57
เเนวรับ 1226 1220 1210 เเนวต้าน 1233 1238 1250
ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงของ Uptrend ระยะกลาง จึงมองว่า ราคาที่ลงมานั้นให้หาจังหวะซื้อ เมื่อวานนี้ยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆระหว่าง 1226-1238 ยังมองว่าราคาน่าจะพักตัวลงมากว่านี้อีกหน่อย โดยมีแนวรับสั้นๆ 1226 แต่เนื่องจากราคายังไม่ยอมหลุดก็อาจจะพิจารณาซื้อตรงนี้ในสัดส่วนน้อยหน่อย เผื่อราคาดีดขึ้น ส่วนน้ำหนักทางฝั่งลงกว่านี้ก็ยังมีอยู่ จุดซื้อที่ดีที่สุดอยู่บริเวณใกล้ 1210 ซึ่งเป็นเส้น Downtrend line ที่เมื่อก่อนเป็นแนวต้านและตอนนี้กลายเป็นแนวรับ จุดนี้เป็นจุดซื้อที่ดีเนื่องจากหากผิดทางจะทำให้การตั้ง Stop loss ตรงจุดเปลี่ยนแนวโน้มได้ไม่เสีย หายมากนัก ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงมาได้อีกหน่อย จึงยังมีปัจจัยบวกอยู่สำหรับทองคำ
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ เมื่อมาดูตลาดหุ้นทั่วโลกพบว่า ญี่ปุ่นปรับตัวลดลงแรงร่วม 2% ตามไปด้วยดาวโจนส์ของอเมริกาก็ปรับตัวลดลงแรงเช่นเดียวกัน –1.5% ทางฝั่ง DAX เยอรมัน ระหว่างวันปรับตัวลดลงแต่ก็สามารถกลับขึ้นมาปิดเขียวได้ และล่าสุดเปิดตลาดเอเชียเช้านี้ ฮั่งเส็ง และ นิเคอิ ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก -0.7% ตลาดหุ้นไทยวันนี้คงรับปัจจัยลบจากเพื่อนรอบโลกเข้ามา แต่ก็ได้ปรับตัวลดลงมาก่อนหน้าแล้ว ค่าเงินบาททิศทางยังคงแข็งค่าต่อไปอีก
ทางเลือกหลัก : มองราคาแกว่งตัวในกรอบไปอีกสักระยะ โดยเน้นฝั่งซื้อเป็นหลัก ในเบื้องต้นมองแนวรับ 1226 ยังพอทยอยซื้อได้ แต่หากจะให้ดี น่าจะรอแถว 1210 เพียงแต่จะมาถึงหรือไม่
ทางเลือกรอง : ราคาปรับตัวลดลงเกินกว่า 1210 จะทำให้กลับไปลงอีกครั้ง
รายละเอียด
- ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเนื่องจาก ราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงร่วม 5% ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายก่อนที่จะปิดตลาดไปแบบลดช่วงลบไปเล็กน้อย โดยมีสาเหตุหลักโยงมาจากการที่ OPEC ไม่ยอมลดกำลังการผลิตในการประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว และได้มีการคาดการณ์ว่า Demand ในน้ำมันดิบปีหน้าจะลดลงอีก ย้อนกลับไปตอนที่น้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง เมื่อไปดูการเติบโตของจีนจะพบว่า ตอนนั้นจีนได้เติบโตขึ้นมาแบบก้าวกระโดดและการเติบโตแบบนั้นทำให้ความต้องการน้ำมันดิบสูงขึ้น เมื่อมาดูตอนนี้ จีนยังออกอาการไม่ดี ยังลุ้นอยู่ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 7% ได้หรือไม่ และยุโรปก็ยังชะลอตัว จึงคาดว่าปีหน้านั้นความต้องการใช้น้ำมันจะน้อยลงกว่านี้อีก ประกอบกับการที่อเมริกาหันมาใช้เทคโนโลยีการผลิต Shale gas มากขึ้น จึงทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ต่ำจนทำให้มีกระแสการดู Cost production ของน้ำมันดิบ โดยส่วนใหญ่ประเทศที่อยู่นอก OPEC จะมีต้นทุนการผลิตอยู่แถวระดับ $50-60 ต่อบาร์เรล ซึ่งก็ไปใกล้กับต้นทุนของการผลิต Shale gas ในอเมริกา ส่วนต้นทุนการผลิตของพวกซาอุดิอาระเบียพบว่า ถูกกว่านี้ค่อนข้างมากมีตั้งแต่ระดับ $20/บาร์เรลไปจนถึงประมาณ $40/บาร์เรล ซึ่งตัวนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ OPEC ไม่ตัดสินใจลดกำลังการผลิตลง เพราะ ตนเองมีต้นทุนที่ถูกกว่าประเทศอื่น ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงนั้นส่งผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และเมื่อวานนี้หุ้นกลุ่มพลังงานนี้เองที่เป็นตัวฉุดดัชนีทั่วโลกให้ปรับตัวลดลง และสิ่งที่ต้องระวังคือ SET ของไทยนั้นสัดส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานต่อดัชนีมีค่อนข้างมาก อาจจะเป็นผลให้หุ้นไทยปรับตัวลดลงได้อีก
- SPDR ซื้อทองคำเพิ่มอีก 3 ตันในวันพุธเป็นผลทำให้กองทุนเริ่มซื้อต่อเนื่องกัน 2 วันเป็นรอบแรกโดยเหลือการถือครองทองคำที่ระดับ 724.8 ตัน หลังจากสถานะของกองทุนได้ขายทองคำจนถือครองต่ำสุดในรอบ 6ปี ได้เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามาบ้างแล้ว
- ยอดสั่งซื้อสินค้าประเภทเครื่องจักรของญี่ปุ่นหดตัว –4.9% จากเดือนกันยายนที่ขยายตัว 7.3% แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวได้ไม่ดีเท่าไรนัก
- ตัวเลขเงินเฟ้อของจีนออกมาปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพิ่มขึ้น 1.4% ขณะเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 1.6% ตัวเลขนี้หลายคนคาดการณ์ว่าอาจจะทำให้ธนาคารกลางจีนออกมาตรอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
ปัจจัยที่ต้องติตตาม
20.30 USD
Unemployment claims 295K 297K
Retail sales 0.4% 0.3%
Core retail sales 0.1% 0.3%